‘
เชื่อไหมว่าผมพิมพ์คำพูดนั้นได้โดยที่ไม่ต้องเปิดดูในหนังสือในกูเกิล หรือในที่ไหนเพื่อพิสูจน์ยืนยันว่ามันมีอยู่จริง
ในบางจุดเวลาของเรื่อง
ผมสะท้านแล้วมันก็ตรึงอยู่กับผมตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยิน(เป็นภาษาญี่ปุ่น)อยู่จนวันนี้ที่ได้ยินอีกครั้งเป็นครั้งที่สอง และคงจะอยู่กับผมไปอีกนานกว่ามาก ๆ
ผมชอบงานของชินไคไม่ใช่เพราะภาพหรือเพลงหรืออะไร แต่แค่เพราะผมเข้าใจมันมากกว่ามันมีความเปลี่ยวเหงาของเด็กหนุ่มอยู่ในงานแทบทุกเรื่อง ไล่ตามตัวตนราง ๆบางอย่างที่เหนือจริง
ไม่รู้สิ
คงเป็นเพราะครั้งแรกที่เราได้เห็นงานของเค้าตอนนั้นผมก็เป็นเด็กหนุ่มเหงา ๆ คนนึงด้วยแหละมั้ง
ผมยังใส่ชุดนักเรียนมอปลายอยู่ในจังหวัดบ้านนอกที่มีโรงหนังแค่แห่งเดียวผมเบื่อกับทุกสิ่งที่เป็นอยู่ที่นั่นแอบร่ำร้องบางสิ่งที่มิตสึฮะกู่ตะโดนตรงหน้าศาลเจ้าจากภายใน ผมร้องไห้จนหนังจบค้นพบบางความรู้สึกที่ไม่มีชื่อเรียกบางเรื่องราวสับสนเป็นปมแต่ผมก็ปลาบปลื้มงานของชินไคเข้าแล้ว
ยามซากุระร่วงโรย
ผมบอกทุกคนว่างานของชินไคดีแค่ไหนผมลืมไปว่าเป็นเรื่องของรสนิยมส่วนตัวมากกว่า บางคนก็บอกว่าผมตามกระแส แต่ผมรู้ดี มีอะไรที่ทำงานกับผมเบื้องหลังบรรทัดเหล่านั้น
เวลาผ่านไปพอให้ผมได้เติบโตขึ้นบ้างกลายเป็นใครบางคนที่ปากร้ายกว่าที่เคยเป็นและมีชีวิตอย่างที่ไม่ได้คิดไว้ในวันนั้น ชินไคออกหนังเรื่องใหม่มาแล้ว มันเต็มไปด้วยลายเส้นแห่งความเหงาขาดแหว่ง เฉกเช่นตัวผมที่ยังคงมีทีท่าการตามหาบางสิ่งบางอย่างที่ว่านั่น
แต่มันต้องบ้างอยู่แล้ว
ตลกร้ายอยู่เหมือนกันที่หลายครั้งคราวผมคิดว่าชีวิตนี้เป็นความฝันและความฝันก็เป็นอีกชีวิต เรามีมันทั้งคู่ แต่ไม่รู้ว่าจะจริงได้สักแค่ไหน ความฝันมากมายพวกนั้นพร่าเลือนเเมื่อเราตื่นต้องมีแน่นอน ,
ผู้คนพูดถึงมาร์เกซกับครอบครัวบวนเดียแต่ผมตบไหล่เด็ก ๆ พวกนั้น ดีดนิ้ว แล้วบอกว่า อ่านชินไคสิ ดูหนังเรื่อง
แต่ตอนนี้มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่พูดมาแล้ว
หวังว่าวันหนึ่งเราจะเดินสวนกับใครสักคน คนที่เหมือนหลุดออกมาจากสนธยาในครั้งนั้นขมวดคิ้ว ความฝันพร่าเลือนก็ช่างหัวมัน เราจะแนะนำตัวกันใหม่ ครั้งเท่าไหร่ไม่รู้แต่เราจะรู้จักกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in