เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Victoria Blogvixtoriagwyneth
- Victory -

  •               
                            ชีวิตก็เหมือนสงคราม มีการสร้างกำแพง ป้อมปราการ ล้อมร้อบอาณาจักร กักตุนเสบียง ดำเนินหมากในเกมส์ให้เราเป็นผู้ชนะ และที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ "สงคราม"  บางครั้งสงคราวอาจจะเล็ก หรือใหญ่ ขึ้นอยู่กับว่าสงครามเกิดขึ้นเพราะเหตุใด ใช่เพราะความบาดหมาง การขัดข้องทางผลประโยชน์ หรือแม้แต่สงครามเพียงเพื่อพิชิตชัยชนะ ประกาศอย่างโอหังว่าข้าคือผู้พิชิต

                             ตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้วที่สงครามระหว่างเมืองนับเป็นเรื่องปกติ แม้แต่ในยุคปัจจุบัน สงครามก็ยังปรากฎขึ้นอยู่เนืองๆ ฉันไม่ได้พูดถึงสงครามแบบที่ส่งทหารไปรบกันระหว่างประเทศ หรือสงครามทางการเมือง ฉันกำลังมองถึงสงครามระหว่างคนสองคนที่เกิดความบาดหมางระหว่างกันและกันต่างหาก

                             รู้ไหม อันที่จริงในความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความรัก ความเป็นห่วงเป็นใย ความใส่ใจ ความผูกพันธ์ มันไม่ควรจะมีสแม้แต่การปะทะอารมณ์กันด้วยซ้ำ ถ้าเรารักใครสักคน ทำไมถึงไม่ประคับประคองกันไปในทางที่ดี เฝ้าถนอมกันและกัน หวังเพียงอย่างเดียวในความสัมพันธ์คือคาดหวังให้อีกฝ่ายมีความสุขในทุกวัน

    แบบนั้นมันยากเกินไปหรือ?
    สำหรับบางคนอาจจะใช่
    นิยามความรักของเราคงไม่เหมือนกัน

                         
                             เป็นความจริงที่เมื่อก่อนตอนอายุยังน้อย หากไม่พอใจอะไร ฉันก็พร้อมจะประกาศศึกด้วยความมุทะลุอยู่เสมอ สู้กันให้ตายไปข้างหนึ่ง แพ้ชนะสลับไป ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร ไม่สนใจแม้ว่านั่นคือคนที่เราเคยรักมากก็ตาม

                             แต่กาลเวลาเปลี่ยนคนเราก็ย่อมเปลี่ยน หลังจากสงครามขนาดน้อยใหญ่นับครั้งไม่ถ้วน ฉันพึ่งตระหนักได้ว่าตัวเองมีแผลติดตัวมากมากมายแค่ไหน มากเกินกว่าจะสามารถรักษาได้ในเร็ววัน บางทีอาจใช้เวลาครึ่งชีวิตกว่าจะแผลจะสมาน ทุกอย่างจึงหยุดอยู่แค่ตรงนั้น ฉันกลายเป็นคนหลีกเลี่ยงทุกการปะทะ เลือกที่จะอยุ่อย่างสงบสุขในโลกส่วนตัวหลังกำแพงเสริมใยเหล็ก


    แต่ชีวิตมักจะเล่นตลก


                             เมื่อไม่นานมานี้ฉันเหมือนโดนท้าทาย ประกาศสงครามขนาดกลาจากคนคนหนึ่ง คนที่ไม่อยากจะเอ่ยชื่อถึง ไม่อยากจะเอาเรื่องของเขามาเขียนลงบล็อคให้เจ้าตัวมาเห็นแล้วได่ใจมากไปกว่านี้

    แต่ฉันคิดว่าหัวข้อที่อยากเขียนมันช่างน่าสนใจ จึงเลือกที่จะพยายามมองข้ามบุคคลคนคนนั้นไป



                            วิคตอเรียในปัจจุบันไม่เคยพ่ายแพ้ต่อสงครามใดใดไม่ใช่เพราะฉันคือผู้ชนะแต่เป็นเพราะฉันไม่เอาตัวเองลงไปอยู่ในเรื่องใดใดที่ไม่มีความจำเป็น ถ้าไม่เริ่มเล่นตั้งแต่แรกเราก็จะไม่เป็นผู้แพ้ จริงไหม? ไม่ใช่เรื่องขี้ขลาดตาขาวหรอกนะที่จะหันหลังเดินออกมาจากเรื่องราวใดใดอันจะทำพามาซึ่งความวุ่นวายโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ชีวิตกำลังไปได้สวย

    แม้แต่การท้าทายจากNก็ไม่สามารถดึงฉันลงไปร่วมสงครามประสาทครั้งนี้ได้ 


                             ยอมรับว่าในตอนแรกฉันยังไม่รู้ตัวหรอกว่านี่คืออีกหนึ่งสงครามฉันหลงผิดคิดไปเองว่ามันคือเรื่องจริง แต่ใช้เวลาไม่นานฉันก็ได้รู้

     

