สวัสดีค่าเพื่อนหมี (ได้คำเรียกผู้อ่านใหม่แล้ว ฮี่ๆ)
กลับมาพบกับบันทึกของหมีฟูอีกครั้งนะคะ เบื่อกันรึยังเอ่ย ช่วงนี้อัพบ่อยไปนิดนึง อย่าเพิ่งรำคาญกันเลยน้า คิดซะว่าฟังเพื่อนคนนึงบ่นละกัน หมีเหงาน่ะ
รอบนี้หมีไม่ได้ไปงานเทศกาลอะไรอย่างที่ไปมารัวๆ เมื่อ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมาหรอกค่ะ
แต่ว่าหมีไป " สั ก " มาแหละ
ตื่นเต้นมากๆ เลยอยากมาเขียนเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย
https://www.pinterest.com/pin/515028907373702238/
เกริ่นก่อนว่าหมีเป็นคนชอบงานศิลปะอยู่แล้ว อะไรอาร์ตๆ สวยๆ งามๆ หมีชอบหมดแหละ เพราะงั้นรอยสักก็คือ 1 ในศิลปะที่หมีชอบเช่นกัน ตอนแรกมันก็เริ่มแค่เราดูรูปสวยๆ ตาม Pinterest จนกระทั่งเริ่มอยากได้ไว้กับผิวหนังตัวเอง (ฮ่า) หมีถึงขั้นนั่ง Pin รูปรอยสักแต่ละแนวเก็บไว้เป็นบอร์ดเลยนะ แยกชนิดเรียบร้อย เพื่อให้ตัวเองเข้าไปดูง่ายด้วย และเผื่อคนอื่นเข้าไปดูด้วย จะได้ไม่สับสนปนกันมั่วอะไรอย่างนี้
ตอนช่วงที่หมีเริ่มสนใจเรื่องสักๆ เนี่ย มันเริ่มมีแนว minimal เข้ามาพอดี รู้สึกจะมาจากฝั่งเกาหลีเนาะแนวนี้ ก็ยิ่งสนใจเลยเพราะจากลุคของหมีเนี่ย มันจะมาสักห้าแถว หรือลายใหญ่ๆ เท่ๆ เต็มตัวมันก็ไม่ค่อยเข้าเท่าไหร่... ดังนั้นมันก็เข้าทางเรา เลยนั่งดูรูป เซฟรูปเก็บไว้เป็นแรงบันดาลใจรอวันที่เราพร้อมจะรับรอยนี้มาไว้บนผิวหนัง ติดตัวเราไปตลอดชีวิต
ทีนี้หมีก็เริ่มมาคิดแล้วว่า ถ้าเราจะสักเนี่ยมันก็ควรจะมีความหมายหน่อย ทีนี้จะเอาความหมายอะไรดีล่ะ หมีชอบพวกลายเล็กๆ น่ารักๆ อย่างพวกหัวใจ ดวงดาว ตัวโน๊ต กระจุ๋งกระจิ๋ง แต่อันนั้นมันก็แค่น่ารักไง ลายแรกของหมีก็อยากให้มันสื่อถึงอะไรบางอย่าง (แต่ไอ้ลายจุ๋งจิ๋งพวกนั้นหมีก็อยากได้นะเอาจริงๆ...) หมีเลยเริ่มคิดถึงเรื่องชื่อ วันเดือนปีเกิด ไรงี้ก่อน รวมไปถึงความชอบอื่นๆ ของเราด้วย นอกจากนั้นก็ยังต้องคิดถึงตำแหน่งที่อยากจะให้ลายสักประทับอยู่ด้วย คือทุกอย่างมันต้องเป็นไปในทางเดียวกันสำหรับหมีอะ
https://www.pinterest.com/pin/515028907362803628/
ตำแหน่งที่หมีชอบคือ หลังใบหู, ต้นคอด้านหลัง, ข้อมือ, ท้องแขน, ไหล่ และบริเวณข้อเท้า ตอนแรกหมีอยากได้ตัวอักษรญี่ปุ่นตัวนึงที่ออกเสียงคล้ายกับชื่อเล่นจริงๆ ของหมี และมีความหมายที่น่ารักดีไว้ตรงหลังต้นคอ หรือไม่ก็ดอกซากุระเล็กๆ หลังใบหู เพราะหมีมีความสนใจในความเป็นญี่ปุ่นหลายๆ อย่างอยู่
