เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
THE EXPLORER STORYTHEEXPLORER
เป็นคนธรรมดามันง่ายไป
  •  "INSPIRED BY THE DOWN MOVIE "

    (1)
    ผมกำลังฝันถึงภาพยนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเรื่องจริง 

    ภาพยนตร์สร้างแรงบันดาลใจเรื่องสั้นๆ ที่ตรึงให้หัวใจของผมใจจำต้องจดใจจ่อต่อความพลิกผันตลอดทุกวินาทีที่อยู่ตรงหน้า ตลอดสองชั่วโมงกว่าๆที่ความเศร้าและเสียงหัวเราะได้กลบเกลื่อนมุมมองแย่ๆ และทำให้เราเริ่มเข้าใจความหมายของคำว่าชีวิตที่อยู่ไกลเกินกว่า "สุดสายตา" 

    เรื่องราวที่เป็นเหมือนแรงกระตุ้นให้หัวใจของคนธรรมดาได้ลุกขึ้นมามองเห็นคุณค่าของตัวเองอีกครั้ง และนั่นอาจหมายถึงชีวิตที่ดีที่เรานั้นก็ต่างลิขิตมันได้ด้วยตัวเอง

    “เป็นคนธรรมดามันง่ายไป”

    ฟังดูผิวเผินก็คล้ายประโยคบอกเล่าอันแสนธรรมดา ทว่าวันหนึ่งมันก็เคยเป็นประโยคแสนง่ายที่แทรกซึมอยู่ในหัวสมองของผมตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย ใครกันที่อยากจะเป็นแค่คนธรรมดาที่ใช้ชีวิตให้จบไปเพียงวันๆอย่างไร้ความหมาย ใครกันที่อยากจะมีชีวิตเพียงแค่วันนี้แล้วยอมเผชิญกับความลำบากที่บั้นปลาย ใครกันที่ไม่อยากจะเป็นดั่งคนพิเศษหรือคนสำคัญในวันที่เราได้อยู่ร่วมกันกับใครสักคน

    ความอยากเป็นคนที่โดดเด่นมันทำให้เราเรียนรู้ว่าเป้าหมายชีวิตของเราคือการเอาชนะให้ถึงที่สุด การแข่งขัน ขวนขวาย และไขว่คว้า จึงกลายเป็นกระบวนการที่เราทุกคนจำเป็นต้องปฏิบัติจนกลายเป็นหน้าที่หลักของชีวิต การแก่งแย่งแข่งขันชิงพื้นที่และอำนาจ บางครั้งก็ทำให้เราลุ่มหลงในลาภยศจนเตลิดออกไปไกลและไม่อาจจะหันหลังกลับมา กว่าจะสิ้นสุดความหมายของชีวิตที่เราต่างค้นหา ทุกๆอย่างก็พลันล้มหายตายจากไปหมดเสียแล้ว

    "จนกว่าจะถึงวันนั้นก็สายไปเสียแล้ว" 

    ประโยคคำถามอันท้าทายเมื่อความไม่ธรรมดาได้พัดพาให้เราเติบโตมาจนถึงยังจุดๆหนึ่ง จุดที่บางคนขอหยุดพักตัวเองเพื่อค้นหาความหมายของชีวิตอีกครั้ง ความสมดุลจะค่อยๆปรับตัวให้เรากลับมาสู่ความเป็นจริงอันแสนจะธรรมดา ในครั้งหนึ่งเราจะเริ่มจดจำว่าการเป็นคนธรรมดานั้นมันช่างแสนวิเศษกว่าครั้งไหนๆ การเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่ไม่ต้องพิเศษเกินไปกว่าใคร กลับทำให้หัวใจของเราเงียบสงบและเป็นสุขในทุกๆวัน

