เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Books Memovarious_memo
ชวนอ่านหนังสือ The Disruptor
  • เมื่อก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 รอบตัวเราเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและฉับพลัน สาเหตุหลักประการหนึ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องของเทคโนโลยีโดยเฉพาะในด้านของการสื่อสาร (Communication) และการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence - AI) ที่มีความก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก รวมถึงสภาพสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะเรื่องของภาวะโลกร้อน Global Warming จึงทำให้เกิดการเกิด-ดับของธุรกิจและอาชีพต่างๆในแต่ละสาขาอย่างมากมาย  


    หนังสือ The Disruptor เป็นผลงานเขียนเล่มล่าสุดของคุณรวิศ หาญอุตสาหะ CEO ของแบรนด์แป้งศรีจันทร์ ซึ่งหนังสือเล่มนี้เน้นในเรื่องของการถ่ายทอดเรื่องราว แง่คิด และหลักวิธีปฎิบัติต่างๆ เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาเปลี่ยนแปลงทั้งตัวบุคคลและองค์กรเพื่อให้สามารถอยู่รอดในโลกของงานและธุรกิจได้อย่างยั่งยืน ในรูปแบบภาษาที่มีความกระชับ เข้าใจได้ง่ายและยกตัวอย่างประสบการณ์จริง โดยมีทั้งสิ้น 50 หัวข้อประมาณ 240 หน้า ซึ่งไม่มากไปและไม่น้อยไปสำหรับการอ่านหนังสือเล่มนี้ 

    ในฐานะผู้อ่าน ชื่นชอบหลักการและแนวทางในการปรับเปลี่ยนต่างๆ ได้แก่

    1) การทำฐานให้แน่นและรู้ลึก VS รู้กว้าง - เราควรศึกษาหลักการพื้นฐานในสิ่งที่เราเก่งให้แน่น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สอดคล้องกับสิ่งที่เราเก่ง และเราควรเรียนรู้ในลักษณะที่เป็นรูปตัว T ซึ่งลงทุนพัฒนาในสิ่งที่เราเก่งอยู่แล้วให้เก่งยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนที่เราไม่เก่งและไม่ชำนาญ ควรให้คนอื่นทำแทนเรา แต่จำเป็นจะต้องมีความรู้กว้างในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย 

    2) ความสงสัยใคร่รู้และFirst Principle Thinking - เมื่อเราพบเห็นอะไรที่น่าสงสัย ลองหยิบขึ้นมาแกะมันออกและการมองแต่ละสิ่งในระดับที่ย้อนไปถึงรากฐานแล้วสร้างเหตุผลขึ้นมาจากรากฐานนั้นจะทำให้มองปัญหาจากมุมที่แตกต่างออกไปอย่างมากและช่วยในการตัดสินใจที่ดีขึ้นกว่าเดิม

    3) Timing - เรื่องของจังหวะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตามการเลือกใช้จังหวะเป็นและอดทนรอเวลาที่เหมาะสม สามารถตัดสินความสำเร็จหรือความล้มเหลวของเราได้เลย 

    4) Your Personal R&D Department และการบริหารเวลา 24 ชั่วโมง - เราจำเป็นอย่างมากที่จะต้องทำ,ทดลองและวัดผล R&D ในแต่ละด้านรอบตัวเรา โดยอาจแบ่งเป็น สไตล์การทำงาน รูปแบบการใช้ชีวิต เวลาว่าง ครอบครัว ความฝัน แล้วนำมาจัดสรรเวลาให้มีความเหมาะสม เช่น แบ่งระดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ สิ่งไหนที่สำคัญมากควรทำในเวลา Prime Time การไม่ปล่อยวางเวลาว่างให้เปล่าประโยชน์และสำคัญที่สุด ต้องดูแลสภาพร่างกายให้พร้อมอยู่เสมอ 

    5) Feedback - การทำงานเป็นทีมเป็นสิ่งที่สำคัญมากและการได้ผล Feedback ที่ถูกต้องและเหมาะสมจากผู้ร่วมงานด้วยกันเป็นหลักที่สำคัญเช่นกัน โดยหนังสือเล่มนี้จะกล่าวเบื้องต้นถึงหลักการ Feedback แบบ Edge ประกอบด้วย E-Explain, D-Describe, G-Give และ E-End Positively ซึ่งตอนจบของการ Feedback ควรต้องจบแบบภาวะที่เป็น "บวก" ให้กำลังใจ ยอมรับข้อผิดพลาดและนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น

    6) Marketing - เป็นหัวข้อหลักที่ปรากฎในหนังสือเล่มนี้ อาทิเช่น การนำเสนอวิธีการทำความรู้จักลูกค้า การวิเคราะห์ลูกค้าของเราเป็นใคร หลักการเสนอขายแบบ "รู้เขารู้เรา" หลักการตั้งราคาขายเบื้องต้น และมีการเล่าเรื่องราวความสำเร็จของแบรนด์ Supreme ซึ่งนำหลักการของ 4C ประกอบด้วย Cool, Collaboration, Culture และ Consistency ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจนทำให้แบรนด์อยู่ในระดับสูงสุดคือ Relationship หรือ Resonance จากลูกค้าของ Supreme 

    7) ความโปร่งใส - ในยุคแห่งการสื่อสารที่ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลและเกิด Social Network ขึ้น ทำให้ความคิดเห็นของลูกค้าเพียงแค่ 1 คนมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายของบริษัทใหญ่ๆได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นตัวบุคคลหรือองค์กรก็ตาม เราควรทำปรับเปลี่ยน "วัฒนธรรม" ให้มีความเหมาะสม เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ให้กับตัวเราหรือองค์กรที่ดีมากยิ่งขึ้นต่อไป 

    คำถามที่ชวนคิด หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบ 
    "เราจะเปลี่ยนก่อนที่โลกจะเปลี่ยนเราหรือเราจะเปลี่ยนหลังจากโลกบังคับให้เราเปลี่ยน" 



     
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Siramuk Utaisri (@fb2916905921734)
Good