เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
The Friendly WindMister Tok
“The Game - Sexperience” งานร็อกไทย(ลับแล)ที่สะใจทุกอนูของ “โป่ง หิน เหล็ก ไฟ”


  • "ดัง ๆ!!! อย่ายอมแพ้นะ! โป่งร้องวันนี้ 25 เพลง เสียงหมด แต่เขาจะไม่ยอมถ้าคุณไม่ยอม"

    (เสียงพี่รงค์ มือเบส หิน เหล็ก ไฟ ที่พูดไว้ก่อนเข้า Encore คอนเสิร์ต Trilogy Rock Concert เมื่อ 20 ปีที่แล้ว)


    คุณไม่สามารถปฏิเสธเสียงร้องกระเดือกทองคำของเขาคนนี้ได้ “โป่ง-ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์”


    ทุกเพลงที่มีเสียงร้องของเขาตั้งแต่ The Olarn Project หิน เหล็ก ไฟ และ The Sun เราโตมาด้วยกัน (นับรวมงานป๊อปร็อกบูติก Hidden Gem ของแกรมมี่ยุคแรกสุดในนามวง “โซดา” ที่ปีนี้ครบ 40 ปีพอดี)


    เช่นเดียวกับฟรอนต์แมนวงร็อกทั่วโลก “ใด ๆ แล้วล้วน…ออกเดี่ยว” พี่โป่งคือหนึ่งในนั้น โดยสองอัลบั้มที่ผมกำลังจะรีวิวในบทความที่ 10 ของตระกูล The Friendly Wind (บทความเชิงสารคดีรายสะดวกที่ทำมา 4 ปีแล้ว แต่ผมสมัคร Minimore ครบ 5 ปีพอดี) ของผมนี้ เป็นอัลบั้มที่น้อยคนนักอาจจะรู้จักหรือคุ้นหูอยู่บ้าง ผมเองไม่อาจทราบว่าชุดนี้กระแสเป็นยังไง ปังไหม แป้กไหม…ผมไม่มีข้อมูลจริง ๆ


    แต่สองอัลบั้มนี้มีเสน่ห์ที่น่าค้นหามาก แถมตลาดเทปซีดีมือสองทั้งออนไลน์และออนไซต์ ต่อให้ขายกันราคากลาง ๆ “แต่หายากเชียวนะ” (ใช่ครับ วงการของสะสม “หายากเยี่ยงดรากอนบอล ประมูลเยี่ยงแข่งโอลิมปิก ซื้อขายเยี่ยงพระเครื่อง”) เป็น Concept Album ที่ตัวเพลงย่อยง่าย ฟังสนุก แถมได้สาระแง่คิดดี ๆ แบบคาดไม่ถึงเลยแหละ


    ผมกำลังพูดถึง “The Game” ปี 2545 และ “Sexperience” ปี 25ุ46 งานเดี่ยวลับแลแต่สะใจของพี่โป่งแหละคร้าบ


    “ยาธาตุนักเลง…พร้อม!”


    -





    The Game เป็นอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของพี่ชายผมยาวคนนี้ วางแผงในช่วงที่มีฟุตบอลโลก ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ปี 2002 อาร์เอสเลยรับกระแสนี้ด้วยการนำเรื่องกีฬามาร้อยเรียงเป็นเพลง โดยมีพี่ชมพู ฟรุ๊ตตี้ เป็น Executive Producer ควบคุมการผลิตโดยพี่ป๊อป-จักรกฤษณ์ มัฆนาโส ผู้ซึ่งออกเดินทางไกลเมื่อปลายเดือนตุลาคมปีที่แล้ว (สิ่งที่เหลือไว้ให้เราก็คือ ทำนองเพลง “รักแท้อยู่เหนือกาลเวลา” เพลงละครยุค 2010s สุภาพบุรษจุฑาเทพที่ยังตราตรึงใจเราไปอีกนานแสนนาน)


    เปิดอัลบั้มด้วยเพลงที่ชื่อเดียวกันกับอัลบั้ม “The Game” เพลงสุดมันที่เอา 32 ทีมสุดท้ายในบอลโลกครั้งนั้นมาแต่งเพลงได้อย่างสุดมัน เชียร์ได้เชียร์ไป แต่ใจเรามีแค่ “เธอ” คนเดียว

    -  คำร้อง : พงศธร แก้วสุข, ตุ้ย, หนุ่ย, Poohh  ทำนอง : จักรกฤษณ์ มัฆนาโส, Poohh เรียบเรียง : จักรกฤษณ์ มัฆนาโส -


