ยินดีต้อนรับเข้าสู่ร้านพระจันทร์มันไก่
.
.
.
.
.
.
......ร้านของผมชื่อ 'พระจันทร์มันไก่' แต่ใคร ๆ ก็มักจะเรียกว่าข้าวมันไก่เที่ยงคืน ที่เลือกขายข้าวมันไก่ ผมไม่ได้มีเหตุผล อะไรมากไปกว่า มันเป็นอาหารที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ประกอบไปด้วย 4 อย่าง ข้าวมัน ไก่ต้ม ซุป น้ำจิ้ม ถึงจะไม่ซับซ้อนแต่จะทำให้มันอร่อยไม่ใช่เรื่องง่าย คล้ายหลากหลายชีวิตคนที่ผ่านมาที่ร้านนี้ ดูไม่ซับซ้อน แต่กลับยากที่จะเข้าใจ และมันยิ่งยากขึ้นเมื่อผมเจอ 'เขา' ......
⚠️ เนื้อหาต่อไปนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น ⚠️
เริ่มต้นด้วย 'จิม' เจ้าของร้านขายข้าวมันไก่ยามค่ำคืนที่เปิดมาให้บริการกับคนทุกวัย จะเห็นได้ว่าคาแรกเตอร์ของจิมนั้นจะเป็นคนที่เฟรนด์ลี่ ช่างพูด ช่างคุย และยังใจดี
แล้วในคืนหนึ่งโชคชะตาก็พัดพาทำให้เขามาพบกับ 'เหวิน' ชายหนุ่มที่บังเอิญแวะมาฝากท้องกลางดึกที่ร้านข้าวมันไก่เที่ยงคืนแห่งนี้ จากไพล็อตความยาวราวสามนาทีครึ่ง เราอาจไม่อาจ รู้เลยว่าคาแรกเตอร์ของเหวินจะเป็นคนยังไง แต่เพราะโชคชะตาที่พัดพาเค้าทั้งคู่มาให้มาเจอกัน มันอาจจะเปลี่ยนชีวิตเค้าทั้ง 2 คนให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปเลยก็ได้
.
.
.
.
.
เอาล่ะ เนื้อหาต่อจากนี้ไปจะเป็นการพูดถึงสิ่งเรารู้สึกได้หลังจากที่ได้ดูตัวอย่างจากเรื่องนี้กัน ~~
อย่างแรกที่ต้องขอพูดถึงเลยก็คือ งานสายตาของทั้งเอิร์ทและมิกซ์
เรียกได้ว่าสายตาของทั้งคู่ เฉือนกันไปมาแบบไม่มีใครยอมใคร จากที่ตอนแรกแค่ปลุกเรียกให้ลุกขึ้นมาเฉย ๆ แต่ทำไมสายตาที่ส่งมามันถึงดูมีอะไรขนาดนั้น แล้วมันก็ส่งมาทั้งคู่เลยด้วยนะ เหมือนส่งมาเป็นนัย ๆ ว่าหลังจากที่สบตากันแล้วมันต้องมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนั้นแน่ ๆ เรารู้สึกมันมีความรู้สึกอะไรบางอย่างที่ทั้งคู่ส่งมาแล้วก็รับรู้กันเองว่ามันต้องเกิดอะไรต่อ แล้วท่าทางของจิมก็ดูไม่ได้ส่งมาแบบธรรมดาด้วยนี่แหละ ถ้าไม่ได้คิดอะไรต่อคงไม่เผลอยิ้มมุมปากแล้วขบกรามตัวเองหรอก
'รู้ใช่ไหมว่าทำแบบนี้มันจะยุ่งยากขึ้นไปอีก'
และแน่นอนว่าทั้งงานสายตาหรือพวก sexual tension ที่ส่งมาจากซีนนี้ก็คือยืนหนึ่ง เรารับรู้ได้แล้วแน่ ๆ ว่าเหวินต้องการอะไรบางอย่างจากจิม สิ่งที่รู้สึกชอบเลยคือจังหวะที่จิมใช้มือเกลี่ยที่ริมฝีปากของเหวิน เรารู้สึกว่าจิมกำลังหยั่งเชิงว่าเหวินพร้อมจะไปต่อกับเค้ารึเปล่าซึ่งสิ่งที่ตอบกลับมาก็คือสายตาที่บอกว่าฉันไม่ได้รู้สึกลังเลแล้วนะ จะทำอะไรก็ทำ แล้วจากประโยคที่จิมพูดว่า 'รู้ใช่ไหมว่าทำแบบเนี้ย มันจะยุ่งยากขึ้นไปอีก' อาจดูเหมือนถามแค่หยั่งเชิงดูเฉย ๆ ตัวจิมเองอาจจะได้คุยอะไรกับเหวินมาบ้างแล้วก็อาจจะรู้อยู่แล้วว่าเหวินก็มีคนรักอยู่แล้ว แต่ตัวเองก็เลือกที่จะทำตามความรู้สึกของตัวเองที่มันดันเตลิดไปแล้วต่อไปอยู่ดี
