เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึกของหมีฟูFLUFFYKUMA
Core หนัง 2017 : งานแสดงผลงานของเด็กเจซี
  • สวัสดีค่ะทุกคน กลับมาพบกับบันทึกของหมีฟูอีกแล้วนะคะ
    เบื่อกันรึยังเอ่ย พอดีช่วงนี้หมีไปออนทัวร์มา เลยมีเรื่องมาให้เขียนเรื่อยๆ น่ะ (แฮ่)

    ถ้าผู้อ่านจำได้จะเห็นว่าบล็อคล่าสุดที่หมีเพิ่งเขียนไปเมื่อวันเสาร์จะเกี่ยวกับเทศกาลดนตรีของคณะดุริยางค์ ศิลปากรใช่ไหมคะ วันนี้หมีมาเขียนเกี่ยวกับเทศกาลหนังแหละ แต่ถ้ายังไม่ได้อ่านบล็อคก่อนหน้านี้ก็สามารถจิ้ม ลิงก์ ได้เลยนะคะ


    เข้าเรื่องล่ะน้า...


    ออกตัวก่อนว่าหมีไม่เคยไปงานนี้มาก่อนเลย ไม่เคยรู้จักด้วย และที่ได้ไปก็บังเอิญมากๆ คือเมื่อวานหมีไปแสดงความยินดีกับเพื่อนที่จะรับปริญญาที่จุฬามา ก็แบบไปถ่ายรูปเดินยิ้มใส่กล้องนั่นแหละ (ฮ่าๆ) แล้วทีนี้พอเสร็จเวลามันเหลือเยอะมาก (เพื่อนนัด 10 โมง แดดกำลังจ้า ถ่ายรูปชั่วโมงนึงก็เกินพอล่ะ ฮือ) ไอ้เราอุตส่าห์ถ่อจากแถวลาดพร้าวไปจนถึงใจกลางเมืองก็ไม่อยากเสียเที่ยว แล้วมีรุ่นน้องที่รู้จักกันเขามาดูงานนี้พอดี หมีก็เลยขอไปจอยมาค่ะ


                                               สแกนมาจากสูจิบัตรค่ะ... ภาพแย่มาก เสียใจ (ฮือ)

    งาน "Core หนัง" คือ เทศกาลแสดงภาพยนตร์และภาพถ่าย ซึ่งเป็นผลงานตัวจบของนักศึกษาคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดขึ้นที่หอศิลป์เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 8-9 ก.ค. ที่ผ่านมาค่ะ (วันที่หมีไปคือวันที่ 9 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายพอดี) โดยภายในงานจะจัดแสดงภาพยนตร์ทั้งหมด 11 เรื่องด้วยกัน แต่หมีจะขอยกมาเล่าแค่ 2-3 เรื่องที่หมีประทับใจละกันนะคะ

    ในแต่ละวันจะแบ่งเป็น 4 เซตนะคะ ลำดับเรื่องก็จะไม่เหมือนกัน เนื่องจากหมีไปดูวันที่ 9 ก็จะขออนุญาตแปะตารางฉายในวันนั้นให้ดูเนาะ
            เนื่องจากว่าหมีไปไม่ทันเซตแรก เลยได้ดูตั้งแต่เซตที่ 2 เป็นต้นไปจนจบค่า ขอบคุณภาพจาก FB : @corenangjc ด้วยนะคะ

    มาถึงเรื่องที่หมีชอบกันมั่ง ถ้าชอบด้วยแนวความคิดของเรื่องอะ หมีชอบเรื่อง "ฝาก" กับ "การเดินทางของลูกเสือหมู่กะลา" มากที่สุด เพราะมันเป็นการเสียดสีการเมืองจ้าาาาาา อินนิดหน่อยเพราะหมีเองก็ทำธีสิสเกี่ยวกับภาพสะท้อนการเมืองเช่นกัน

