( คำเตือน : บทความเรื่องนี้ประกอบไปด้วยการเปิดเผยเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ )
ความฝันในวัยเด็กของคุณ คืออะไร?
ยังจำได้ไหมว่าเพื่อนในจินตนาการ คือใคร?
ครั้งสุดท้ายที่เรากลับไปเล่นสนุกเหมือนครั้งวัยเยาว์ คือเมื่อไหร่?
ความจริงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ต่อให้พยายามวิ่งหนีจนสุดขอบโลก ความเป็นจริงจะตามติดตัวเป็นเงาเสมอ ในทุกที่ที่มีแสงสว่าง คือทุกที่ที่ไม่สามารถหลอกตัวเอง ส่วนมากมักจะเป็นคำว่าหน้าที่และบทบาทในสังคมที่ฉุดเราออกมาจากฝันหวาน โดยเฉพาะอาชีพการงาน ฝันร้ายของการเป็นผู้ใหญ่
จริงอยู่ที่กาลเวลาสร้างทุกอย่างขึ้นมา แต่กาลเวลาก็ได้พัดพาเอาทุกอย่างในวัยเด็กให้หายไปเช่นกัน ท้ายที่สุดเราจะสูญเสียตัวตนส่วนที่เคยเล่นสนุก เพื่อกลายเป็นเพียงคนไม่รู้จักการหัวเราะกับดินโคลน กว่าจะรู้ตัว เด็กน้อยร่าเริงวันนั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่ใจร้ายไปเสียแล้ว
ทว่ามันผิดนักหรือถ้าหากเราจะเติบโตขึ้้นจนหลงลืมความทรงจำในวัยเด็ก ระยะเวลาร่วมยี่ิสิบกว่าปี หากจะให้นั่งจดจำทุกสิ่งอย่าง ไม่เกินไปเสียหน่อยหรือ? กว่าจะนำพาตัวเองให้มาอยู่ในความสำเร็จทางการงานไม่ใช่เรื่องง่าย ราคาแพงขนาดนั้นย่อมแลกมาด้วยอะไรหลายอย่าง บางสิ่งเราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหายไปตั้งแต่ตอนไหน ในตอนแรกเราต่างล้วนคิดว่าไม่เป็นอะไร นั่นคือการจ่ายอันคุ้มค่า ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยไม่มีสิ่งแลกเปลี่ยน สิ่งหนึ่งเข้ามา สิ่งหนึ่งต้องออกไป
Christopher Robin คือภาพยนตร์ของเด็กชายกับผองเพื่อนในป่าร้อยเอเคอร์ ทุกอย่างเคยเป็นเรื่องง่ายและสนุกสนาน เต็มไปด้วยจินตนาการ กาน้ำชา โหลน้ำผึ้ง ขนมเค้กวางเรียงรายเต็มโต๊ะอาหาร ก่อนที่วันหนึ่งจะเปลี่ยนไป
คริสโตเฟอร์ถูกส่งไปยังโรงเรียนประจำ สังคมบีบบังคับให้หลงลืมเพื่อนในวัยเด็ก บ้านที่จากมากลายเป็นเพียงสถานตากอากาศประจำวันหยุด กาลเวลาล่วงเลย เขาคือชายที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ได้เป็นถึงหัวหน้าคน มีภรรยาและลูกสาวแสนน่ารัก แต่เขากำลังจะทำความผิดอันใหญ่หลวงเช่นเดียวกับที่พ่อของเขาเคยทำเมื่อตอนเขายังเป็นเด็ก "เมเดอลีน" ลูกสาวคริสโตเฟอร์กำลังจะถูกส่งไปยังโรงเรียนประจำอันห่างไกล ด้วยความเชื่อว่านั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอ โดยที่เขาหลงลืมไป ว่าอย่างไรเสีย เมเดอลีนก็ยังเป็นเพียงเด็กที่ต้องการอยู่ใกล้ครอบครัว
