เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
THE EXPLORER STORYTHEEXPLORER
วิถีไบค์เกอร์
  • "แค่จ้องหน้าในระยะไกล เขาก็รู้แล้วว่าคุณอยากจะไปที่ไหน แม้อาจจะเป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่เขาก็รู้สึกเป็นห่วงเป็นใยในความปลอดภัยของคุณตลอดการเดินทาง" 

    ไม่รู้ว่าใครคนนั้นจะมีจริงหรือไม่ แต่ผมก็พบบุคคลคนนี้เข้าแล้วทุกเย็น แค่ยกนิ้วชี้ขนาบกับไหล่ เขาก็รีบกุลีกุจอเปิดไฟ ใส่หมวก บิดคันเร่งมารอรับอยู่ที่หน้าเพิงหมาแหงนที่เก่าเวลาเดิม เพื่อรับส่งผมกลับไปยังบ้านที่คุ้นเคย

    ชีวิตประจำวันเป็นแบบนี้ได้เกือบสิบปี ก็คงจะพอให้พี่วินมอเตอร์ไซด์หน้าปากซอยจำหน้าคร่าตากันได้ แต่ก่อนจะใช้บริการสักที ต้องก้าวเท้าเดินไปให้ถึงคิว ขนาดพยักหน้าว่ากูมีความประสงค์จะเข้าไปในซอยก็แล้ว ก็ยังจะไม่ค่อยจะใส่ใจกันสักเท่าไร โขกสับกระดานหมากรุกกันอย่างสนุกสนาน ในใจก็แอบนึกไปว่า นี่พวกพี่คงพากันมานั่งเล่นหมากรุกเพื่อรอเวลาตอกบัตรตอนสองทุ่ม แล้วค่อยกลับบ้านเหมือนกับพนักงานประจำแน่ๆ

    แต่ก่อนปากซอยหน้าบ้านมีคิวมอเตอร์ไซด์สามคิว แต่ละทีมก็มีสปอนเซอร์ช่วยเหลือเรื่องหยูกยาและบารมีกันอยู่เบื้องหลัง แถมด้วยการแอบแฝงโฆษณาอยู่บนเสื้อคิว ที่แบบให้ผู้โดยสารไม่ต้องเบือนหน้าหนีไปจากซอกคอของพี่วินเลย

    ด้วยระยะที่อยู่ห่างกันไม่ถึง 200 เมตร ก็ไม่ทราบว่าทำไมพวกพี่ถึงต้องแบ่งแยกเสื้อคิวกันอย่างชัดเจนขนาดนั้น เห็นพี่วินบางคนนี่พยายามจับจ้องว่ารถประจำทางคันนู้นคันนี้ จะเหยียบเบรคด้วยอัตราแรงเฉื่อยเท่าไร ยิ่งไปจอดไกลจากปากซอย คิวใกล้สะพานลอยก็จะกินเรียบไปได้หมดทั้งวัน

    ทั้งๆที่เสื้อก็สีเดียวกัน ปักด้วยตัวอักษรสีเดียวกัน แต่รายได้ก็ถูกแบ่งสรรปันส่วนกันไปตามการเบรคของรถโดยสารที่ผ่าน บางทีก็รู้สึกว่าพวกพี่ควรจะมีแค่วินเดียวที่ต่อคิวกันอย่างเป็นระเบียบ ที่ผมพอจะได้เรียกว่า "วินมอเตอร์ไซด์" กันอย่างแท้จริง แต่ที่ไหนได้ กลับกลายเป็นวินใครวินมัน ถ้าวันนี้รายได้น้อย ก็ขอโทษว่าเป็นส่วนหนึ่งของโชคชะตา หรือไม่ก็โทษกฏของแรงเฉื่อยของนิวตันที่ทำให้รถไม่มาหยุดหน้าวินตัวเอง

    แรกๆเลยผมก็รู้สึกเกรงใจที่จะต้องเดินกลับไปที่ปากซอย เพราะวินใกล้สะพานลอยนี่ เพิ่งจะเกิดขึ้นมาทีหลัง แต่จนแล้วจนเล่า นี่มันก็สิทธิของกูนี่หว่า เสียตังค์ก็เท่ากันแถมไม่ต้องเดินไกลอีกต่างหาก แต่ก่อนพอก้าวขึ้นวินนี้ ก็มักจะโดนสายตาอำมหิตจ้องมองตอนขับผ่านอีกวินหนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง เพราะปัญหาแย่งคิวกันให้เห็นสักครั้งหนึ่งเลย

    ผ่านมาจนเกือบปี พี่วินต่างหายหน้าหายตาไปกันเยอะ หลังๆเริ่มสลับสับเปลี่ยนจากคนที่หน้าตาดุๆกลายเป็นคนที่คุยเก่งเยอะขึ้น แถมยังจดจำได้อีกว่าลูกค้าคนโน้นคนนี้จะไปลงที่ไหน มีอยู่วันหนึ่งที่ผมกลับบ้านดึก จากจุดที่รถจอดก็ถือว่าห่างไกลจากปากซอยเยอะ ผมเดินมาไกลมากกับหนุ่มหน้าตาไม่คุ้นเคยอีกคนหนึ่ง ที่วินมอเตอร์ไซด์ปากซอยก็ดันเหลือมอเตอร์ไซด์แค่คันเดียว ทั้งๆที่ผมก็เดินมาถึงทีหลัง พี่วินก็ดันควักมือเรียกให้ผมรีบเดินไปขึ้นรถก่อนเสียอย่างนั้น ด้วยความที่ผมรู้อยู่แก่ใจ ก็เลยตะโกนบอกไปว่าอีกคนเขามาก่อนนะพี่ แต่พี่วินก็ยังไม่สาแก่ใจ บิดมอเตอร์ไซด์มาโฉบรับผมไปซะงั้น เดชะบุญที่หนุ่มอีกคนไม่รีบร้อน และดูเหมือนเขาจะมานั่งรอใครบางคนอยู่ในยามวิกาล