    "ฝาก" เล่าเรื่องราวถึง แพรว คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวกับ เมฆ ลูกชายที่อายุครบ 18 ปีพอดี แต่แล้วเมฆก็เริ่มฝันถึงคนรู้จักที่หายตัวไป แถมพฤติกรรมของเมฆก็ยังค่อยๆ เปลี่ยนไปอีกด้วย คืออ่านแค่นี้มันก็จะเฉยๆ ใช่มะ เหมือนหนังลึกลับทั่วไป มีคนที่อาการแปลกไปจากปกติ บลาๆ แต่จริงๆ แล้วมันมากกว่านั้น ทั้งบรรยากาศ ฉาก และโทนสีภายในเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสียงประกอบ มันเร้าให้เราตื่นเต้นมากๆ เหมือนพวกหนังตุ้งแช่อะถ้าให้พูดง่ายๆ ซึ่งถ้าหมีไม่ได้น้องที่มาด้วยบอก หมีก็จะคิดว่าเป็นหนังผี เพราะผู้กำกับเขาจงใจทำให้มันออกมาเหมือนเป็นแบบนั้น แต่น้องชี้ให้เห็นจุดที่หนังได้ใบ้เอาไว้ ว่าแท้จริงแล้วมันสื่อถึงสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้นอีก อยากเล่าแต่เล่าไม่ได้กลัวเผลอสปอยล์อะ (ฮือ)

    ส่วนเรื่อง "การเดินทางของลูกเสือหมู่กะลา" ก็ตรงตามชื่อเรื่องนะจ๊ะ คือเป็นการเดินทางของลูกเสือหมู่กะลา ที่มีหัวหน้าหมู่ชื่อ มนิต อาสาเป็นคนพาลูกหมู่เดินทางข้ามป่าข้ามเขาเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย ระหว่างทางเหล่าลูกเสือหลงทางและทำเสบียงหาย การตัดสินใจของมนิตจะเป็นอย่างไร จะพาหมู่กะลาไปถึงจุดหมายปลายทางได้หรือไม่ อันนี้ก็ต้องไปหาดูกันเองน้า ซึ่งเรื่องนี้ถ้าดูเผินๆ มันจะเหมือนดูหนังตลก เพราะตัวละครแต่ละตัวจะมีคาร์แรคเตอร์ของตัวเองที่เด่นชัดมากๆ และมีการโพสต์ท่าทางกันแทบทุกครั้งที่หยุดเดิน (เท่มากบอกเลย) คำพูดคำจาก็ตลก แต่ถ้าดูอย่างตั้งใจ (ไม่มากก็ได้เพราะหมีคิดว่าทุกคนน่าจะตะหงิดขึ้นมาในจุดเดียวกันแน่ๆ) จะเห็นว่ามีการเสียดสีสังคมไทยในปัจจุบันไว้ได้อย่างร้ายกาจเลยล่ะค่ะ 

    นอกเหนือจากนั้นที่เด่นอีกอย่างคือเพลงค่ะ เพลงประจำหมู่กะลาของลูกเสือ สนุกสนานมาก ที่หมีประทับใจคือผู้กำกับแต่งทำนองและเนื้อร้องเองหมดเลย เก่งมากๆ มีท่อนแรปด้วยนะ ชอบจริงๆ (ฮ่า)

    อีกเช่นเคย รายละเอียดของเรื่องขอไม่พูดถึงเพราะกลัวจะเป็นการสปอยล์ แต่ถ้ามีผู้อ่านคนใดสนใจอยากรับชม หมีเห็นมาแว่บๆ ว่าเขาจะมีขาย DVD นะคะ ไม่แน่ใจว่าวันที่เท่าไหร่ แต่สามารถติดตามข่าวสารได้ทางแฟนเพจของ Core หนัง จาก ลิงก์นี้ เลยค่า