'ถ้าความรู้สึกมันห้ามกันได้ ผมคงทำไปแล้ว'
จริง ๆ แล้วเราก็รู้สึกว่าประโยคนี้มันสามารถบอกได้ทั้งตัวจิมแล้วก็เหวินเลยว่าความรู้สึกของทั้งสองคนมันไปไกลเกินกว่าที่จะถอยมาอยู่เดิมที่เป็นแค่คนแปลกหน้าต่อกันแล้ว ถัดมาที่ซีนที่ดูจะเป็น after sex ของทั้งคู่(ที่เราอนุมานเอาเอง) เรารู้สึกว่าทั้งคู่ก็มีความต้องการที่ตรงกัน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้จิมยังถามย้ำอยู่เลยว่าพร้อมรับความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้นมาแล้วใช่มั้ย แล้วก็จากภาษากายของเหวินเองก็ ดูไม่เสียใจกับ สิ่งที่ตัวเองเพิ่งทำลงไปเหมือนกันแถมเรายังเห็นจังหวะยิ้มมุมปากของจิมในขณะที่อีกฝ่ายกำลังใช้มือลูบไล้แผ่นหลังตัวเอง เขาก็ดูพอใจกับสิ่งที่เพิ่งทำลงไปกันทั้งสองฝ่ายนะ
จริง ๆ ฉากนี้เราแอบคิดว่ามันอาจจะมีความหมายอะไรซ่อนอยู่มั้ย เพราะมีการใช้แสงมาช่วยเล่าเรื่องโดยเริ่มจากการจูงมือกันจากที่มืดเดินออกไปยังที่สว่างขึ้น แต่แสงสว่างที่ปลายทางนั้นมันดันเป็นฝั่งที่ไม่มีคนพลุกพล่าน ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครสนใจ เราจะทำอะไรก็ได้ มันรู้สึกเหมือนว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้ทำอยู่ตอนนี้เป็นรักต้องห้าม มันไม่สามารถบอกให้ใครรู้ได้ เพราะใจของทั้งจิมและก็เหวินมันเตลิดไปไกลแล้ว ถึงผิดก็จะพร้อมที่จะทำต่อ สำหรับซีนจูบเรารู้สึกว่ามันมีความโตขึ้นกว่าตอนนิทานพันดาวมากเลย มันดูเป็นจูบที่มันมีความปรารถนาต่อกันสูงมาก ราวกับว่าความต้องการในใจของคนสองคนนี้มันมากเกินกว่าที่จะเก็บซ่อนเอาไว้ในใจต่อไปแล้ว
สิ่งที่จิมได้ทิ้งไว้ว่าทำแบบนี้มันจะยุ่งยากขึ้นไปอีกมันก็อาจจะมาจากที่จิมรู้ว่าเหวินก็มีคนของเหวินอยู่แล้ว นั่นก็คือ 'อลัน' ( เฟิร์ส คณพันธ์ ปุ้ยตระกูล) เราก็รู้สึกว่ามันก็ยังมีคำถามในใจหลังจากที่เห็นว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่ทำให้เหวินเลือกที่จะไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับจิมได้ ตัวละครที่คาดว่าจะเป็นคนรักของเหวิน เขาไม่สามารถเติมความปรารถนาในใจของเหวินได้หรอ หรือมันมีอะไรที่มากกว่า sex life หรือห้วงอารมณ์แห่งความปรารถนาที่เหวินหาได้จากเหตุการณ์ที่ปล่อยให้อารมณ์มันพาไปในคืนนั้น