เดาเอาเองว่าตัวไหนนะ (ขอบคุณภาพจาก pinterest ค่ะ)
แต่สุดท้ายหมีก็เปลี่ยนใจ ช่วงหลังๆ มานี้หมีค่อนข้างโหยหาอิสรภาพอยู่ลึกๆ หมีเลยปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่าหมีอยากได้ลายอะไร ไว้ตำแหน่งไหน พอมีลายในใจแล้วหมีก็เริ่มหาร้านที่ถนัดแนวที่เราอยากได้ไว้ด้วย เจาะจงกว่านั้นคือหมีอยากได้ช่างผู้หญิง มันก็ต้องแบบค้นหาหน่อยอะ ไหนจะเรื่องของความสะอาดและราคาที่เหมาะสมด้วย หมีดูไว้หลายร้านมาก เพื่อนที่มีความสนใจด้านเดียวกันก็ช่วยกันหา แต่เนื่องด้วยทำเลที่ตั้งร้านเอย ความมีชื่อเสียงของร้านเอย สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันก็ส่งผลต่อราคาด้วย ทำให้หลายๆ อย่างมันยังไม่ลงตัวสำหรับหมีเท่าไหร่
รอยสักสวยๆ จากร้าน Eagle Wood Tattoo Studio
จนกระทั่งหมีเห็นเพื่อนแชร์ร้านนึงมาในเฟสบุ๊ค ชื่อร้าน
Eagle Wood Tattoo Studio (จิ้มชื่อร้านเพื่อเข้าไปดูได้เลยนะคะ) ช่างเป็นผู้หญิงรุ่นเดียวกัน มหาวิทยาลัยเดียวกัน และเป็นเพื่อน / รุ่นพี่ ของเพื่อนและรุ่นน้องของหมีอีกที ประกอบกับเขามีโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 หมีเลยตาวาวเลย (แต่ตอนนี้โปรหมดแล้วนะจ๊ะ) ก็เข้าไปอ่านรายละเอียดว่ามันเป็นยังไง
โปสเตอร์โปรโมชั่น
แบบเฮ้ยมันเวิร์คมากเลยอะแก หมีเลยไปชวนเพื่อนว่าไปสักด้วยกันเปล่า แต่เพื่อนหมีเขาอยากได้คนละลาย แล้วหมีเองก็อยากได้ 2 ตำแหน่ง (เท่ากับเป็น 2 ลายพอดี) หมีก็เลยโอเค งั้นหมีจัดคนแรกเลยนะ แต่เพื่อนๆ ก็บอกว่าจะไปด้วย ไปเป็นกำลังใจ... ซึ่งขอบคุณมากค่ะ ประทับใจจริงๆ
ตอนไปถึงร้านแล้วรอคิวตัวเองเนี่ย หมีเหมือนจิตหลุดไปแล้วอะ เพราะเดิมทีหมีไม่ใช่คนทนเจ็บ ไม่ชอบความเจ็บปวดทางร่างกายใดๆ ทั้งสิ้น คือเป็นแผลถลอกเล็กๆ หมียังเอาพลาสเตอร์แปะเลยอะ เพราะหมีมีชุดความคิดที่ว่า ถ้าเราไม่เห็นมัน เราก็จะไม่เจ็บ เพราะงั้นตอนที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะโดนเข็มจิ้มๆๆ เลยซีดไปยาวๆ
เพื่อนก็ดีค่ะ มันพกกล้องไปเพื่อถ่ายหน้าหมีซีดโดยเฉพาะ โคตรคนเลวอะ
จนกระทั่งคนก่อนหน้าสักเสร็จ ก็ได้เวลาขึ้นเขียงของหมีฟูแล้วจ้า
ความประทับใจแรกคือช่างสักน่ารักมากเลยแก ปาหัวใจให้หลายๆ ดวง ♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡
ก็คุยกันเรื่องลายและตำแหน่งที่ต้องการ หมีก็ส่งรูปต้นแบบไปให้ว่าอยากได้ประมาณไหน ช่างก็จะปริ๊นภาพต้นแบบออกมา แล้วนำมาทาบเพื่อกะตำแหน่งแล้วมาร์กจุดเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดความคลาดเคลื่อน แล้วใช้กาวอะไรสักอย่างลอกลายมันลงไป
