มันก็เป็นเหมือนตอนที่คุณดื่มครั้งแรก
เร่าร้อนเย้ายวน วูบวาบในหนึ่งลมหายใจ เมื่อทุกอย่างถูกกลืนหายไปความซาบซ่านจะคงอยู่ต่อไปอีกยาวนานกว่านั้น
"ขอชนแก้วหน่อยได้ไหมครับ"คำทักทายจากชายแปลกหน้า มาพร้อมกับขวดเบียร์ที่ยื่นมา
"อันนี้มีแต่ขวดเปล่านะ"
"เถอะนะครับ"เขาวิงวอน
เสียงขวดแก้วของเราสองคนกระทบกันอย่างเสียไม่ได้ผมมองชายแปลกหน้าซดเบียร์อึกใหญ่ เสียงแซ็กโซโฟนของวงดนตรี
ดนตรี
"เดี๋ยวผมจ่ายเองครับ"
"เอ่อ.."
ยังไม่ทันสิ้นคำค้านเขาผู้อัธยาศัยดีควักเงินเลี้ยงเบียร์ผมไม่เพียงเท่านั้นร่างสูงตรงหน้ายังย้ายตัวเองมานั่งตรงเก้าอี้บาร์ ที่ว่างทางขวามือผมประหนึ่งจะตั้งตนเป็นคู่สนทนาคนใหม่ ผมหยิบเบียร์ขึ้นจิบมองทอดไปยังกำแพงที่ชายคนนั้นเคยยืนบังอยู่ มองเห็นเป็นภาพสะพานยาวไกลน้ำหนักสีและอารมณ์หม่นไหม้ดึงดูดผมอย่างแปลกประหลาด
"อกหักเหรอครับ"
"อืม"
"ขอโทษที่ถามนะครับแต่ผมมองพี่แล้วนึกเป็นอย่างอื่นไม่ออกเลย"
"แล้วน้องล่ะ"
ผมเรียกเขาว่าน้องก่อนจะหันไปมองแล้วพบว่าเขามีใบหน้าที่อ่อนเยาว์กว่าผมเพียงใดรอยยิ้มกว้างนั่นช่างมีสเน่ห์ร้าย
"ผมเป็นนักร้องร้องให้วงก่อนหน้านี้แต่ว่ายังไม่อยากกลับน่ะครับ"
"นักร้องเหรออยากฟังเลย"
"ผมร้องเพลงอะไรไปพี่ก็เศร้า เพลงไหนสำหรับพี่ก็เป็นเพลงของเขา"
"..."
"แม้แต่สายตาที่พี่มองภาพวาดนั่นพี่ก็มองเหมือนกำลังค้นหา ไม่สิ กำลังโหยหาอะไรบางอย่าง"
"เป็นสถานที่โปรดของเราน่ะพี่เคยเห็นในหนังเรื่องนึงแล้วก็ชอบสะพานนี้มากวันที่อากาศดีก็จะชอบชวนเขาไปเดินเล่น แล้วก็บังเอิญคิดขึ้นมาได้ว่าวันนี้อากาศโคตรดีเลย"
ความเงียบปกคลุมบทสนทนาผมถอนหายใจรวยริน รู้สึกเหมือนกลิ่นแอลกอฮอล์พรั่งพรูออกมาด้วย
"นานหรือยังครับ...ที่เลิกกัน"
"อาทิตย์นึง"
"แล้วก็เพิ่งมากินเหล้าวันนี้อ่ะนะ"
"เออสิเพิ่งว่างวันนี้นี่นา"
"ทำไมไม่มาพรุ่งนี้เลยล่ะครับเค้าประกาศเปิดอย่างเป็นทางการพรุ่งนี้ มาวันนี้ก็หลบๆ ซ่อนๆ"
"กลัวร้านเค้าเจ๊งก่อนจะได้เปิดอีกรอบอ่ะดิรีบชิงมาก่อน"
ผมแก้ตัวไปงั้นแหละเป็นคำแก้ตัวประดักประเดิด ฟังไม่ขึ้นเลย
"พี่หน้าแดงเขินผมเหรอ" เขายิ้มกว้าง
"เพราะกินเหล้า..."
"โคตรน่ารักเลย"
ผมระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสัตย์จริง นี่เป็นเสียงหัวเราะครั้งแรกในรอบหลายวัน บางครั้งคนเราก็เศร้าจนไม่อนุญาตให้ตัวเองได้มีความสุขกับเรื่องเล็กน้อยเลย
"จีบคนอกหักยากนะ" ผมบอกหนุ่มน้อยเจ้าคารม
"ไม่ยากเท่าจีบนักเขียนที่กำลังอกหัก"
"อะไรทำให้คิดอย่างนั้น"
"ผมเดา"เขายักไหล่ "เดาว่าพี่เป็นนักเขียนไม่ก็คนที่ทำงานเกี่ยวกับคอนเทนต์ที่ต้องเขียน เพราะ เห็นพี่ก้มพิมพ์บันทึก ในโทรศัพท์อยู่ตั้งนานสองนานแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ พี่ก็จดไว้หมด"
"ไม่ใช่สิอะไรถึงทำให้คิดว่าจีบนักเขียนที่กำลังอกหักนั้นยากเย็นนัก"
"ก็พวกนักเขียนชอบหมกมุ่นคิดอยู่แต่เรื่องเดิมๆ จนกว่าจะได้เขียนอะไรออกไปจนสาแก่ใจ ไม่ใช่เหรอ"
ผมพยักหน้ารับ"พวกดนตรีเองก็คงไม่ต่างกันหรอกมั้ง พี่ว่า"
"ถ้าสมมติว่าเราเดตกันพี่เป็นนักเขียน ผมเป็นนักร้อง เราแต่งเพลงด่าไอ้ห่วยคนนั้นที่ทิ้งพี่ไปไหมเอาสักหนึ่งอัลบั้มจนพี่ลืมเค้าได้"
"
ผมซดเบียร์อึกใหญ่อย่างตื่นเต้นวางขวดแก้วที่เหลือเพียงก้นขวดบนเคาเตอร์ หันไปสบดวงตาดำสนิทของพ่อหนุ่มนักร้อง
"
นั่นแหละคำสารภาพอย่างซื่อตรงเขาคือเด็กหนุ่มผู้ศรัทธาในความรักแบบใจแลกใจเหนือสิ่งอื่นใด
ผมเผลอจับบนหัวตัวเองว่ามีมงกุฏประดับอยู่หรือไม่
คราวนี้ขวดสีชาของผมถูกเทลงมาจนหมดแผดเผาลึกลงไปถึงก้นบึ้งสามัญสำนึกกระทั่งหยดสุดท้าย ผมเห็นภาพนิมิตที่มี
ขวดแก้วเบาหวิวเขาเหือดหายไปต่อหน้าต่อตา ไม่สิ ต้องร้อนเเรงกว่านี้ เข้มข้นมากกว่านี้
"
ผมหันไปสั่งกับบาร์เทนเดอร์
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in