เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My Storytoncha
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน ภาพวาดในแจ็สบาร์ และ 5%
  • มันก็เป็นเหมือนตอนที่คุณดื่มครั้งแรก

    เร่าร้อนเย้ายวน วูบวาบในหนึ่งลมหายใจ เมื่อทุกอย่างถูกกลืนหายไปความซาบซ่านจะคงอยู่ต่อไปอีกยาวนานกว่านั้น  ผมกำลังพูดถึงความรักไม่สิ่งอื่นใดที่หนุ่มสาวเสเพลอย่างผมจะพูดถึงได้อีกหรอกในปลายปีแบบนี้แสงไฟแบบนี้ ลมหนาวแบบนี้ 

    ผมเดินขึ้นมาตัวคนเดียวในวันอาทิตย์ช่วงเวลาที่บาร์แจ๊สลึกลับกำลังจะเลิก สั่งเบียร์ขวดแรกมากระดกหมด ยิ้มจางๆ ให้บาร์เทนเดอร์ แล้วก็สั่งอีกขวดมองจากอีกมุมหนึ่งของห้องก็รู้ว่าความเศร้า  ประดามีอยู่ในอกผม 

    "ขอชนแก้วหน่อยได้ไหมครับ"คำทักทายจากชายแปลกหน้า มาพร้อมกับขวดเบียร์ที่ยื่นมา

    "อันนี้มีแต่ขวดเปล่านะ"

    "เถอะนะครับ"เขาวิงวอน 

    เสียงขวดแก้วของเราสองคนกระทบกันอย่างเสียไม่ได้ผมมองชายแปลกหน้าซดเบียร์อึกใหญ่ เสียงแซ็กโซโฟนของวงดนตรี ที่กำลังแสดงสดหวีดหวิวเข้าขั้นดราม่าจริงอย่างที่เขาว่า...ว่าดนตรีคือภาษาสากล ผมลืมความทุกข์ของตัวเองไปชั่วขณะ        

    ดนตรีนั่นแหละที่เชื่อมโยงผมเข้ากับผู้คนที่เหลือในร้านทั้งปรบมือ ทั้งโห่ร้อง เป็นเกียรติแก่       นักดนตรีและแก่ความรู้สึกของ  เราเองที่เพิ่งถูกค้นพบแม้จะยังไม่เข้าใจ

    "เดี๋ยวผมจ่ายเองครับ" 

    "เอ่อ.."

     ยังไม่ทันสิ้นคำค้านเขาผู้อัธยาศัยดีควักเงินเลี้ยงเบียร์ผมไม่เพียงเท่านั้นร่างสูงตรงหน้ายังย้ายตัวเองมานั่งตรงเก้าอี้บาร์    ที่ว่างทางขวามือผมประหนึ่งจะตั้งตนเป็นคู่สนทนาคนใหม่ ผมหยิบเบียร์ขึ้นจิบมองทอดไปยังกำแพงที่ชายคนนั้นเคยยืนบังอยู่   มองเห็นเป็นภาพสะพานยาวไกลน้ำหนักสีและอารมณ์หม่นไหม้ดึงดูดผมอย่างแปลกประหลาด

    "อกหักเหรอครับ"

    "อืม"

    "ขอโทษที่ถามนะครับแต่ผมมองพี่แล้วนึกเป็นอย่างอื่นไม่ออกเลย"

    "แล้วน้องล่ะ"

    ผมเรียกเขาว่าน้องก่อนจะหันไปมองแล้วพบว่าเขามีใบหน้าที่อ่อนเยาว์กว่าผมเพียงใดรอยยิ้มกว้างนั่นช่างมีสเน่ห์ร้าย      สูทเรียบโก้ตัวโคร่งสีฟ้าอ่อนเชิ้ตลายดอกไม้ปลดกระดุมเผยแผ่นอกแกร่งและสร้อยคอไม้กางเขนพ่อหนุ่มแบดบอยทว่าแสนดีกับผมคนนี้หลุดมาจากนิยายปกขาวเล่มไหนกันนะ

    "ผมเป็นนักร้องร้องให้วงก่อนหน้านี้แต่ว่ายังไม่อยากกลับน่ะครับ"

    "นักร้องเหรออยากฟังเลย"

    "ผมร้องเพลงอะไรไปพี่ก็เศร้า เพลงไหนสำหรับพี่ก็เป็นเพลงของเขา"

    "..." ผมได้แต่เงียบและสะอึก

    "แม้แต่สายตาที่พี่มองภาพวาดนั่นพี่ก็มองเหมือนกำลังค้นหา ไม่สิ กำลังโหยหาอะไรบางอย่าง"

    "เป็นสถานที่โปรดของเราน่ะพี่เคยเห็นในหนังเรื่องนึงแล้วก็ชอบสะพานนี้มากวันที่อากาศดีก็จะชอบชวนเขาไปเดินเล่น   แล้วก็บังเอิญคิดขึ้นมาได้ว่าวันนี้อากาศโคตรดีเลย"

    ความเงียบปกคลุมบทสนทนาผมถอนหายใจรวยริน รู้สึกเหมือนกลิ่นแอลกอฮอล์พรั่งพรูออกมาด้วย

    "นานหรือยังครับ...ที่เลิกกัน"

