ถึงเดือนธันวาคมทีไร เหล่าบรรดาผู้เสาะแสวงหารายได้อย่างเราๆ จำต้องใจชื้น รีบตื่นตัวขึ้นมารอรับทรัพย์ก้อนโต จากการแบ่งสรรปันส่วนจากผลการดำเนินงานด้วยกำไรของบริษัท ซึ่งทรัพย์หนักๆก้อนนี้ก็มักจะถูกพูดกันไปต่างๆนานาว่า ค่าของปริมาณเงินนั้นแปรผกผันกับปริมาณงาน บางคนถึงกับกัดฟันจำยอมรับกับความจริงที่ปรากฏ และคาดหวังให้น้อยๆเข้าไว้ เพราะการได้รับโบนัสก้อนนิดๆก้อนนี้ ก็ยังดีเสียกว่าที่บริษัทอื่นๆ ที่ไม่มีแม้แต่นโยบายให้โบนัสแก่พนักงานตากลมๆเสียเลย
ข้อกำหนดของโบนัสไม่ได้มีระบุเอาไว้ในตัวระเบียบ ดังนั้นการเอาไปเปรียบเทียบกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง โตโยต้า ฮอนด้า หรือมิตซูบิชิ อาจทำให้เราหดหู่จนแทบไม่อยากเคลื่อนไหว ปริมาณทรัพย์ที่บริษัทเหล่านี้ป้อนให้พนักงานช่างดึงดูดหัวใจ เพิ่มพลังงานที่เหือดแห้งไป เปลี่ยนความเหนื่อยล้าให้ฟื้นขึ้นมาใหม่ แล้วกลับไปต่อสู้กับสิ่งเดิมๆนั้นอีกครั้งเมื่อถึงปีหน้าฟ้าใหม่ของเรา
โบนัสก้อนโตมักทำให้เราเผลอไผลไปกับการใช้สอย ยิ่งใกล้จะปิดปลายปี บรรดาร้านรวง ห้างสรรพสินค้าก็มักจะเอา เสื้อผ้า อาหาร ของใช้ต่างๆ ออกมาเทกระหน่ำลดราคากันอย่างไม่คิดค้ากำไร ป้ายสีแดงฉานถูกแปะเปลื้อนไปทั่วทุกซอย พนักงานขายในห้างก็กระหยิ่มยิ้มเป็นจังหวะ แม้ช่วงนี้พวกเขาจะไม่ได้กลับบ้าน เพราะเขาต้องทำหน้าที่บริการให้ดีที่สุด เพื่อผลประโยชน์ของบริษัท และสุดท้ายนั้นจะตอบแทนมาถึงพวกเขาด้วยเช่นกัน
ได้โบนัสก้อนใหญ่ ก็จวนถึงเวลาออกไปเผชิญโลกหล้าที่กว้างใหญ่นี้เสียที เงินถุงเงินถังถูกทุ่มลงไปกับการท่องเที่ยวปลายปีซะส่วนใหญ่ บินหรู อยู่สบาย กินดี จ่ายไม่อั้น รีบกอบโกยความสุขให้ครบถ้วนทุกคืนทุกวัน เพื่อเพิ่มเติมเสริมพลังให้กลับมาแกร่งได้อีกครั้ง และพร้อมสำหรับการทำงานในปีถัดไป
เมื่อการเฉลิมฉลองเป็นเรื่องใหญ่ โบนัสอีกส่วนหนึ่งจึงหมดไปกับการเฉลิมฉลองด้วยการกินดื่มเป็นหลัก ส่วนเวลาพักผ่อนเป็นเรื่องรอง ผู้คนต่างออกมาสังสรรค์ สรวลเส เฮฮา กันอย่างสนุกสนาน ร้านรวงเต็มไปด้วยผู้คนที่พร้อมจับจ่าย ลานเบียร์ยังคงเนืองแน่นไปด้วยนักดื่มอีกมากมาย ปริมาณเงินเข้ารัฐจาก ภาษีจากเหล้า เบียร์ บุหรี่ ในช่วงนี้จึงดูเติบโตกว่าช่วงไหนๆ แต่บางทีนักดื่มอาจจะต้องสะเทือนใจเอาไว้บ้าง เพราะผู้ผลิตสินค้าเหล่านี้ ได้ผลักภาระภาษีบาปมากับราคาบนฉลากข้างขวดเอาไว้แล้ว
ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจไทยจะเดินสะพัดในช่วงโบนัสออก คล้ายว่าวัฏจักรของเราจะยังคงวนเวียนเป็นวงปีแบบนี้ไม่ไปไหน ได้ทรัพย์ก้อนโต แต่สุดท้ายก็หมดไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือนของปีถัดไป คล้ายกับวงเวียนรอบใหญ่ ที่ปลดปล่อยให้ชีวิตของเราได้สนุกสุดเหวี่ยง เพื่อกลบเกลื่อนทุกข์ระทมและสิ่งที่พร่ำบ่นมาเป็นปี ให้จางหายไปเพียงชั่วข้ามคืน
เราตั้งตารอโบนัสก้อนโตเพื่อสิ่งใด เพื่อคนใกล้ตัว เพื่อคนที่บ้าน หรือเพื่อตัวเอง ยังคงเป็นคำถามที่มีคำตอบอันหลากหลาย ในห้วงชีวิตที่ยอมตรากตรำทำงานจนเหนื่อยยากนั้น เรากำลังทำไปเพื่อฝันของใครกัน ฤาเราเพียงหวังว่าโบนัสก้อนใหญ่นั้นจะสร้างสรรค์ความสุขเพียงชั่วคืนแล้วหมดไปเท่านั้นพอ
จากคำนิยามของโบนัส คือ เงินค่าตอบแทนที่บริษัทจ่ายให้แก่พนักงาน อันเนื่องมาจากบริษัทมีผลประกอบการที่ดี แต่หากว่าวันใดวันนึงจะไม่มีโบนัสปลายปี นั้นคงแสดงว่าบริษัทคงไปไม่รอด เมื่อไม่มีโบนัส จึงไม่มีการเฉลิมฉลอง ไม่มีการท่องเที่ยว และไม่มีการจับจ่ายใช้สอยที่รอคอย เราจะยังสุขและสนุกสุดเหวี่ยงในช่วงส่งท้ายปีเก่าแบบนี้ไปได้อีกนานสักเท่าไร
เพราะวงจรของพนักงานบริษัทนั้น ไม่อาจวนเวียนอยู่ในวัฏจักรโบนัสได้ตลอดชีวิต เมื่อความสามารถไม่มี บารมีไม่เกิด บริษัทไหนเลยจะยอมตัดแบ่งผลกำไรให้แก่พนักงงานที่หมดไฟไปแล้ว ยิ่งทู่ซี้ทนตั้งตารอเดือนสุดท้ายของปียิ่งไม่เกิดประโยชน์ใดๆ
เพราะเหตุการณ์ไม่คาดคิด มักเกิดขึ้นได้เสมอ เราถึงต้องแนะนำให้เอาเงินเดือนส่วนเกินนี้ไปต่อยอดทางความคิด นิยามอันแท้จริงของโบนัสคือเงินสนับสนุนจำนวนหนึ่งที่มอบให้แก่พนักงาน เพื่อนำไปสร้างกิจการ เงินทุนหมุนเวียน หรือการลงทุนในหุ้นส่วนชีวิตโดยแท้จริง เพียงจัดสรรปันส่วนลดความสนุกของชีวิตลงเสียบ้าง แล้วไปต่อยอดระยะเวลาความสุขในอนาคตของเราเอง
ปริมาณความสุขอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเท่าของโบนัส แต่ขึ้นอยู่กับการจัดสรรปันส่วนให้กับความสุขในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง การวางแผนชีวิตและการเงินคือหนึ่งวิชาเลือกอันสำคัญที่พนักงานบริษัทคนนึงพึงจะมี เริ่มวางแผนการใช้โบนัสอย่างมีคุณค่าที่สุด เพื่ออนาคตที่ออกแบบโดยตัวเราเอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in