    ตามต่อด้วย “อยากเป็นตัวจริง” เพลงช้า ๆ สุดกินใจที่เล่าถึงความรักที่ตัวสำรองเข้าใจความเจ็บปวดของเธอที่โดนเขาที่เป็น “ตัวจริง” ทำร้ายจิตใจ และหวังว่าอยากให้เธอเรียกไปลงสนามความรักเป็นตัวจริงในใจเธอให้ได้

    - คำร้อง/ทำนอง : สุรพันธ์ ชาญวิชณานันต์  เรียบเรียง : อาทิตย์ เลิศรักษ์มงคล -


    “ประสาท” เพลงสุดมันที่ตอนได้ยินชื่อเพลงนี้ต้องคิดว่าเนื้อหาเป็นแบบตามบอลจนอดหลับอดนอนประสาทเสียไม่เป็นอันทำงาน แต่ความจริงคือเป็นเรื่องราวของบุรษนาม “ประสาท” ที่ไม่ได้เล่นบอลกับเพื่อนอย่างประสงค์-ประสานในสนามฟุตบอลทั่วไป แต่ไปเล่นทางโทรศัพท์แทน แบบนี้ชีวิตมันจะซวยเอา ๆ จนต้องร้องว่า “ไอ้สาทเอ๊ย!”


    ใช่ครับ ผมหมายถึง “การพนันบอล” ที่กลไกง่ายแสนง่าย แค่มีโต๊ะบอลและเด็กเดินโพยเท่านั้นเอง (ถ้าอยากรู้ว่าการเล่นบอลทางมือถือเป็นยังไง ลองไปดูหนังเรื่อง Goal Club เกมล้มโต๊ะ ที่ฉายภาพนี้ชัดเจนพอ ๆ กับสยามสแควร์ยุค Y2K และเพิ่งมีรถไฟฟ้า BTS ใหม่ ๆ ดูสิครับ แล้วจะเห็นภาพชัดเจน)


    บอกกันเอาไว้ตรงนี้ “การพนันไม่เคยทำให้ใครมั่งมี ลำบากพี่ ๆ สีกากี ดีแต่สร้างความฉิบหายกันถ้วนหน้า Change My Mind”

    - คำร้อง : ภรัญญู ผู้นำพล, ธนา ชัยวรภัทร ทำนอง : อาทิตย์ เลิศรักษ์มงคล, Poohh  เรียบเรียง : อาทิตย์ เลิศรักษ์มงคล -


    “คนแพ้ที่ยิ่งใหญ่” เป็นศิลปะแห่งชีวิตนักกีฬาที่กว่าจะมาถึงวันแห่งชัยชนะได้ ต้องล้มลุกสักกี่ครั้ง คลุกตัวกับน้ำตานานเพียงใด และยังสู้ไหวอหรือเปล่า เพราะถ้าใจเรายังสู้ เดี๋ยวสักวันจะต้องเป็นวันของเราแน่นอน (เหมือนน้องซาโตชิ ตำนานคนแพ้ที่ยิ่งใหญ่ในโลกอนิเมะ ที่กว่าจะใช้เวลากำชนะลีกแชมป์โลกโปเกมอนต้องนานถึง 25 ปี ไอ้เราตามเมะนี้ไปปวดตับไป - ใช่ครับ นี่คือการ์ตูนที่เราโตมาด้วยกันจริง ๆ)

    - คำร้อง : สุทธิพงษ์ วัฒนจัง  ทำนอง/เรียบเรียง : จักรกฤษณ์ มัฆนาโส -


    “เกมแพ้คนไม่แพ้” เป็นเพลงที่ฟังต่อจากคนแพ้ที่ยิ่งใหญ่ (ง่าย ๆ ครับ มีความองก์ 1 องค์ 2) ไม่น่าเชื่อว่าวลีจากข่าวกีฬาที่กล่าวถึงการเขม่นกันของกองเชียร์สองฝ่ายใน-นอกสนามช่วงหลังเกม จะกลายมาเป็นเพลงปลุกพลังใจสุดมันอย่างอัศจรรย์ใจ (แถมสะใจอีกต่างหาก) ต่อให้วันนี้เราแพ้แม้เล่นเต็มที่ “เลือดนักสู้กูข้นเสมอโว้ย!! (เสียงน้าจูนลูฟี่)”

    - คำร้อง : ธนา ชัยวรภัทร/Poohh ทำนอง : จักรกฤษณ์ มัฆนาโส, Poohh  เรียบเรียง : จักรกฤษณ์ มัฆนาโส -