    เขาไม่ได้ต้องการหัวใจฉัน

    ชัยชนะต่างหากที่เขาต้องการ

     

                             มันไม่ใช่ความผิดของใครที่จะเอาหัวใจไปวางในมือคนที่ไม่ต้องการมันคือความผิดของเราเอง ครั้งหนึ่งฉันเคยผิดพลาดความผิดพลาดเดิมจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ช่วงเวลาของการเอาหัวใจไปวางเอาไว้ต่อหน้าใครสักคน  ใครสักคนที่ไม่ต้องการ ใครสักคนที่จะทำลายหัวใจของเรา ช่วงเวลานั้นของฉันมันจบลงไปแล้ว  แนวทางการใช้ชีวิตของฉันอาจจะดูสุ่มเสี่ยงไร้ซึ้งความปลอดภัย ถึงกระนั้นฉันก็รู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ 

                             เขาเองก็เคยอยู่เคียงข้างฉันในช่วงเวลาชีวิตที่พังไม่เป็นท่าเขารับรู้ว่าสภาพฉันในตอนนั้นมันโคตร จะ พัง แต่ก็ไม่แคล้วคิดจะเล่นตลกปั่นหัวให้ชีวิตกลับไปพังพินาศเหมือนเดิมเพียงเพราะว่ามัน “สนุก” น่าโมโหสิ้นดี



    หากเขาต้องการจะเล่นเกมส์ 

    จะให้ฉันดึงตัวตนในส่วนที่เป็นด้านแย่ๆออกมาเพื่อเอาชนะก็ยังทำได้ 

    แต่ฉันเลือกที่จะไม่ทำ 

    เพราะมันเสียเวลา




                             ให้ฉันมีชีวิตอย่างสงบสุขต่อไปมันยากนักหรือทำไมต้องอยากเห็นฉันหัวหมุนกลับไปเป็นแม่สาวผู้เศร้าโศกจากความรักอันไม่สมหวัง ทำไม? ทำไมถึงได้มีความสุขนักถ้าเห็นฉันจัดการกับชีวิตตัวเองไม่ได้ ทำไม? ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เรื่องบัดซบในชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งถึงได้กลายมาเป็นเรื่องบันเทิงของผู้ชายอีกคน เพราะอะไรกัน?


                             บางทีเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลอาจจะเป็นเพราะฉันดูโง่งมงาย หลอกง่าย ไว้ใจผู้คน เขาถึงได้อยากจะรังแกนักหนา คนนิสัยไม่ดี

     

                             เกลียดที่ต้องยอมรับว่าเขาน่ะเก่งรู้วิธีอ่านใจคน จะเดินหมากยังไงให้ชนะทุกครั้ง เขาเป็นคนประเภทที่ไม่เคยสัมผัสความพ่ายแพ้มาก่อน และรู้อะไรไหม เขาอาจจะเอาชนะศึกมานับร้อยครั้ง แต่ฉันจะเป็นศึกครั้งที่หนึ่งร้อยหนึ่งที่เขาจะไม่มีทางเอาชนะได้

     

    บนโลกนี้มีคนอยู่สองประเภท

    ผู้พิชิต

    กับผู้ถูกพิชิต

    ฉันไม่มีความสนใจที่จะกลับไปเป็นอย่างหลัง

    สงครามใดที่ไม่มีทางชนะ ฉันจะไม่ร่วมรบ และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ฉันเป็นศึกที่ไม่มีวันพ่าย






                            บทความข้างต้นค่อนข้างจะเต็มไปด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธปนเปกับอัตตาที่สูงติดเพดาน ฉันรู้ตัวดี ขอให้คิดเสียว่าฉันก็คือมนุษย์คนหนึ่งโกรธได้ร้องไห้เป็น คุณสามารถอ่านและวิจารณ์ได้แต่อย่าพึ่งเอาไปปรับใช้เสียทั้งหมด มันไม่ดีที่จะตัดสินใจอะไรตอนอารมณ์ไม่ดี

     

                           กลับมาเข้าสู่โหมดวิคตอเรียผู้สงบนิ่งคนเดิม คราวนี้ฉันจะลองพูดด้วยความรู้สึกโลกสวย วิ่งเล่นอยู่ในทุ่งหญ้าลาเวนเดอร์ดูบ้างพวกคุณจะได้ไม่มองว่าทัศนคติฉันรุนแรงมากเกินไปนัก

     

                             เริ่มจากตรงไหนดีล่ะ? เริ่มจากการ ถูกท้าทาย ก่อนก็แล้วกัน ใช่ อีกหนึ่งเรื่องไม่ธรรมดาที่ต้องมองว่ามันคือเรื่องธรรมดาให้ได้  การท้าทายสามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะด้วยคำพูด การกระทำหรือใดใดอีกล้านแสนแปดอย่าง มันน่าโมโหฉันก็รู้ดีอีกนั่นล่ะ อยากจะคว้าแก้วน้ำโยนใส่คนที่ท้าทายใช่ไหม? อยากจะเอาชนะคำท้าทายขึ้นมาใช่หรือเปล่า?

