Credit pic : https://en.japantravel.com/tokyo/tokyo-mega-illumination/53910
เฮลโหลลลลล เอเวอร์รี่บอดี้~ สวัสดีทุกคนในปี2022นี้กับบล็อกที่เขียน...ปีละครั้ง! 5555555
(ขอบ่นหน่อย) พอโควิดเริ่มดีขึ้น งานกลับมากองท่วมหัวเหมือนเดิม เลยแทบไม่มีเวลาไปไหน แถมบ้านชิจิยังไกลจากสถานีรถไฟด้วย เลยไม่ได้ไปไหนเลย ฮืออออ
แต่พอดี๊ พอดี ได้ไปเจองานแสดงไฟประดับแห่งหนึ่งมา นอกจากงานแสดงไฟแล้ว สถานที่ของเขาก็น่าสนใจเหมือนกัน เลยลองไปดูมาค่ะ!
เนื่องจากช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม จะเป็นช่วงที่คนญี่ปุ่นเริ่มจัดงานไฟประดับพร้อม ๆ กับเทศกาลคริสมาสต์ ช่วงนี้เลยมีหลายสถานที่จัดงานแสดงไฟประดับกันเยอะมาก วันนี้ชิจิเลยเอาภาพจากสถานที่จัดแสดงไฟประดับอันยิ่งใหญ่ในโตเกียวมาค่ะ นั่นก็คือออออ....
TOKYO MEGA ILLUMINATION 2022-2023
งานไฟสุดยิ่งใหญ่ตระการตาประจำจังหวัดโตเกียว โดยมีรางวัล walker plus illumination guide (งานแสดงไฟประดับที่ผู้คนอยากจะมาที่สุดในญี่ปุ่น) อันดับหนึ่ง 2 ปีซ้อน (ปี2020และปี2021)
โดยในงานจะมีทั้งงานแสดงไฟประดับ งานแสดงน้ำพุ โชว์ตัวน้องม้า งานอีเว้นท์และของที่ระลึกต่าง ๆ รวมถึงร้านอาหารน่าอร่อยเยอะแยะในสถานที่นี้เลยค่ะ ?
ราคาบัตรเข้าชมงาน
บัตรเข้างานจะแบ่งตามวัน, เดือนที่เข้าชมและลำดับอายุตามตารางข้างบนค่ะ
ผู้ที่ซื้อบัตรล่วงหน้า
วันปกติ : 800เยน (ผู้ใหญ่อายุ18ปีขึ้นไป) และ 400 เยน (สำหรับเด็กประถมและมัธยมต้น/ปลาย)
วันหยุดเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ในเดือนพฤศจิกายน : 1000เยน (ผู้ใหญ่อายุ18ปีขึ้นไป) และ 500 เยน (สำหรับเด็กประถมและมัธยมต้น/ปลาย)
วันหยุดเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ในเดือนธันวาคม : 1200เยน (ผู้ใหญ่อายุ18ปีขึ้นไป) และ 600 เยน (สำหรับเด็กประถมและมัธยมต้น/ปลาย)
ผู้ซื้อบัตรเข้าชมในวันนั้น (หน้างาน)
วันปกติ : 1000เยน (ผู้ใหญ่อายุ18ปีขึ้นไป) และ 500 เยน (สำหรับเด็กประถมและมัธยมต้น/ปลาย) วันวันหยุดเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ในเดือนพฤศจิกายน : 1200เยน (ผู้ใหญ่อายุ18ปีขึ้นไป) และ 600 เยน (สำหรับเด็กประถมและมัธยมต้น/ปลาย)
วันหยุดเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ในเดือนธันวาคม : 1500เยน (ผู้ใหญ่อายุ18ปีขึ้นไป) และ 800 เยน (สำหรับเด็กประถมและมัธยมต้น/ปลาย)
บัตรสวัสดิการที่มีส่วนลด (เข้าชมในวันที่ซื้อ)
วันปกติ : 600เยน (ผู้ใหญ่อายุ18ปีขึ้นไป) และ 300 เยน (สำหรับเด็กประถมและมัธยมต้น/ปลาย) วันวันวันหยุดเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ในเดือนพฤศจิกายน : 600เยน (ผู้ใหญ่อายุ18ปีขึ้นไป) และ 300 เยน (สำหรับเด็กประถมและมัธยมต้น/ปลาย)
วันหยุดเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ในเดือนธันวาคม : 700เยน (ผู้ใหญ่อายุ18ปีขึ้นไป) และ 400 เยน (สำหรับเด็กประถมและมัธยมต้น/ปลาย)
เด็กเล็กและเด็กอนุบาลเข้าชมฟรีทุกช่วงเวลาค่ะ ?