    “เธอจะไม่มีวันเดินลำพัง” จากวรรคทองพญาหงส์แห่งพรีเมียร์ลีกกลายมาเป็นเพลงปลอบประโลมหัวใจได้ทรงพลังมาก (จากประสบการณ์ส่วนตัว เพลงนี้ยังเป็น tearjerker song ของชีวิตผมเสมอมา)

    - คำร้อง : ธนา ชัยวรภัทร  ทำนอง/เรียบเรียง : จักรกฤษณ์ มัฆนาโส -


    “เฮ!” ชื่อก็บอกอยู่แล้ว เวลาแข่งกีฬาชนะ ทุกคนก็มีความสุขถ้วนหน้า

    - คำร้อง : วีระนนท์ นวชานน, ปองพล อินทนิล  ทำนอง/เรียบเรียง : ณรงค์ศักดิ์ ศรีบรรฎาศักดิ์วัชรากรณ์ -


    “หมดเวลา” เพลงอกหักที่เข้าใจหัวอกผู้แพ้ได้อย่างสิ้นหวังสุด ๆ

    - คำร้อง/ทำนอง : สุรพันธ์ ชาญวิชณานันต์  เรียบเรียง : วรพัตร จารุศร -


    “1:0 (หนึ่งต่อศูนย์)” เป็นเพลงองก์ 2 ของหมดเวลา พอเธอเจอคนที่ดีที่สุด…นั่นคือเขา ไอ้เราก็เลยโดนถล่มคาบ้านจนหมดปัญญาไปตลอดเกม

    - คำร้อง : พัชรินทร์ แก้ววิเศษ, ธนา ชัยวรภัทร ทำนอง/เรียบเรียง : อาทิตย์ เลิศรักษ์มงคล -


    “ขออีกสักประตู” เพลงปิดอัลบั้มที่สะใจก่อนหมดคืนนี้ด้วยการขอโอกาสทองจากใครสักคนได้เฉิดฉายในสนามชีวิตนี้

    - คำร้อง : สุทธิพงษ์ วัฒนจัง  ทำนอง/เรียบเรียง : จักรกฤษณ์ มัฆนาโส -


    หากฟังทั้งอัลบั้มแล้ว ก็คงจะรู้สึกเหมือนผมเลย เหมือนเรานั่งเชียร์บอลจอใหญ่ ๆ ในร้านหมูกระทะ กับเครื่องดื่มเย็น ๆ ทั้งน้ำซ่าและน้ำเก๊กฮวยฟองฟอด ไอติมตักที่แข็งแกร่งทรงพลังจนเมื่อยแขน แกล้มด้วยถั่วทอด แคบหมู ไม่ก็ข้าวเกรียบกุ้งแผ่นชมพู (ป๊อปคอร์นก็เช่นกัน) มันจนเสียงนกหวีดสุดท้ายของเกมเลยแหละ “ยันหว่าง!!!”


    ใช่ครับ “อัลบั้มชุดนี้ เข้าใจหัวอกนักกีฬาในทุกสถานการณ์ทีเดียวเชียว”





    -





    ปีต่อมา (2546) พี่โป่งก็ได้ออกคอนเส็ปท์อัลบั้มอีกหนึ่งชุด “Sexperience” ประสบการณ์เรื่องเพศที่ถ่ายทอดผ่านดนตรีร็อกมัน ๆ เปิดหัวด้วย “ไม่ใช่กล้วยไข่” ที่เล่าถึงความคึกคะนองของหนุ่มสาววัยรุ่นที่เพี้ยนรักจนต้องกลับมาดึงสติว่า “ทำอะไรก็คิดก่อน”


    “คนอ่อนไหว” เป็นความรักที่หลวมตัวให้เธอเอาซะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ รักนี้เธอไม่เกี่ยว ใจเพียว ๆ ก็เผลอใจไปแทบจะกลับไม่ได้ไปไม่ถึง (ในที่นี่หมายถึงเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองแล้วก็…ครับ)


    “ไม่มีใคร” เป็นชีวิตโสด ๆ ของคน ๆ หนึ่งที่เต็มที่กับทุกความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ เอาซะเอ็นดูเขาเอ็นเรา(เกือบ)ขาด จนต้องกลับมารักตัวเองในที่สุด


    “มอยซ์เจอไรเซอร์” เป็นฮาร์ดร็อกเดือด ๆ สไตล์อเมริกันกลิ่นเอเชียที่สะใจ แน่นอนต้องมากับสาว ๆ ที่แสนจะเร่าร้อนชนิดหม้อหม่าล่าเดือด ๆ หม้อสุกี้ร้านดังยังเรียกพี่ยอมสยบ “เพราะโลกนี้ยังมีผู้หญิงที่เติมกำไรหัวใจเหล่าชายชาตรีเสมอ”