     


    คำถามต่อมาคือ ชนะแล้วได้อะไร?

    มีเพียงความสะใจกับศักดิ์ศรีล่ะมั้งฉันคิดว่า



     

                             ไม่รู้สิ มาถึงตอนนี้ฉันยังมองถึงผลประโยชน์ของการเอาชนะคำท้าทายไม่ได้ ออกจะมองว่ามันไร้สาระเสียด้วยซ้ำ ศักดิ์ศรีของคนเราจะถูกทำลายโดยใครไม่ได้ถ้าเราไม่ยินยอมให้เขามากดมันให้ตกต่ำลงเพราะตัวเราเอง ดังนั้นการเอาชนะไม่ได้ช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีแต่อย่างใด นั่นคือสิ่งที่คนเรามักชอบคิดไปเอง

     

                              แต่ถ้ามันหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ แบบว่าเส้นสติขาดผึงจนอยากลุกไปต่อยหน้าอีกฝ่ายสักที ฉันแนะนำให้นั่งลงหายใจเข้าลึกๆ ถามตัวเองว่าได้คุ้มเสียหรือไม่ สิ่งที่จะได้รับคืนมาสามารถจับต้องได้หรือเปล่า หากมันเป็นเพียงนามธรรมหรือคำท้าทายจากคนที่บ้าชัยชนะจนยอมแพ้ไม่เป็น มองข้ามไปเถอะค่ะ เพราะชัยชนะที่แท้จริงเกิดจากการปล่อยวาง



     

                             เอาล่ะ มาถึงตรงนี้คุณอาจจะเริ่มจะสงสัยแล้วว่ายัยนี่โดนล้างสมองมาแล้วแน่ๆ คำตอบคือไม่ค่ะ ฉันยังไม่โดนล้างสมองแต่อย่างไร วิคตอเรียยังสบายดี อย่างน้อยในตอนนี้ถ้าคุณยังไม่เชื่อแค่เก็บไปนอนคิดฉันก็จะดีใจเป็นอย่างยิ่ง ถ้าวันหนึ่งประสบการณ์มันสามารถตกตะกอนออกมาเป็นความคิดที่เห็นด้วยกับคำพูดของฉัน ถือว่าความพยายามของฉันไม่เสียเปล่า

     



                             เปรียบเทียบสถานการณ์จำลองแบบง่ายๆถ้าคุณยืนอยู่ในห้องหนึ่งและโยนลูกบอลใส่กำแพงมันก็จะกระเด้งกลับมาหาคุณแบบไม่มีวันหยุด หากครั้งไหนที่รับลูกบอลได้ก็โชคดีไปแต่หากพลาดขึ้นมา บอลก็อาจกระแทกลำตัวจนเกิดเป็นบาดแผล วนเป็นลูปไม่มีวันจบสิ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า 

                             แต่หากคุณแก้สถานการณ์ด้วยการถือลูกบอลให้มั่นเอาไว้ในมือไม่โยนไปใส่กำแพงอีก มันก็จะไม่สามารถทำอันตรายแก่คุณ เรื่องทุกอย่างก็จะจบลงแต่เพียงเท่านั้น



                              การสาวความยาวต่อความยืนด้วยเจตนาที่บอกตัวเองว่า “แค่อยากจะเคลียร์กันให้รู้เรื่อง” บางทีจุดจบอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม การมีชีวิตอยู่กับความรู้สึกคั่งคาใจมันน่าหงุดหงิด แต่คุณเลือกที่จะมองข้ามมันไปได้ ถ้าใจคิดจะทำ

                             แต่หากคิดจนถี่ถ้วนว่าดีที่จะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงขอให้เตรียมใจรับผลกระทบที่จะตามมา ถ้าเจ็บตัวเพราะเรื่องเดิมๆอย่างคนที่ไม่เคยหลาบจำ หาได้น้อยคนที่จะโอ๋คุณด้วยความจริงใจ ไม่ใช่พูดตอกหน้าด้วยความจริงอันเถียงไม่ออก “ฉันบอกเธอแล้ว”



                             วิธีเอาชนะที่ได้ผลชะงักคือการใช้ชีวิตต่อไปโดยปราศจากคนๆนั้น ใช้ชีวิตโดยไม่มีเขา แสดงให้เขาเห็นว่าคุณแข็งแรงพอที่จะมีความสุขได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร คุณสามารถเติมเต็มความต้องการของตัวเองได้ด้วยตัวเอง 

                              ยิ่งคุณยิ้ม หัวเราะ มีความสุขมากเท่าไหร่ มันยิ่งเป็นอาวุธที่รุนแรงมากเท่านั้น การเอาชนะความไม่อ่อนโยนคือการอ่อนโยนด้วยใจจริง หากทำแบบนั้นได้แล้วต่อให้ศึกนั้นจะหนักหนาสาหัสมากเท่าไหร่ ชัยชนะก็จะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมมือ


    - Victoria D. Gwyneth

     





     








                             
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in