    "อาทิตย์นึง"

    "แล้วก็เพิ่งมากินเหล้าวันนี้อ่ะนะ"

    "เออสิเพิ่งว่างวันนี้นี่นา"

    "ทำไมไม่มาพรุ่งนี้เลยล่ะครับเค้าประกาศเปิดอย่างเป็นทางการพรุ่งนี้ มาวันนี้ก็หลบๆ ซ่อนๆ"

    "กลัวร้านเค้าเจ๊งก่อนจะได้เปิดอีกรอบอ่ะดิรีบชิงมาก่อน" 

    ผมแก้ตัวไปงั้นแหละเป็นคำแก้ตัวประดักประเดิด ฟังไม่ขึ้นเลย

    "พี่หน้าแดงเขินผมเหรอ" เขายิ้มกว้าง

    "เพราะกินเหล้า..."

    "โคตรน่ารักเลย"

    ผมระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสัตย์จริง นี่เป็นเสียงหัวเราะครั้งแรกในรอบหลายวัน    บางครั้งคนเราก็เศร้าจนไม่อนุญาตให้ตัวเองได้มีความสุขกับเรื่องเล็กน้อยเลย

    "จีบคนอกหักยากนะ" ผมบอกหนุ่มน้อยเจ้าคารม

    "ไม่ยากเท่าจีบนักเขียนที่กำลังอกหัก"

    "อะไรทำให้คิดอย่างนั้น"

    "ผมเดา"เขายักไหล่ "เดาว่าพี่เป็นนักเขียนไม่ก็คนที่ทำงานเกี่ยวกับคอนเทนต์ที่ต้องเขียน เพราะ เห็นพี่ก้มพิมพ์บันทึก        ในโทรศัพท์อยู่ตั้งนานสองนานแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ พี่ก็จดไว้หมด"

    "ไม่ใช่สิอะไรถึงทำให้คิดว่าจีบนักเขียนที่กำลังอกหักนั้นยากเย็นนัก"

    "ก็พวกนักเขียนชอบหมกมุ่นคิดอยู่แต่เรื่องเดิมๆ จนกว่าจะได้เขียนอะไรออกไปจนสาแก่ใจ ไม่ใช่เหรอ"

    ผมพยักหน้ารับ"พวกดนตรีเองก็คงไม่ต่างกันหรอกมั้ง พี่ว่า"

    "ถ้าสมมติว่าเราเดตกันพี่เป็นนักเขียน ผมเป็นนักร้อง เราแต่งเพลงด่าไอ้ห่วยคนนั้นที่ทิ้งพี่ไปไหมเอาสักหนึ่งอัลบั้มจนพี่ลืมเค้าได้"

    "น่าสนใจนี่ พอถึงตอนนั้นแล้วยังไงต่อ"

    ผมซดเบียร์อึกใหญ่อย่างตื่นเต้นวางขวดแก้วที่เหลือเพียงก้นขวดบนเคาเตอร์ หันไปสบดวงตาดำสนิทของพ่อหนุ่มนักร้อง  รูปหล่อรอคอยให้คำพูดของเขาหลั่งออกมา

    "ผมก็จะบอกความจริงกับพี่ว่า ผมน่ะมันแค่คนธรรมดาอายุยี่สิบกว่าแต่ก็ต้องรีบทำงานกลางคืนหาเงินเลี้ยงตัวเองผมไม่มีความมั่นคงอะไรเลย ถ้าอยากจะกินของดีๆ ก็ต้องรอให้มีเทศกาลให้ร้านเหล้ากลับมาเปิดได้และมีคนจ้างผมไปเล่นหลายชั่วโมงจนเสียงแหบสูทที่ผมใส่เป็นชุดที่ดีที่สุดที่ผมมี แต่มันก็ยังเป็นของมือสองด้วยซ้ำผมไม่มีอะไรจะมารับประกันชีวิตที่ดีให้กับพี่ได้เลยผมแค่อยากจะมีสายตาแบบนี้ของพี่รอคอยผมอยู่ทุกครั้งตอนกลับบ้าน แค่นั้นเอง"

    นั่นแหละคำสารภาพอย่างซื่อตรงเขาคือเด็กหนุ่มผู้ศรัทธาในความรักแบบใจแลกใจเหนือสิ่งอื่นใด

    ผมเผลอจับบนหัวตัวเองว่ามีมงกุฏประดับอยู่หรือไม่ 

    คราวนี้ขวดสีชาของผมถูกเทลงมาจนหมดแผดเผาลึกลงไปถึงก้นบึ้งสามัญสำนึกกระทั่งหยดสุดท้าย ผมเห็นภาพนิมิตที่มี เราสองคน ได้ยินบทเพลงที่เขาร้องซึ่งเต็มไปด้วยถ้อยคำที่ผมเขียนเตียงนอนของเขาและขาของผมที่ถูกยกขึ้นสูง 

    ขวดแก้วเบาหวิวเขาเหือดหายไปต่อหน้าต่อตา ไม่สิ ต้องร้อนเเรงกว่านี้ เข้มข้นมากกว่านี้

    "ขอทีคีล่าครับ"

    ผมหันไปสั่งกับบาร์เทนเดอร์

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in