ในช่วงเวลาที่เสมือนว่าคริสโตเฟอร์หลงลืมเสียงหัวเราะ พูห์ได้ปรากฎตัวขึ้นในสวนสาธารณะหน้าบ้านพร้อมขอความช่วยเหลือ เมื่อจู่ๆผองเพื่อนวินนี่เดอะพูห์ได้หายตัวไปเสียหมด คริสโตเฟอร์จึงจำต้องหวนกลับไปยังป่าร้อยเอเคอร์เพื่อตามหาทุกคน แล้วการผจญภัยก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
สิ่งหนึ่งที่พูห์พร่ำพูดอยู่เสมอ คือการถามว่า "นายไม่ใช่คริสโตเฟอร์หรือ?" เพราะบางครั้งการตั้งคำถามก็ไม่ได้หมายถึงการเอาคำตอบ แต่คือการย้ำเตือนถึงตัวตนที่หายไป พูห์อาจจะเป็นเพียงหมีโง่ในสายตาคริสโตเฟอร์ แต่สำหรับพูห์ คริสโตเฟอร์คือโลกทั้งใบ นั่นคือเหตุผลว่าทำไม พูห์ถึงไม่เคยย่อท้อต่อเพื่อนคนนี้ แม้ว่าจะโดนใจร้ายใส่อยู่บ่อยครั้งก็ตาม
หนังเรื่อง คริสโตเฟอร์ โรบิน ได้นำเสนอถึงการจดจำในรูปแบบใหม่ การจดจำสิ่งที่อยู่ภายใน จดจำสิ่งที่เป็น ส่วนใหญ่เรามักคุ้นชินกับอะไรที่รูปลักษณ์ภายนอกยังคงดั่งเดิม เวลาได้เปลี่ยนให้คริสโตเฟอร์เติบโตขึ้น มีอายุมากขึ้น บนใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความเหน็ดเหนื่อย รอยยิ้มจางหายไปหลายปีชนิดที่ยากจะหวนกลับ จินตนาการกลายเป็นเพียงรูปวาดบนกระดาษเก่า
แต่มันน่าทึ่งมากที่พูห์จดจำคริสโตเฟอร์ได้ในแรกเห็น เพราะอะไรน่ะหรือ? เพราะว่าพูห์จดจำหัวใจคริสโตเฟอร์ได้ยังไงล่ะ เบื้องลึกแล้ว คริสโตเฟอร์ก็เป็นเพียงชายผู้เอาความสุขไปหลบซ่อนอยู่หลังความสำเร็จ เขาแค่ต้องการใครบางคนจากอดีตที่จะเดินเข้ามาทุบกำแพงแห่งโลกผู้ใหญ่ให้หายไป
"แต่นายคือคริสโตเฟอร์ โรบิน"
แม้จะพยายามหลอกตัวเองด้วยปัจจัยภายนอกมากมายเพียงใด สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจโกหกได้คือข้อเท็จจริงที่ว่าเราเคยเป็นใคร หลายครั้งที่เราปล่อยให้คำว่า เคย กลายเป็นเพียงอดีต ถูกแทนที่ด้วยปัจจุบันอันอันเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ต้องทำงานอีกเท่าไหร่ถึงจะพอ ต้องมีฐานะทางสังคมอีกเท่าไหร่ถึงจะหยุด เมื่อเอาทุกอย่างมากองรวมกันแล้ว เราก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่เพียบพร้อมไปด้วยทุกอย่างยกเว้นความสุข
หากสามารถดึงตัวเราจากอดีตเมื่ออายุสิบขวบมายืนตรงหน้าได้ จะคุกเข่าลงพร้อมพร่ำขอโทษในสิ่งที่เราเป็นอยู่กับปัจจุบันหรือไม่ ทุกวันนี้ได้ใช้ชีวิตอย่างที่จะไม่รู้สึกผิดกับวัยเยาว์หรือยัง นั่นคือสิ่งที่เราควรถามตัวเองทุกวันหลังตื่นนอน
ฉันเข้าใจดีว่าเราไม่สามารถเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่ตัวเราอยากจะเป็น ด้วยเพราะทางเลือกช่างมีอยู่น้อยนิด อิสระ แทบจะหมายความว่า เป็นไปไม่ได้
"People say nothing is impossible, but I do noting everyday."