วันและเวลาเข้าชม
เนื่องจากงานประดับไฟนี้ไม่ได้เปิดให้เข้าชมทุกวัน ดังนั้นโปรตรวจสอบวัน เวลาและงานอีเว้นท์ต่าง ๆ ในวันที่จะเข้าชมในเว็บไซด์ด้านล่างหรือหลังบัตรเข้าชมอีกครั้งก่อนไปนะคะ
เว็บไซด์ทางการ (มีภาษาอังกฤษ) : https://www.tokyomegaillumi.jp/index.html#eventArea_calendar
เวลาเข้าชม : ประตูทางเข้าเปิดเวลา16:30 ปิดเวลา20:00 สามารถเดินชมภายในงานได้จนถึงเวลา21:30 ฉะนั้นโปรดมาให้ทันก่อนเวลาปิดประตูนะคะ มิเช่นนั้นจะมาเสียเที่ยวเหมือนชิจิรอบแรกเพราะลืมดูเวลาปิดประตูค่ะ TT
เย้~ เมื่อได้บัตรมาแล้ว ก็ได้เวลาลุยยยยยย~ !!!
เมื่อเข้ามาปุ๊บ ให้ลองสังเกตดูป้ายแบบนี้ในงานดูนะคะ จะเป็นป้ายที่บอกว่าตอนนี้เราอยู่ในจุดไหนและไฟในจุด ๆ นั้นคือไฟประดับแบบไหน โดยทางเข้าคือป้ายที่1 Twinkle Road ซึ่งจะเป็นไฟประดับตามทางเดินที่มุ่งเข้าไปด้านในงานค่ะ
(บ่นอีกนิด)
ที่จริงงานนี้ชิจิจะมาหลายวันแล้ว แต่สภาพอากาศ+ช่วงเวลาเดินทางคือเลวร้ายมากกก เหมือนพระเจ้าไม่อยากให้เรามา เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวรถไฟดีเลย์ มาไม่ทันเวลาปิดประตูบ้าง พอเห็นว่าวันนี้อากาศดี เลยรีบมาเลยค่ะ ค่อยยังชั่ว ~ ?
จุดที่2 จุดหนังสือโป๊เล่มใหญ่ ผ่ามมมมม!!!! 5555 ไม่ใช่เด้ออออ (ถึงแม้จะแปลตรง ๆ ได้ตามนั้นก็เถอะ) แต่จริง ๆ แล้วน้องคือ'หนังสือเปล่า'ที่ไม่มีอะไรตีพิมพ์ เป็นหน้ากระดาษเปล่า ๆ ที่มีไฟส่องไปยังหน้ากระดาษให้เหมือนกับว่าภาพในหนังสือขยับได้ค่ะ
โซนนี้เหมือนนิยายมาก ๆ เด็ก ๆ เองก็ชอบ ถ่ายรูปกันเยอะแยะเลย เหล่าคู่รักเองก็ถ่ายรูปเซลฟี่กันอย่างน่ารักจนน่าอิจฉาเลยค่ะ เชอะะะ!!!
ข้าง ๆ จุดหนังสือฉายไฟ มีไฟประดับที่เป็นชื่อสถานที่จัดแสดงนี้ให้ถ่ายรูปเช็คอินด้วยค่ะ
เมื่อเดินมาอีกนิด ชิจิก็เห็นผู้คนไปต่อแถวทำอะไรสักอย่างกันอยู่ เลยลองเดินไปดู ๆ ก็เห็นกับสิ่งมีชีวิตน่ารัก ๆ ที่รอให้ถ่ายรูปอยู่ค่ะ !!