    “อยากเป็นคนดี” ร็อกกลิ่นภารตะที่เล่าถึงสังคมไซร้ไม่ไร้คนดี ที่ต้องรักษาความดีไว้เสมอต้นเสมอปลายเหมือนเกลือที่รักษาความเค็ม (และไม่เค็มปี๋ดีเกินไปนะ) ดนตรีเดือดจริง ๆ


    “รักชั่วคราว” เป็นความรักเจ็บปวดของคน ๆ หนึ่งที่เจอคนใจดำทำร้ายจนเสียทรง เสียใจให้เต็มที่ เพราะวันพรุ่งนี้ยังมีให้เราใช้ชีวิตต่อไป


    “Sex Shop” ไม่ได้หมายถึงร้านสินค้าอย่างว่าในต่างประเทศ แต่เป็นความกล้า ๆ กลัว ๆ ของคุณลูกค้าที่จะต้องซื้อถุงยางอนามัยเพื่อลองรักมัน ๆ เพราะถ้าเรารู้จักการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ยังไงก็สะใจแบบไม่รู้สึกผิดแน่แท้ (แถมท่อน Bridge แยกยังมีคติเตือนใจเรื่องชู้รักและอาชญากรรมทางเพศด้วยนะ…จะบอกให้)


    “กลับตัวกลับใจ” เพลงร็อกที่ให้แง่คิดคนที่หลงผิดให้กลับมาเป็นคนดี ก็ฟังสนุกนะ


    “ช่วยตัวเอง” อารมณ์นี้แหละ มีความหิน เหล็ก ไฟ ชัดเจน เพราะได้พี่โต นำพล มือกีตาร์ริทึ่มวงนี้เป็นคนทำดนตรี ฟังต่อกันกับกลับตัวกลับใจแล้วชัดนะ “ไม่มีใครช่วยแก้ปัญหาชีวิตได้นอกจากตัวเอง”


    “จิ๋ม” เพลงปิดอัลบั้มสุดมัน ๆ จี้ ๆ เกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ยอมให้ใครมาย่ำยีหัวใจเล็ก ๆ จากผู้ชายระยำ ๆ เด็ดขาด และทุกคน ทุกเพศสภาพ ทุกอัตลักษณ์ทางเพศล้วนแล้วเท่าเทียมกัน ขอแค่ให้เกียรติเท่านั้นเอง (เพลงนี้ได้พี่ทักษ์-พิทักษ์ ศรีสังข์ มือเบสวงโซดา ดิโอฬาร และ The Sun เป็นคนแต่งทำนองเรียบเรียงดนตรีโดยคุณประทีป วรภัทร)


    “ทุกเพลงแต่งเนื้อและทำนองโดยพี่โป่งเอง และภาคเรียบเรียงดนตรีได้รับการจัดสรรโดย อ.ตุ้ม-วีระ โชติวิเชียร ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ชุดนี้ด้วย” งานเลยออกมาเป็นตัวตนของพี่โป่งจริง ๆ ใช่ครับ “พี่โป่งคนเดิมเริ่มกลับมาแล้ว” นั่นแหละฮะ งานร็อกลับแลชั้นดีที่เป็น Sex & Rock n’Roll “with no drugs” เหมือนจะทะลึ่งตึงตัง แต่สะกิดใจชาวร็อกให้ชวนคิดตามเพลงได้อย่างไม่น่าเชื่อเลย


    เหมือนดื่มไวน์คูลเลอร์เย็น ๆ แกล้มกุ้งเผาร้อน ๆ (ไม่ใช่กุ้งค็อกเทลตามโรงแรม) หรือไม่ก็มันฝรั่งแผ่นถุงที่ลมครึ่งซอง ดื่มกินคนเดียวตอนค่ำ ๆ ประสาคนโสด หรือต้องเรียกว่า “คืนเหงาเหล้าหวาน”




    -


    และนี่คืองานเดี่ยวในเหมืองขุมทรัพย์ลับแลของบุรุษแห่งกระเดือกทองคำ พี่โป่ง หิน เหล็ก ไฟ ที่ไม่ใช่แค่มันสะใจ แต่ยังให้ข้อคิดดี ๆ กับเราแบบไม่รู้ตัวเลย แม้จะผ่านมา 22-23 ปีแล้วก็ตาม ยังเก๋าสนุกเสมอ




    “ว่าแต่…ถ้าผมเปิดเพลงทั้งสองบั้มทั้งวันทั้งคืนผมจะโดนกระถางดอกไม้ลอยหน้าบ้านไหม”


    นายต๊ก

    21-25 กุมภาพันธ์ 2568


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in