    (2)
    ท่ามกลางโรงภาพยนตร์อันเงียบสงัดผมกำลังกลับมาเป็น "คนธรรมดา" อีกครั้ง 

    ค่ำคืนนี้ผมกำลังเฝ้าใจจดใจจ่อเพื่อเฝ้ารอการดำเนินเรื่องของภาพยนตร์ที่อยู่เบื้องหน้า ภาพยนตร์ที่ผมเชื่อว่านี่คืออีกหนึ่งความตั้งใจอันแน่วแน่ของทีมผู้สร้างที่กำลังจะสร้างความหมายใหม่ๆด้วยพลังแห่งความศรัทธา กำลังใจที่อยู่ตรงหน้ากำลังก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาจากสิ่งที่ห่างหายไปจากตัวเรามานานแสนนาน

    ดาวน์ซินโดรมถือเป็นหนึ่งในโรคทางพันธุกรรมที่ไม่มีทางรักษาหายได้ อีกทั้ง 85% ของทารกที่เป็นดาวน์ซินโดรมจะสามารถมีชีวิตอยู่รอดมาได้จนถึง 1 ปี และมีเพียงแค่ 50% เท่านั้นที่จะมีชีวิตอยู่ได้จนถึงอายุ 50 ปี ยิ่งสืบค้นข้อมูลจากหลายๆแหล่งก็ยิ่งทำให้ผมเกิดความประหลาดใจ การเป็นคนที่ไม่ธรรมดานั้นมีอุปสรรคยากยิ่งไปกว่าการเป็นคนธรรมดาอย่างเราเสียอีก

    "ธรรมชาติไม่ได้บังคับให้เราต้องยอมแพ้และสิ้นสุดตรงไหน แต่ตัวเราเองต่างหากที่ต้องเป็นผู้เลือกว่าชีวิตจะไปต่อในทิศทางใด" 

    ผมกลับไปนึกถึงวันเวลาที่ผ่านเลยไป วันวัยที่เราได้เรียนรู้ความหมายของการมีชีวิตที่ดี แม้วันหนึ่งเราอาจพบพาลกับอุปสรรคที่ขวางทางอันมากมายสักเพียงใด เราก็ต่างมีสิทธิ์ที่จะยอมแพ้ต่อโชคชะตานั้นหรือไม่บางทีเราอาจต่อสู้กับมันสักตั้งให้รู้แล้วรู้รอดไป

    การมีชีวิตที่ไม่ธรรมดาอย่างน้องๆย่อมมีอุปสรรคมากมายที่ถาโถมเข้ามาใส่ การรักษาที่กินเวลายาวนาน ค่าใช้จ่ายที่ไม่อาจคาดคะเน หรือแม้แต่ผลกระทบข้างเคียงจากโรคแทรกซ้อนที่สามารถเกิดขึ้นตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่จะบั่นทอนให้คนรอบข้างถอดใจแล้วยอมแพ้ไปได้เสมอ แต่นั่นไม่ใช่วิถีสำหรับครอบครัวของน้องๆจากภาพยนตร์เรื่องจริงเรื่องนี้

    ผมประทับใจความรักและความเอาใจใส่ของ "ผู้ให้-ผู้รับการดูแล" จนเกิดความซาบซึ้งเกือบทุกฉาก บางครั้งบางบทบางตอนก็ทำให้น้ำหูน้ำตาแทบไหลออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ การมีครอบครัวที่ดีนั้นทำให้เราไม่ต้องเกรงกลัวต่อภัยอันตรายทั้งภายในหรือภายนอกใดๆ หากผู้คนในครอบครัวเข้าใจกัน ใส่ใจกัน และเชื่อว่าสักวันเราจะผ่านพ้นสิ่งกีดขวางที่เข้ามาในทุกๆรูปแบบนี้ไปได้อย่างถาวร