    จริงๆ ยังมีหนังอีกหลายเรื่องที่หมีชอบนะ อย่างเรื่อง "Upside, Down" ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคู่รักคู่หนึ่ง ก็ดีแบบ ดีไปหมดทุกอย่างเลย ทั้งภาพ แสง สี เสียง และที่สำคัญนักแสดงนำทั้ง 2 คนที่แสดงสีหน้าท่าทางอารมณ์ออกมาได้ดีสุดๆ (คนที่แสดงเป็นพีทหล่อมาก ฮือตัวจริงก็สูงมาก ฮืออ) และอีกเรื่องที่หมีได้ดูเป็นเรื่องสุดท้ายก่อนกลับคือ "INBOX" ที่เป็นแนว Thriller ไล่ฆ่าหนีตายกันในร้านมินิมาร์ทแห่งหนึ่ง อันนี้คือหมีเป็นคนขี้ตกใจ ขี้กลัวอยู่แล้ว และไม่ค่อยถูกกับหนังแนวนี้เท่าไหร่ (แต่ก็ชอบดูนะ เพราะเราชอบความเป็นปริศนาในเรื่อง กับอยากรู้ว่ามันจะรอดตายไหม ฮ่าๆ) นี่คือแบบผู้กำกับทำดีมาก เก่งมาก หม่ีนั่งปิดหน้าปิดตา ยกขาขึ้นเบาะตลอดเรื่องเลย (แถวข้างหลังหมีกรีี๊ดด้วย คิดดูละกัน)


    คือมันตื่นเต้นมากกกกกกกกกกกกกกก


    ตื่นเต้นเกินไปอะ ทั้งๆ ที่แอร์ในห้องเย็นมากนะ แต่หนังทำให้เราตื่นเต้น ลุ้นตาม จนรู้สึกร้อน เหงื่อซึมได้ แบบเฮ้ย จะตายไหม จะรอดเปล่า จะจบยังไง มันลุ้นไปหมด 

    พอหนังจบคือเสียงปรบมือดังมากๆ และเมื่องานจบ ทุกคนทยอยกันออกมาจากโรงแล้ว หมีก็คิดว่า นี่มันเป็นการเปิดโลกของเราจริงๆ นะ จากคนที่ไม่เคยได้ดูงานของนักศึกษามาก่อนมันทำให้รู้สึกว่า "โห คนรุ่นๆ เรา ทำได้ขนาดนี้นี่มันสุดยอดมากเลย" แล้วก็แปลกใจไปพร้อมๆ กันด้วยที่ทำไมวงการภาพยนตร์ไทยถึงไม่ค่อยเปิดโอกาสให้คนเก่งๆ ได้แสดงฝีมือกันเท่าไหร่ หนังแหวกแนวๆ ก็ไม่ค่อยมีมาให้เห็นเหมือนอย่างที่หมีได้ชมไปในงาน Core หนังครั้งนี้ (หรือถึงมี จำนวนโรงฉายก็จำกัดเหลือเกิน)


    หมีก็หวังว่าในอนาคตจะมีพื้นที่สำหรับคนรุ่นใหม่ได้แสดงความคิดและฝีมือออกมามากกว่านี้ เพราะมันไม่ใช่ว่าคนไทยไม่เก่งเลยนะ หนังไทยดีๆ ถึงได้มีน้อย ในทางกลับกันคนไทยเก่งค่ะ เพียงแต่ไม่มีที่ยืนในสังคมไทยที่เม็ดเงินสำคัญกว่าคุณภาพต่างหาก


    ...อะ ไม่พูดมากดีกว่า เอาเป็นว่าสำหรับผู้ที่พลาดไป ไม่ได้มาดูหรือว่าไม่เคยรู้จักมาก่อนก็ไม่ต้องเสียใจไปนะคะ (เสียใจเปล่าอะ เสียใจเถอะนะ เพราะถ้าหมีไม่ได้มาดูก็จะเสียใจเหมือนกัน ที่ไม่เคยรู้ว่ามีงานแบบนี้อยู่ และมารู้จักช้าไป) เพราะงานนี้จะจัดขึ้นทุกปีค่ะ สำหรับช่องทางติดตามข่าวสารหมีก็ได้บอกไปแล้วข้างบนเนาะ


    สุดท้ายนี้ขอขอบคุณนักศึกษาทุกคนที่ลงทุนลงแรงในการทำภาพยนตร์ดีๆ ออกมาให้ได้รับชมกันนะคะ ขอให้สู้ๆ และผลิตผลงานที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคตนะ สู้ๆ ค่า♡


    สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะ ไว้พบกันใหม่คราวหน้า สวัสดีค่ะ :)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in