และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายของสัปดาห์แรก..
หลังจากฝึกงานที่นานามิมาได้สี่วันเราก็รู้สึกได้ว่าเราชอบบรรยากาศที่นี่มาก พี่ ๆ บริษัทนี้เวลาทำงานก็ทำงานกันจริงจัง เวลาเล่นก็เล่นกันแบบไม่ยั้ง ปล่อยมุกมา แล้วตบ(มุก)กันเป็นว่าเล่นอย่างกับทุกคนเป็นคณะตลก! นี่สินะที่เขาเรียก "work hard, play hard" เราที่นั่งฟังเงียบ ๆ ก็พลอยขำก๊ากไปด้วย
ไม่ใช่แค่พี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่ฝึกงานด้วยกันก็เป็นมิตรและน่ารัก เรามาฝึกงานที่นี่ตัวคนเดียว แถมยังเป็นคนพูดน้อยไม่ค่อยแสดงออก แต่กลับได้เพื่อนใหม่ตั้งแต่วันแรก ทั้งเพื่อนที่ฝึกงานคนละแผนกและเพื่อนที่เป็นผู้ช่วยด้วยกัน มีวันหนึ่งเราเกิดหิวขึ้นมาตอนบ่ายแต่ไม่ได้ซื้อขนมตุนไว้ เจ้าบลีที่เป็นคู่หูผู้ช่วยเลยแบ่งคิทแคทรสชาเขียวให้เรา หลังจากวันนั้นพอซื้อขนมอะไรมาเราก็แบ่งกันกินตลอด
วันนี้ก็เหมือนทุก ๆ วันที่ผ่านมา แดดยามสายแรงจ้าจนแสบผิว เรานั่งวินจากปากซอยไปถึงบริษัทก่อนเวลาเริ่มงานเล็กน้อย ผ่านประตูหน้าไปเจอห้องประชุมที่มีหนังสือการ์ตูนเรียงราย (แต่เราไม่ค่อยมีเวลาอ่าน) แล้วเปิดประตูเข้าไปเจอเพื่อน ๆ ที่มาก่อน
ลงเวลาเข้างานแล้วนั่งคุยกับเพื่อนเรื่องการ์ตูน งานที่มหาวิทยาลัย ไปถึงเช้านี้เดินทางมาทำงานยังไง พอใกล้เวลาเริ่มงานก็ขึ้นไปชั้นสามพร้อมกับเพื่อนที่ทำงานชั้นเดียวกัน เปิดประตูเข้าไปทักทายพี่ ๆ เป็นอันดับแรก
ก่อนจะนั่งที่โต๊ะทำงานที่ประจำ เปิดโน้ตบุ๊กแล้วเริ่มทำงานต่อจากเมื่อวาน พอพี่นักเขียนเข้างานกันครบบรรยากาศการทำงานจริงจังก็ปกคลุมทั่วห้อง ตกบ่ายหลังจากอาหารตกถึงกระเพาะหนังท้องก็เริ่มตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน พี่มิมุ้ยผู้ครองลำโพงบลูทูธจึงเปิดเพลงสลายความง่วง ช่วงนี้อะลาดินภาคคนแสดงเพิ่งเข้าโรงไปได้ไม่นาน ท่านพี่เลยเปิดเพลงอะลาดินยาว ๆ ไป A Whole New World, Silence, Prince Ali ได้ฟังกันเกือบครบทุกภาษา
อะ เอา A Whole New World ไปฟัง เวอร์ชั่นนี้จะพลาดไม่ได้
นอกจากนั้นยังมีเพลงจากเรื่อง The Greatest Showman ด้วย! ตอนที่พี่เปิดเราแอบหวีดอยู่ในใจ เพราะเราชอบทุกเพลงเลย เป็นบรรยากาศการทำงานที่ครึกครื้นดีจัง
แต่อยู่ดี ๆ ก็มีเสียงดังสนั่นขึ้น
พี่มิมุ้ยเปิดหน้าต่างออกไปดู
ซ่าาาา
ฝนตก! ตกตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ก็เป็นเรื่องปกตินี่นา เพราะนี่ฤดูฝน เราชาวชั้นสามทุกคนจึงนั่งทำงานกันต่อแม้ฝนจะกระหน่ำฟ้าคำรามไม่หยุด แต่ฉันแอบคิดในใจว่าตกหนักขนาดนี้น้ำจะท่วมไหมนะ ปรากฏว่าจริงอย่างที่คิด! สักพักมีคนจากชั้นล่างวิ่งขึ้นมาบอกว่า
“น้ำท่วมบริษัท ขอคนไปช่วยหน่อยสักสองคน”
ชายฉกรรจ์ชั้นสามสองนายจึงได้ถือถังลงไปปฏิบัติหน้าที่ ส่วนพี่ ๆ ก็เริ่มเตือนให้ทุกคนเซฟงาน เพราะไฟอาจจะดับตอนไหนก็ได้ ณ ตอนนั้นฉันคิดว่าเอาแล้วไหมล่ะ! แต่ก็คงจัดการได้แหละ น้ำคงสูงจนท่วมถนนแล้วไหลเข้าบริษัท เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เวลาฝนตก
แต่ไม่ใช่เลย... สิ่งที่เกิดห่างไกลจากคำว่าธรรมดาโข
"ทุกคนครับน้ำท่วมชั้นสอง เลิกทำงานแล้วลงไปช่วยกันวิดน้ำด่วน!"