    ผมพยายามถามว่าทำไมพี่วินไม่รับเขาไปก่อน พี่วินก็เลยตอบกลับมาว่า "เขาดูหน้าตาไม่คุ้นเลย ไม่น่าจะใช่คนแถวนี้" ผมหยุดที่จะถามอะไรต่อ แล้วก็นั่งเงียบๆกลับบ้านอย่างสงบนิ่ง

    ไม่แปลกใจเลย เดี๋ยวนี้พอลงจากรถโดยสารปุ๊บ พี่วินจะมารอรับก่อนที่ผมจะเดินไปถึงปากซอยเสียอีก อาจเป็นความคุ้นเคยที่ผูกพันกันด้วยกาลเวลา ไม่ได้เจอกันทุกวัน และก็ใช้เวลาบนรถมอเตอร์ไซด์ร่วมกันเพียงไม่ถึงกี่นาที เราต่างสานสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าจนคุ้นเคยแม้เราไม่เอ่ยปากบอกสิ่งใด

    เขาอาจไม่ใช่เพื่อนแท้ของเราในยามที่มีปัญหา แต่เขาเป็นดังพาหนะนำทางในยามที่เรากลับดึกและไม่มีรถเข้าบ้าน ความประทับใจจะเกิดขึ้นเมื่อเราต่างจดจำวิถีทางของผู้ร่วมทางได้ แค่ชูมือ ยักไหล่ บิดสะโพก กระโดดคร่อมเบาะ แล้วเดี๋ยวพี่จะพาน้องไปส่งถึงบ้านเอง

    ความคุ้นเคยแปรเปลี่ยนเป็นการจดจำอัตลักษณ์และจุดเด่น เราสามารถระบุตัวตน สถานที่ และเข้าใจคนอื่น ด้วยกฏของการทำซ้ำ แปรเปลี่ยนเป็นความชำนาญและรู้ใจได้แม้ไม่ทันได้บอก  
    หลายคนสามารถนำมาประยุกต์กับการใช้ชีวิตคู่ เช่นรู้ใจว่าเธอชอบสิ่งนั้นสิ่งนี้ด้วยการสังเกตและจดจำจาก อารมณ์ ความเชื่อ คุณค่า ทัศนคติ บุคลิก ภาษา ทักษะ และความรู้สึก แต่อย่างไรก็ดี เราอาจผ่านการตีความผ่านสิ่งที่เราสนใจ การขยับร่างกาย หรือภาษาที่สื่อออกมา จนออกมาเป็นผลลัพธ์ต่างๆนานา แท้จริงแล้วเธอหรือฉัน อาจจะมีทัศนคติที่เปลี่ยนไปกับสภาพแวดล้อมเดิมๆ

    การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันจึงต้องอาศัยการรับรู้และเรียนรู้กันให้มาก ตัวเธอหรือตัวฉันในวันก่อนหน้านั้น อาจจะถูกทำให้เข้าใจความหมายของเหตุการณ์หนึ่งๆนั้นเปลี่ยนแปลงไป ในมุมมองของเราทั้งสอง เราต่างเติบโตขึ้นท่ามกลางความแปรเปลี่ยนไปช้าๆของสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน เราไม่อาจขวางกั้นหรือยึดติดความคิดเดิมๆเหล่านั้นเอาไว้ตลอดกาล หากตัวฉันและตัวเธอต่างต้องรู้จักและปรับตัวเข้าหากันจนสมดุล

    ไม่มีสิ่งใดจะเข้าใจกันไปตลอดกาล เฉกเช่นวันฝนตกที่ผมพยายามรีบเร่งลงจากรถโดยสารมาที่พี่วินหน้าเดิม หยิบหมวกกันน็อค สตาร์ทรถ บิดคันเร่ง ฝ่าสายฝนอย่างรวดเร็ว และไม่ได้พูดจาไถ่ถามความเหมือนเช่นเคย จบกันตรงที่พี่วินพาผมไปหย่อนไว้ที่วัดแห่งหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก พอเงยหน้ามาอีกทีพี่คิวก็อุทานออกมาว่า 
    "ตาเถร !! พี่นึกว่าน้องเด็กวัดข้างบ้านพี่ นี่เขาโทรให้พี่มารอรับตั้งแต่หกโมง" 

    แม้ศาสตร์แห่งการสร้างความสัมพันธ์บนทางของวิถีไบค์เกอร์ ก็อาจมีเปลี่ยนแปลงไปได้ในวันฝนพรำ

    "ติดตามบทความใหม่ที่ THE EXPLORER "

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in