ซีนนี้เป็นซีนที่รู้สึกได้มาก ๆ ว่าเหวินดูคิดถึง ดูอาลัยอาวรณ์เหตุการณ์ในคืนนั้นมากเลย มิกซ์เล่นส่งมาได้ชัดมากแบบมาก ๆ ถึงแม้ว่าตัวเองจะกำลังนอนกับคนของตัวเองแต่ใจมันไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว มันมัวแต่ไปคิดถึงแต่คนที่รู้ว่ามันอาจจะเป็นไปไม่ได้ ต่อให้คนข้างกายของตัวเองจะกอดแน่นขนาดไหนแต่ใจไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้อีกแล้ว เหมือนสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการภายในใจของเหวินได้อีกต่อไป
เส้นเรื่องที่ต่อมาที่รู้สึกน่าสนใจก็คือ 'ไก่ป่า' (ข้าวตัง ธนวัฒน์ รัตนกิจไพศาล) เราก็คงมองกันออกแหละว่าเขาก็มีความรู้สึกดี ๆ ให้กับจิมเหมือนกัน ก็เป็นอีกตัวละครนึงที่เรายังคาดเดาไม่ออกว่าจะออกมาเป็นยังไง จะเป็นตัวละครที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนอะไรในเรื่องหรือไม่ หรือแค่เป็นตัวละครหนึ่งที่เข้ามาแล้วก็ผ่านไปเฉย ๆ
'คนจนแม่งก็จนอยู่วันยังค่ำ'
เป็นประโยคที่เรารู้สึกมันก็สะท้อนสังคมอยู่เหมือนกัน มันแย่ตรงที่ว่า ต่อให้บางคนจะทำงานจนสายตัวแทบขาดแต่มันกลับยังไม่พอที่จะทำให้ชีวิตตัวเองสุขสบายขึ้น สุดท้ายเราก็ยังต้องก้มหน้าหาเงินต่อไป ซึ่งการเข้ามาของเหวินก็ อาจจะเป็นความสบายใจหรืออาจจะเป็นความสุขเดียวที่จิมกำลังไขว่คว้า ในขณะที่ตัวเขาเองก็กำลังเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริงที่แสนโหดร้ายอยู่ แต่เขากลับเลือกที่จะมองข้ามการกระทำของตัวเองที่เขาก็รู้อยู่แล้วว่ามันผิดที่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในความสัมพันธ์ต้องห้าม แต่ด้วยความเป็นมนุษย์ เราทุกคนต่างล้วนมีมุมที่เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น จิมอาจจะมองว่าเราก็แค่หาความสุขที่เราควรจะได้รับมันบ้าง จะเป็นอะไรไป นั่นเพราะเขาก็คือมนุษย์คนหนึ่งเช่นเดียวกัน
อันนี้ก็น่าจะเป็น love line อีกคู่นึงที่เรื่องนี้จะเล่าให้เราได้รู้ แต่ก็ยังเดาไม่ออกอยู่ดีว่าทางผู้จัดจะเล่าออกมาในทางไหน ด้วยความที่มีตัวละครที่เป็นผู้ ใช้ภาษามือ เรารู้สึกว่ามันก็น่าจะเป็นความท้าทายอีกอย่างนึงว่าจะนำเสนอประเด็นอะไรออกมาให้เราได้รู้บ้าง เพราะในโลกทุนนิยมที่ได้พูดถึงสเป็คตรัมของ LGBTQIAN+ ยอดพีระมิดของการนำเสนอในสื่อกระแสหลักมักจะเป็นกลุ่ม G หรือ เกย์ ทั้ง ๆ ที่ความหลากหลายทางเพศนั้นต่างมีสเป็คตรัมอื่น ๆ ในนั้นอยู่ และเมื่อมองลึกลงไปถึงประเด็นความหลากหลายทางเพศ อีกหนึ่งการถูกมองข้ามไป ก็คือกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศที่เป็นผู้พิการ นับว่าเป็นประเด็นหนึ่งที่น่าจับตามองว่าผู้ผลิตจะนำเสนอคู่นี้ในลักษณะของความสัมพันธ์แบบไหน