แต่นแต๊นนนนน น้องม้าแคระค่ะ!!!
โซนนี้จะเป็นโซนที่สต๊าฟให้เราได้ถ่ายรูปใกล้ชิดสุดExclusiveeeeeกับน้องม้าแคระได้ฟรีค่ะ! ซึ่งน้องก็น่ารักมากกกกกก ไม่ดื้อ ไม่ซน นิ่งสุด ๆ แถวตอนชิจิไปถ่าย น้องก็เอนหัวมาใกล้ ๆ ด้วย งู้ยยยยยยยย อยากเอาไปเลี้ยงอ่าาา~
หลังจากโดนน้องตกและถ่ายรูปจนพอใจแล้ว ชิจิก็เริ่มกลับมาชมบรรยากาศด่านในต่อ ซึ่งได้ประดับไฟกับต้นไม้และร้านค้าได้สวยมาก ๆ ดูน่านั่งและน่าถ่ายรูปมาก ๆ เลยค่ะ
เมื่อเดินตรงมา เราจะเห็นกับไฮไลท์อีกจุดของงานนี้ ซึ่งเป็นจุดที่ใหญ่และน่าสนใจมากค่ะ นั่นก็คือออออ
จุดที่3 ต้นไม้ยักษ์กับไฟประดับบนกิ่งใบของนาง ✨
เป็นจุดไฮไลท์ที่สวยดั่งเทพนิยายมาก ผู้คนต่างต้องแวะมาถ่ายรูปตรงจุดนี้กันหมด และทางสถานที่ก็มีปล่อยไอน้ำออกมาเบา ๆ ทำให้เหมือนหมอกควันปกคลุมต้นไม้ เปรียบเสมือนเรากำลังอยู่ในป่าแห่งนิยายเหมือนอลิซในแดนมหัศจรรย์เลยค่ะ (แต่ไม่มีกระต่ายหรือแมวนะคะ มีแต่ม้า ฮาาา)
ป้ายนี่จะเป็นคำอธิบายสถานที่ต่าง ๆ ค่ะ โดยไฮไลท์อันดับ 1 คือน้ำพุแสง สี เสียง ที่จะทำการแสดงทุก ๆ 20นาทีค่ะ อันดับ2คือแสงออโรร่าบนท้องฟ้า ที่เกิดจากการฉายไฟกระทบกับไอน้ำที่ถูกปล่อยออกมา และอันดับที่3คือต้นไม้ยักษ์และไฟประดับต้นนี้ค่ะ
แสงออโรร่าที่กระทบกับไอน้ำและฉายบนกำแพงตึกขาว สวยงามมากค่ะ ✨
จากนั้นเมื่อเดินตรงเข้ามาอีกนิด เราก็จะเจอกับบบ....ลานน้ำพุค่ะ!!
ตอนที่ชิจิมาถึงลานน้ำพุ ยังไม่ถึงเวลาแสดง เลยนั่งรอตรงที่นั่งชมก่อนค่ะ ขอบ่นหน่อยว่าหนาวมากกกกกกกก ใครที่จะมาชมน้ำพุไฟประดับช่วงหัวค่ำ อย่าลืมสวมเสื้อหนา ๆ หยิบถุงมือและผ้าพันคอมาด้วยก็ดีนะคะ ชิจิใส่เสื้อขนเป็ด ยังหนาวอยู่เลยค่ะ ?
เมื่อถึงเวลา การแสดงก็เริ่มต้นทันที!