    "ความรัก" ไม่จำเป็นต้องแลกมาด้วยการหลอกลวงหรือเสน่หา 

    ผู้คนรอบข้างจะส่งมอบความรักอันแท้จริงให้เราจากสิ่งที่เราเป็น น้องๆยังคงเป็นตัวของตัวเองในวันที่ต้องเดินออกจากบ้าน ผู้คนในที่ทำงานของน้องๆล้วนดูเป็นมิตรแท้ที่ขยันส่งมอบความจริงใจโดยที่ไม่ต้องออกไปค้นหา เราเองก็ต่างต้องการที่จะค้นพบความเป็นตัวของตัวเองในรูปแบบนั้นโดยที่ไม่ต้องประดิษฐ์มันขึ้นมาเช่นกัน

    แม้คนเราจะมี "ความฝัน" ที่แตกต่างกันมากมายสักเท่าไร แต่ผมก็เชื่อว่าในหนึ่งล้านคนย่อมต้องมีจุดมุ่งหมายของความฝันที่คล้ายคลึงกันบ้าง ผมเองก็ไม่แตกต่างไปจาก เบียร์ และ แบงค์ ที่ช่วงชีวิตหนึ่งผมเองก็เคยทุ่มเทและใส่ใจกับความสวยงามของท่วงทำนองและตัวโน๊ตในเครื่องดนตรี แม้หนทางการก้าวเดินในช่วงเวลาหนึ่งๆนั้นมันอาจจะไม่ง่ายดายนัก แต่ผมก็เชื่อว่าถ้าความฝันนั้นมักหนักแน่นพอ สักวันโอกาสที่เราพยายามไขว่คว้าอยู่เสมอจะพาให้เราก้าวไปยังเป้าหมายที่วาดหวังเอาไว้ได้อย่างแน่นอน

    (3)
    บทสรุปของชีวิตอาจจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราเริ่มต้นมาจากตรงไหน การหัดเลี้ยวรถเพื่อประคับประคองเครื่องยนต์ที่ชื่อว่า "กำลังใจ" จะทำให้หัวใจของเราแข็งแกร่งได้นานขึ้นอีก บางครั้งที่เราเหน็ดเหนื่อยหรือเมื่อยล้าคนข้างๆก็ยังคงคอยอยู่เป็นแรงผลักดันให้เราผ่านเรื่องนั้นไปได้ไวๆ สำคัญที่ว่าเครื่องยนต์เครื่องนั้นจะต้องรีบสตาร์ทติดขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเอง

    วันนี้ผมเดินออกจากโรงภาพยนตร์รอบพิเศษพร้อมๆกับพี่โหน่ง วงศ์ทนง น้องแบงค์ และผู้ชมที่มีหัวใจพองโตใหญ่ ความสวยงามของชีวิตนั้นเกิดขึ้นได้เสมอเมื่อเราออกเดินทางไปค้นหา จากภาพยนตร์สู่เรื่องจริงที่ถูกถ่ายทอดให้เห็นและประจักษ์แก่สายตา การเป็นคนธรรมดาที่ไม่หมดกำลังใจไปง่ายๆจะทำให้เราก้าวไปถึงฝันได้ในสักวัน

    เมื่อมองจากมุมสูง เราทุกคนต่างเป็นจุดเล็กๆที่กระจัดกระจายไปตามพื้นผิวดิน ไม่มีจุดใดเล็กหรือจุดใดใหญ่เกินไปกว่าที่สายตาของเราจะมองเห็น คุณค่าของจุดแต่ละจุดได้ถูกโลกอันกว้างใหญ่สรรค์สร้างความหลากหลายให้ทุกคนมีหน้าที่ที่จะมีชีวิตอยู่อย่างมีความหมาย อาจเป็นไปได้ที่ใครสักคนจะได้รับโจทย์ปัญหาที่ยากเกินแก้ไข แต่จุดแต่ละจุดมีโอกาสที่จะเคลื่อนย้ายตัวเองออกไปพบกับเรื่องราวที่แปลกใหม่หรือเชื่อมโยงจุดแต่ละจุดเข้าหากัน 

    บางทีการเติมเต็มช่องว่างระหว่างแต่ละจุดนั้น
    อาจทำให้เราค้นพบความหมายของชีวิตที่ขาดหายไป

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in