- พบกันในยามเที่ยงคืน -
จากการที่ดูไพล็อตความยาวเพียง 03.41 นาที เรา รู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งเหวินและจิมมันคงไม่ได้เป็นแค่ one night stand ที่บังเอิญผ่านมาเจอกันหรือเป็นความสัมพันธ์ฉาบฉวยกันแค่ชั่วข้ามคืนแล้ว เพราะดูเหมือนว่าจิมเองก็เป็นเป็น safe zone ให้กับเหวินด้วยเหมือนกัน สังเกตได้ว่าทั้งคู่มักจะมาเจอกันตอนที่ร้านปิดหรือตอนที่ไม่ค่อยมีคนผ่านไปมาราวกับว่ามันเป็นช่วงเวลาเดียวที่พวกเขาได้รับอนุญาตให้เจอกัน
ความรู้สึกของคนเรามันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ต่อให้วันนึงเคยรักกันมาก พอมันเปลี่ยนไปแล้วก็ยากที่จะกลับมาให้รู้สึกแบบเดิม เหวินก็คงเป็นแบบนี้เหมือนกัน แม้ว่าจะมีเหตุผลใดก็ตามที่ทำให้เขาเลือกที่จะทิ้งคนของเขาไปไม่ได้ อาจจะด้วยความผูกพันธ์ ผลประโยชน์ หรืออาจเป็นเหตุผลอื่นที่เราก็ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่สิ่งที่เรารับรู้ได้อย่างหนึ่งคือความรู้สึกของเหวินที่มีต่อจิมมันก็น่าจะเป็นความรู้สึกที่เข้ามาแทนที่สิ่งที่เหวินอาจจะกำลังตามหาอยู่ก็เป็นได้
ตามความเชื่อแบบจีนเขาว่ากันว่า 'พระจันทร์' คือวันเกิดของเทพเจ้าความรัก เป็นสื่อกลางของการคิดถึงซึ่งกันและกัน ทั้งเหวินและจิมเองก็คงตามหาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับตัวเองทั้งคู่ ถึงสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่มันจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถบอกใครได้ แต่ขอแค่มีเพียงพระจันทร์ที่คอยรับฟังคำขอ รับรู้เรื่องราวของเขาทั้งสองคนบ้างก็เพียงพอแล้ว
สุดท้ายนี้เส้นทางความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้จะเป็นอย่างไรเราก็ไม่อาจจะคาดเดาได้เลย ในวันนี้เขาอาจจะต้องปล่อยมือกันไป แยกย้ายกันไปคนละทางเพื่อรอวันที่โชคชะตาจะพาพวกเขาให้กลับมาเจอกันอีกครั้งในช่วงเวลาที่เหมาะสมก็เป็นได้
ซีนนี้เรารู้สึกว่ามันอาจจะผ่านเวลามาช่วงนึงแล้วก็ได้ ผ่านเวลามาประมาณหนึ่งจนมันอาจจะถึงเวลาที่เหมาะสมที่เขาจะกลับมาทำความรู้จักกันใหม่ก็ได้ เหมือนกับที่จิมบอกว่า
'ร้านของผมและเวลาเที่ยงคืนของทุกวันจึงเป็นเสมือนที่จบวันอันวุ่นวาย แต่ว่าเป็นเวลาเริ่มต้นใหม่ในคราวเดียวกัน' บวกกับจังหวะที่มีจังหวะที่ไฟรอบตัวเขาจากที่ดับอยู่เปลี่ยนเป็นสว่างขึ้นมาราวกับว่าถึงเวลาที่ น่าจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ระหว่างจิมกับเหวินที่มาพร้อมกับโชคชะตาที่เป็นใจว่ามันคงถึงเวลาที่ไม่ต้องปิดบังใครแล้วสักที...