แสงออโรร่าสวยมากกกก
เป็นการแสดงไฟที่สวยดีค่ะ ชอบตอนแสงออโรร่ามาก แค่มีความรู้สึกว่าที่นั่งรับชมจะไกลไปหน่อย และไม่ได้ว้าวแบบตื่นตามาก แต่เป็นการแสดงที่สวยทุกช็อต ควรถ่ายวีดิโอไว้มากกว่าถ่ายภาพนิ่งมากค่ะ ☺️
เมื่อการแสดงจบ ชิจิก็เห็นว่าอีกฝั่งมีคนเยอะดี เลยว่าจะหาทางเดินไปดูบ้าง เดินมั่ว ๆ ไปพร้อมกับกลุ่มคนอีก2-3กลุ่มที่เดินมาด้วยเพราะไม่รู้จะไปยังไง มีสต๊าฟคนหนึ่งเดินออกมาแล้วตะโกนบอกให้ไปอีกทาง เพราะอีกทางคือ'ทางเข้า'.....เพล้งงงง หน้าแตก อับอายกันทั้งหมู่คณะ กลับตัวกลับลำกันทันทีด้วยความขวยเขินเพราะมาผิดทาง....แหมมมม ก็ไม่เห็นมีป้ายบอกเลยอะ -3-
พอเดินไปตามทางที่สต๊าฟบอก....เอ่อ เขามีป้ายบอกนะ แต่ชิจิไม่ได้มองเอง 5555555 โอเค ขอโทษค่ะ ?
จุดที่4คือTwinkle Tunnel หรืออุโมงค์ไฟระยิบระยับค่ะ (ถ่ายป้ายมานะ แต่ลืมเช็ครูป เบลอมากกก อยากเขกมือตัวเองจัง)
ตรงนี้จะเป็รไฟฉายบนพื้น ราวกับเรากำลังยืนอยู่บนผิวน้ำ สังเกตได้ว่าคนอื่น ๆ ดูสนุกกับการกระโดดเหยียบไฟที่ฉายบนพื้นกันมาก......ใช่ค่ะ ชิจิเองก็เป็น1ในนั้นค่ะ 555555
ในอุโมงค์ ไฟประดับจะจะเล่นไปคลื่น ไล่เปิด-ปิดจากด้านหน้าไปเรื่อย ๆ เหมือนเรากำลังถูกอุโมงค์ดูดเข้าไปในส่วนลึก อีกทั้งไฟที่ประดับยังเปลี่ยนสีได้อีก สวยงามตระการตามากค่ะ...
แต่คู่นั่นอะ รบกวนออกไปด้วยค่ะ คนโสดถ่ายรูปวิวอยู่ ไม่เห็นเรอะ!? เกะกะ หมั่นไส้!!! รักกันดีนัก เชอะ!!! (พาลแหล่ะ ดูออกกก?)
เมื่อเดินออกมาจากอุโมงค์ ก็จะเจอกับบันไดสายรุ้งสุดสวยค่ะ ?
จากนั้นเดินขึ้นบันไดมา เราก็จะได้เจอกับสิ่งสวยงามอีกจุดหนึ่งค่ะ ซึ่งขอบอกว่าสวยมากจริง ๆ ไม่จกตาเลยยยย
แต๊นนนนนน ทุ่งข้าวสาลี บึ้มมมมมมม กลายเป็นโกโก้ครั้นนนนนนนนน (กำลังหิวแหล่ะ 5555)
จุดที่ 5 ภูมิประเทศญี่ปุ่นแบบสมัยก่อน
อันนี้ชิจิเดาว่าคอนเซปคือ'ทุ่งนา'ค่ะ น่าจะคล้าย ๆ บ้านเราที่สมัยก่อนนิยมปลูกข้าวกันมาก ทุกวันนี้ยังมีอยู่ก็จริงแต่มีน้อยมาก ชิจิเคยเห็นช่วงที่คนญี่ปุ่นทำนา ปักต้นกล้า เกี่ยวผลผลิตกัน ส่วนตัวคือชิจิชอบนะ ดูธรรมชาติมากและเขาจัดระเบียบต้นกล้าและพื้นที่ปลูกผักดี สวยงาม สะอาด ผ่านทีไรก็รู้สึกสดชื่นตลอดเลยยย~