ขอย้ำอีกครั้ง ชั้นสอง
สิ้นเสียงประกาศของพี่ที่วิ่งขึ้นมาบอก ก็ไม่มีใครนั่งติดที่กันแล้ว ห๊ะ! น้ำท่วมชั้นสอง! เป็นไปได้ยังไง หรือว่าบริษัทโดนน้ำท่วมจนกลายเป็นเกาะไปแล้ว แต่นี่ฝนตกนะไม่ใช่สึนามิ! พอลงไปชั้นสองเท่านั้นแหละถึงรู้เรื่อง
น้ำท่วมชั้นสองจริง ๆ
ท่วมจากชั้นสองไหลนองลงไปชั้นหนึ่ง...
ภาพอาจจะไม่ชัดเท่าไร แต่ก็สรุปได้ว่า
แหล่งกำเนิดของน้ำตกมากจากรอยรั่วในห้องเก็บเก้าอี้ชั้นสอง พอฝนตกหนัก ๆ เข้า น้ำในห้องจึงทะลักล้นธรณีประตูแล้วไหลบ่าท่วมพื้นที่ชั้นสองทั้งหมด ก่อนจะเคลื่อนตัวทะลุประตูแล้วตกสู่ชั้นหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงต้องตัดไฟเพื่อความปลอดภัยของทุกชีวิต พวกเราตกอยู่ในความมืืด เด็กฝึกงานชั้นหนึ่งต้องอพยพขึ้นชั้นบน ขณะที่พี่ ๆ ลงไปวิดน้ำกันชั้นล่าง ส่วนเราเป็นทีมเก็บของหนีน้ำที่ชั้นสอง น้ำท่วมแค่ครึ่งความหนาของฝ่าเท้าเราแต่ก็สร้างความเสียหายไม่น้อย กล่องเอกสารต่าง ๆ ที่วางบนพื้นเปียกหมด พอเก็บของเสร็จเราก็ช่วยกวาดน้ำลงชั้นหนึ่ง ซึ่งไปโดนพี่ ๆ ที่วิดน้ำอยู่ข้างล่างจนพี่ตะโกนขึ้นมาว่า
กว่าวิดน้ำจนแห้งทุกคนก็เปียกกันหมด ฝนซาแล้วแต่พวกเราก็ทำงานต่อไม่ได้แล้วเหมือนกัน สิ่งที่ทำได้คือการกลับบ้านไปอาบน้ำสระผม วันนี้ทุกคนจึงได้เลิกงานเร็วเป็นพิเศษเหตุเพราะมีน้ำตกในบริษัท...
ระหว่างนั่งวินกลับบ้านเราก็ได้รับรู้ว่าโลกนอกบริษัทน้ำท่วมหนักมาก ตั้งแต่ในซอยไปจนถึงถนนใหญ่ มีปีเตอร์แมลงสาบออกมาวิ่งกันให้ว่อน ทำเอาขนลุกซู่ไปเลย
น้ำตกในวันนี้เสริมสร้างความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวของคนในบริษัทได้เป็นอย่างดี
เป็นความทรงจำขำปนระทึก
เราจะไม่มีวันลืมเลย
เอวังวันนี้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in