หลังลงจากรถกู้ภัย เจ้าหน้าที่ก็พาไปที่ห้องฉุกเฉิน ซักประวัติ อาการ ความเจ็บปวด
ทำแผลสดอีกรอบนึง และเข้าห้อง x-ray ระหว่างรอผลตรวจ ณ ตอนนั้นก็คิดว่าเจ็บนะ พอได้เห็นอาการของคนในห้องหลายๆคน เราดูเบาไปเลย ผู้ชายวัยกลางคนที่เข้าห้องมาพร้อมๆกันด้วยเหงื่อที่ท่วมตัว กับอาการฉี่ไม่ออก หมอบอกต้องผ่าตัดท่อปัสสาวะ เด็กทารกที่อายุได้ 10 เดือน เป็นไข้ ชัก พยาบาล
เจ้าหน้าที่ ทำการเช็ดตัวจับเด็กไว้คนละข้าง เช็ดตัวแรงๆ ให้เด็กอาการดีขึ้น เป็นนาทีชีวิตมาก
เราที่อยู่ข้างๆได้แต่มองการทำงานของทุกคนในห้องนั้น
เลยคิดว่าอาการตัวเองคงไม่เป็นอะไรมาก เดี๋ยวก็คงกลับบ้านได้
ไม่..เราคิดผิด หลังจากหมอดูผล x-ray ก็คุยกันด้วยภาษาหมอก่อนที่จะมาอธิบายให้เราฟัง
ว่ากระดูกข้อเท้าหัก ต้องมีการผ่าตัดใส่เหล็กที่ข้อเท้า ต้องโทรหาผู้ปกครอง
ให้มาเซ็นรับรองการผ่าตัด ตอนแรกที่ได้ยินถามหมออีกรอบว่าอาการหนักขนาดนั้นเลยหรอ
มันไม่มีวิธีอื่นนอกจากผ่าตัดใช่มั้ย ดูเป็นคำถามที่น่าตลกเนอะ แต่เวลานั้นมันไม่อยากผ่าจริงๆ
หมอก็ยืนยันว่าต้องผ่าตัดและโทรหาผู้ปกครองด่วน ก็ร้องไห้โฮเลย
แบบความรู้สึกมีหลากหลายมากจะบอกยังไง แม่จะว่ามั้ย ค่ารักษาแพงหรือเปล่า
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ออกไปซื้อข้าว หรือไม่ก็จะออกไปช้ากว่านั้นก็คงดี
วนลูปอยู่แบบนี้ แต่ในมือก็กดโทรนะ จนหมอเดินเข้ามาบอกว่าให้คุยให้มั้ย
การที่โทรหาแม่ไปแล้วร้องไห้ไป จะทำให้เขาเป็นห่วงมากกว่าเดิม
เราก็พยายามอธิบายก่อนว่าทำอะไรมาถึงอยู่โรงพยาบาลให้แม่รู้ว่าเรายังมีสติ
จะได้เป็นกังวลน้อยลง หลังจากนั้นเราก็ให้หมอคุยถึงการรักษา ฟังไปร้องไห้ไป
จนหมอคุยกับแม่เสร็จก็ได้คุยกับแม่อีกรอบ แม่บอกจะรีบมาไม่ต้องร้องไห้แล้ว
สรุปร้องหนักกว่าเดิม เพราะแบบรู้สึกเหมือนทำให้ทุกคนลำบาก เดือดร้อนกันไปหมด
หลังจากนั้นก็โดนส่งไปนอนแอดมิทที่ตึกผู้ป่วย แผนกศัลยกรรม หญิง
เพื่อนก็ตามไปส่งที่ตึก คอยจัดการเรื่องเอกสารให้ จนหมดเวลาเยี่ยมถึงกลับไป
แม่มาถึงตอน 23.00 มาคุยกับพยาบาลที่วอร์ด ถึงหมดเวลาเยี่ยมพยาบาล ก็ให้แม่เข้ามาหาเราก่อน เจอแม่ทีน้ำตาจะร่วงอีกแล้ว แม่ก็มีบ่นๆบ้าง
แต่ก็รู้แหละว่าแม่เป็นห่วง กังวลไม่ต่างกัน ดีนะที่แม่ไม่ได้ร้องไห้ไปด้วย
ไม่งั้นคงรู้สึกแย่กว่าเดิมอีกแน่ๆ
สักพักแม่ก็ต้องกลับไปแล้วมาใหม่ตอนเช้า รอเจออาจารย์หมอคุยเรื่องการผ่าตัด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in