เจตนาของการเติบโตไม่ใช่การหลงลืม หรือการจมปลักกับอดีตจนไม่ยอมรับความเป็นจริง แต่คือการเดินไปข้างหน้าโดยที่ปล่อยให้หนึ่งหรือสองครั้ง ตัวเองได้กลับไปหัวเราะกับเรื่องที่เคยทำให้โลกสดใส อะไรก็ตามที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเรื่องราวอันมีค่า อย่าปล่อยให้ปัจจุบันกลายเป็นเพียงเรื่องราวเก่าเปื้อนฝุ่น
ในชีวิตนี้เราจะสูญเสียอะไรมากมายหลายอย่าง ผู้คนจะพยายามพรากสิ่งอันเป็นที่รักไปเพื่อแสดงถึงพลังแห่งการเอาชนะ แต่อย่างหนึ่งที่เขาจะไม่มีวันเอาไปได้ คือ ความทรงจำ ยิ่งเราสวมกอดเอาไว้ด้วยความหวงแหนมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการแสดงออกถึงความหนักแน่นมากเท่านั้น การต่อสู้เพื่อความสุขไม่เคยเป็นเรื่องผิด ไม่ว่าใครก็มาหยุดเราจากการทำเพื่อตัวเองไม่ได้ ต่อให้สังคมรอบข้างจะบีบคั้นให้ปล่อยมือไป มันคือหน้าที่ที่ถูกต้องที่เราจะไม่หวั่นไหวไปตามกระแสลม
ในท้ายที่สุดคริสโตเฟอร์ ครอบครัว พูห์ และผองเพื่อนได้กลับมาอยู่ร่วมกัน แบ่งปันโหลน้ำผึ้งบนเนินเขา เมเดอลีนเข้ากับทิกเกอร์ได้เป็นอย่างดี นิทานเรื่องนี้เหมือนว่าจะจบอย่างมีความสุขชั่วนิจนิรันดร์ แต่ฉันกลับมองเห็นถึงการบอกลา
เมื่อความทรงจำจากอดีตได้หวนกลับมาเป็นปัจจุบัน หาใช่มีตัวตนเพียงในกระดาษเก่าเช่นเคย ยิ่งเมเดอลีนมีส่วนร่วมในป่าร้อยเอเคอร์มากเท่าไหร่ ทุกอย่างราวกับการเริ่มต้นบทใหม่มากเท่านั้น ฉันหมายถึงบทใหม่ที่ไม่มีคริสโตเฟอร์อีกต่อไป เสมือนว่าเขาได้ส่งต่อสมบัติล้ำค่าไปยังลูกสาว ราวกับให้เธอรับช่วงต่ออย่างไรอย่างนั้น มันน่าเศร้าที่เขาทำทุกอย่างราวกับว่าเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะไป
น่าใจหายชะมัด…
ช้าหรือเร็ว มากหรือน้อย ถูกหรือผิด เราทุกคนล้วนต้องบอกลาต่อวัยเยาว์ สิ่งเดียวที่ทำได้น่ากลัวจะเป็นเพียงการใช้เวลาในช่วงกลางดึกบนเก้าอี้ริมหน้าต่าง จ้องมองเงาสะท้อนของตัวเรา ในวันที่ไม่ใช่ตัวเราอีกต่อไป ขณะที่พร่ำคำว่าขอโทษในใจนับร้อยนับพัน แต่จะขอโทษอีกกี่ครั้งก็ไม่เคยเพียงพอ เพราะเราได้ละทิ้งส่วนหนึ่งของตัวเราไปแล้ว แต่อย่างน้อยถ้าปัจจุบันจะพัง ได้โปรดอย่าดึงความเสียใจไปจนถึงอนาคต