❝ เบ็ดเตล็ดก่อนจาก ❞꩜ การใช้โทนสีเล่าเรื่อง
ส่วนใหญ่ที่เราเห็นการเลือกหยิบใช้สีที่จะเป็นโทนสีเขียว - สีแดงกันเป็นซะส่วนใหญ่ ทั้งจากพื้นหลังของคำบรรยายที่ก็เลือกหยิบสีเขียวและสีแดงมาใช้เช่นกัน จากที่ลองตีความจากความเข้าใจของเราเอง เรามองว่า สีแดง เป็นสีที่ให้ความรู้สึกที่ร้อนแรง ตื่นเต้น ซึ่งก็มักจะเห็นได้บ่อยในเวลาที่เหวินกับจิมมาเจอกัน เราก็จะสีนี้ก็จะเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ในขณะเดียวกัน สีเขียว ที่มักจะให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ สงบ ว่างเปล่า สร้างบรรยากาศให้ รู้สึกสบาย แต่ในครั้งนี้เรากลับรู้สึกว่ามันแสดงถึงค วามโดดเดียว เศร้าหมอง เรามักจะเจอสีเหล่านี้มีความเด่นขึ้นมาในช่วงที่เป็นห้องนอนของทั้งจิมและเหวิน หรือแทบจะเป็นสีหลักที่ดำเนินเรื่องเลยด้วยซ้ำ
อีกสีนึงที่โผล่มาสั้น ๆ แต่รู้สึกเด่นขึ้นมาก็คือ สีเหลือง เป็นสีที่ให้ความรู้สึกถึงความแจ่มใส ความกระตือรือร้น มีความสุข สีนี้จะเด่นขึ้นขึ้นมาในตอนที่ทั้งคู่เดินจูงมือกันเข้ามาที่ตรอกแล้วเข้ามาจูบกัน เราก็สัมผัสได้ว่าเขาทั้งคู่ก็ดูมีความสุขกับสิ่งที่ทำลงไปเช่นกัน
꩜ เพลงประกอบตัวอย่าง
ในเรื่องนี้ทีมตัดต่อเลือกที่จะหยิบใช้ใช้เพลง เรา - COCKTAIL เป็นตัวบรรยายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในพระจันทร์มันไก่ เพื่อที่จะเล่าเรื่องแบบคร่าว ๆ ให้เราสามารถรับรู้ได้ว่าเขาต้องการสื่อให้เรารู้ถึงความเย้ายวน ลุ่มหลง ชวนฝัน ผสานกับท่วงทำนองที่ดำเนินทางดนตรีด้วยทางจีน เสริมบรรยากาศของชุมชนจีนในเรื่อง รวมกับเนื้อเพลงที่ชวนให้นึกถึงและติดตามเรื่องราวในเรื่อง อย่างท่อน 'ความรักของฉันไม่เปลี่ยนไปไหน ความคิดถึงฉันยังไม่แปรเปลี่ยนไป เพราะฉันรักเธอ รักเธอมากสักเท่าไร ใจของฉันจะเป็นของเธอเสมอ' มันก็สื่อได้ถึงความรู้สึกของทั้งเหวินและจิมที่ครั้งนึงความสัมพันธ์ของเขาอาจจะไม่มีวันมาบรรจบกันได้ แต่ในวันนึงเมื่อถึงเวลาที่เป็นของพวกเขา มันก็อาจจะกลับมาร่วมทางกันอีกครั้งก็ได้ เหมือนกับสิ่งที่ทีมตัดต่อทิ้งคำใบ้ในตอนสุดท้ายไว้ว่า ' โปรดจำไว้ว่าใจฉันเป็นของเธอ '
.
.
.
.
สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว อยากจะขอลองลิ้มรสด้วยตัวเอง ก็ลองกดชิมดูได้เลย
VIDEO
✦ นักแสดง ✦
เอิร์ท พิรพัฒน์ วัฒนเศรษศิริ Twitter: @Earth_Pirapat Instagram: theearthe
มิกซ์ สหภาพ วงศ์ราษฎร์ Twitter: @wixxiws Instagram: mixxiw
เฟิร์ส คณพันธ์ ปุ้ยตระกูล Twitter: @Firstkpp Instagram: first.kp
ข้าวตัง ธนวัฒน์ รัตนกิจไพศาล Twitter: @myktnw Instagram: khaotungg
มาร์ค ภาคิน คุณาอนุวิทย์ Twitter: @mmarkpkk Instagram: mmarkpkk
โฟร์ท ณัฐวรรธน์ จิโรชน์ธิกุล Twitter: @fourthNTW Instagram: fourth.ig
เจมีไนน์ นรวิชญ์ ฐิติเจริญรักษ์ Twitter: @gemini_nt Instagram: gemini_nt
มารอติดตามว่า 'พระจันทร์มันไก่' จะมาเปิดร้านให้เราได้ลิ้มรสความสัมพันธ์ที่แสนซับซ้อนที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ความเรียบง่ายอย่างที่มีคนเคยว่าไว้กันวันไหน
??
พิสูจน์อักษร: anonymousP แก้ไขล่าสุด 18 ธันวาคม 2564
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in