อะไรประมาณนี้
พอทุกอย่างเรียบร้อยก็ได้เวลาขึ้นเขียงที่แท้จริง
หมีไม่อยากจะเล่าเลยอะ คือมันเป็นความน่าอับอายของชีวิตเพราะหมีเจ็บมากกกกกก อธิบายไม่ถูกว่ามันเจ็บยังไง แต่เจ็บมาก แล้วสิ่งที่เพื่อนทำคือถ่ายคลิปหมีหน้าเหมือนจะร้องไห้ลงอินสตาแกรมอะ... แล้วในคลิปแม่งมีเสียงหัวเราะคลออยู่สนุกสนานอะ... ไอ้พวกใจบาป (ฮือ)
ช่วงเวลาแห่งการกรีดร้องในลำคอ
แต่พอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ก็ต้องบอกว่ารู้สึกว่าคุ้มแล้ว เพราะได้ลายตรงตามที่ต้องการ และน่ารักนุ้งนิ้งมากๆ หมีเลือกสักรูปปีกเล็กๆ ไว้ที่ข้อเท้าทั้ง 2 ข้าง (เหมือนรองเท้าติดปีกของเทพ Hermes เลยเนาะ) เพื่อสื่อถึงการมีอิสระที่จะโบยบินไปที่ไหนก็ได้ตามที่ใจเราต้องการ เพราะอย่างที่บอกไว้ตอนแรกว่าหมีค่อนข้างโหยหาถึงอิสระอยู่
คือพื้นฐานหมีเป็นคนรักอิสระอยู่แล้ว ไม่ชอบการบังคับกะเกณฑ์ (เกลียดมากเลยก็ว่าได้) เพราะที่บ้านเลี้ยงแบบไม่บังคับ ให้ลองผิดลองถูกเอง อาจจะมีไกด์ๆ ให้บ้างแต่จะไม่ฝืนให้ทำให้สิ่งที่ไม่อยากทำ แต่มันมีช่วงนึงของชีวิตหมีที่ค่อนข้างโดนวางกรอบไว้ ซึ่งส่วนนึงหมีเองก็เป็นคนที่ทำให้เรื่องราวมันดำเนินต่อด้วย ดังนั้นพอหมีกลับมาตั้งหลักได้ แต่ปมในใจมันยังมีอยู่ หมีเลยเลือกที่จะสักลายนี้ไว้ค่ะ
ดังนั้นตอนนี้ข้อเท้าทั้ง 2 ข้างของหมีก็จะมีปีกน้อยๆ ติดอยู่ พร้อมที่จะออกบินไปทุกที่ที่ต้องการ ฮะฮ่า ต้องขอบคุณช่างมากๆ เลยนะคะที่ใจเย็นกับหมี เพราะช่างถึงกับออกปากเลยว่ารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหมอมากกว่าช่างสัก (เพราะหมีงอแงเอง ฮือ) แล้วก็ขอบคุณเพื่อนทั้ง 3 คนที่ไปด้วยกันวันนั้นด้วย แม้ว่าพวกแกจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากถ่ายรูปเคล้าเสียงหัวเราะสมน้ำหน้าฉัน //มองบน
สำเร็จแล้วปีกน้อยๆ
แล้วก็ขอฝากแนะนำร้าน Eagle Wood Tattoo Studio ไว้ให้เป็นตัวเลือกสำหรับผู้อ่านที่มีความสนใจในรอยสัก และอยากจะได้ศิลปะชนิดนี้ติดตัวไว้ด้วยนะคะ ช่างน่ารักมากจริงๆ คุยง่าย และราคาไม่แพงมากค่ะ เพราะอย่าลืมนะว่าเขามีค่าอุปกรณ์ต่างๆ ด้วย ไหนจะเรื่องของความสะอาดอีก ซึ่งหมียืนยันค่ะว่าสะอาดและปลอดภัยแน่นอน
สำหรับบล็อควันนี้ก็มีเท่านี้ค่า ขอบคุณมากๆ ที่มาอ่านกันน้า ไว้เจอกันคราวหน้า สวัสดีค่ะ♡
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in