คนที่เศร้าหมองที่สุดในโลกคือคนที่ยึดติดจนไม่ยอมปล่อยวาง และคนที่มีความสุขในโลกคือคนที่ถือความสดใสเอาไว้ได้แม้ในช่วงเวลายากลำบาก การประสานอดีตเข้ากับอนาคต จำเป็นที่จะต้องช่างตวงน้ำหนักอย่างพอดี หากมากไปหรือน้อยไปในฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ความสมดุลจะไม่บังเกิด ย้อนแย้งดีใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวก็ให้บอกลา เดี๋ยวก็ให้จดจำ จะเอายังไงกันแน่ยัยคนนี้ ตอนที่เขียนอยู่ฉันก็ยังหาข้อสรุปให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกัน แต่รู้แน่ๆล่ะว่ายังไงการบอกลาต้องเกิดขึ้น เลี่ยงยังไงก็เลี่ยงไม่ได้อยู่ดี
"แท้จริงแล้วเรากำลังบอกลาตัวบุคคล หรือตัวตนในวัยเด็ก?"
ช่วงเวลาก่อนหน้าคริสโตเฟอร์ โรบิน ฉันเองก็ได้หลงลืมไปเหมือนกันว่าเคยมีความสุขมากขนาดไหนในวัยเยาว์ มัวแต่ใส่ใจกับอนาคตจนลืมหันหลังกลับมามองอดีต ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่ความสุขเล็กๆกลายเป็นเพียงภาพขาวดำไร้ซึ่งชีวิตชีวา ความสุขไม่ได้มาโดยง่ายดาย แต่มาจากการลงมือทำที่ซับซ้อนพอประมาณ การได้นั่งเขียนบทความนี้ก็เหมือนการได้มานั่งคุยกับตัวเอง ว่าการที่เราเติบโตขึ้น เราได้หลงลืมอะไรไปบ้างหรือเปล่า และก็เป็นอย่างที่คิด ฉันเผลอหลงลืมอะไรไปบางอย่างจริงๆ
ฉันมักจะบอกเพื่อน บอกคนรอบข้าง บอกคนที่เข้ามาขอคำปรึกษาอยู่เสมอ "ชีวิตไม่ใช่เรื่องยาก ผู้คนต่างหากที่ทำให้มันยุ่งยากเอง" และตอนนี้ก็ได้รู้ ว่าฉันบอกทุกคนยกเว้นบอกตัวเอง แต่เฮ้! มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มานะ! ถึงช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมาจะมัวแต่วุ่นวายกับการสร้างรากฐานให้ตัวเองมั่นคง แต่ในเมื่อฉันมีทุกอย่างแล้ว ก็ไม่เป็นเรื่องผิดอะไรถ้าฉันจะหันไปหาความสุขจากลูกโป่งสีแดงกับโหลน้ำผึ้งบ้าง ไม่แน่นะ วันดีคืนดีอาจได้เห็นฉันวิ่งเล่นในป่าร้อยเอเคอร์บ้างก็ได้ :D
และหากมีใครเข้ามาแย้ง ว่าความสุขต้องมาจากอะไรที่ยิ่งใหญ่ ฉันจะเปิดหนังเรื่องนี้ให้ดูพร้อมกับชี้ไปยังหมีในเสื้อสีแดงสด
ถ้าวินนี่เดอะพูห์ยังมีความสุขจากการกินน้ำผึ้งได้
ทำไมคนเราจะมีความสุขจากเรื่องเล็กน้อยบ้างไม่ได้เล่า?
- ???????? ?. ??????? ❤
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in