ดื่มด่ำกับทุ่งนาญี่ปุ่น (ไหนตอนแรกว่าข้าวสาลี?) แบบจำลองแล้ว เราก็ไปกันต่อยังจุดต่อไปเลย~
จุดที่6 อุโมงค์ดอกซากุระเอโดะ
อุโมงค์นี้คือการจำลองดอกซากุระพันธุ์เอโดะที่ประดับด้วยไฟหลายพันดวง ก่อร่างสร้างเป็นอุโมงค์ให้พวกเราเข้าไปเยี่ยมชมความสวยงามของดอกซากุระสายพันธุ์นี้ ซึ่งซากุระพันธุ์นี้ กลีบดอกจะซ้อนกันหลายชั้น ค่อนข้างเหมือนกุหลาบมากกว่าซากุระ รอบนอกจะเป็นสีขาว ส่วนตรงกลางจะออกสีชมพูแดง ๆ ค่ะ เดี๋ยวชิจิจะแปะรูปซากุระเอโดะของจริงให้ด้านล่างนะคะ
เครดิตภาพจาก : https://greensnap.jp/post/786383
หลังจากออกมาจากอุโมงค์แล้ว จะมีทางเดินให้เราเดินต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งขอบอกว่ารอบ ๆ ทางเดินคือสวยมากกกกกก ไฟประดับสีเหลืองและขาวที่ตัดกับขอบฟ้าสีดำ ดูสวยงามและโรแมนติคมาก ๆ อยากแนะนำให้ทุกคนมาถ่ายรูปตรงจุดนี้กันมากค่ะ ❤️
จุดที่ 7 "ไม้เลื้อยวิสทีเรีย"
ดอกวิสทีเรีย หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า
ดอกฟูจิ (ใครดูดาบพิฆาตอสูร คงจะคุ้นกันอยู่บ้างนะคะ ?) เป็นดอกไม้แห่งความสดใสและการปกป้องที่อยู่คู่กับคนญี่ปุ่นมานาน แม้ดอกซากุระเอโดะจะเป็นของจำลอง แต่ดอกฟูจิกงนี้เป็นของจริงนะออเจ้า!!
จุดที่8 "ลานสนามหญ้า"
ลานหญ้าตรงนี้จะเป็นจุดจำลองสนามเลี้ยงม้า แสดงหุ่นน้องม้าเพื่อให้ผู้เข้าชมสามารถมาถ่ายรูปกันได้ตามอัธยาศัยค่ะ
จุดที่9 น้ำตกแห่ง...รักมิใช่ดวงดาว เมื่อพราวแสงงง ฮาาาา
จุดนี้เป็นจุดที่ตกแต่งไฟประดับราวกับน้ำตกแพรวพราวที่กำลังตกลงมา มีลูกเล่นคือไฟประดับด้านล่างที่ทำให้คล้ายกับคลื่นน้ำเวลาน้ำตกตกกระทบลงมายังผิวน้ำ โดยไฟด้านล่างจะค่อย ๆ สว่างไล่ลำดับและไฟล็อตสุดท้ายจะสว่างเป็นสีฟ้าราวกับสีของคลื่นน้ำเลยค่ะ
สีฟ้าดุงดวงดาว เมื่อพราวแสง~ (ยังจะเล่นอีกเหรอะ!!!)
ตรงจุดนี้จะเป็นไฟอีกด้าน ถ้ามองรวม ๆ จะเหมือนเรายืนอยู่ตรงเกาะกลางโดยมีแอ่งน้ำตกล้อมรอบค่ะ
จุดที่10 สวนกุหลาบ
ขอต้อนรับสู่สถานศึกษารัฐบาลแห่งแรกของประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ 5....ผ่ามมม!!! นั่นโรงเรียนสวนกุหลาบ!!!! ฮาไหมคะ? ฮาแหล่ะ แต่กลั้นขำอยู่ใช่ไหมละ อิอิ
จุดนี้จะเป็นจุดจำลองสวนกุหลาบโดยใช้ดอกกุหลาบจำลอง ประดับด้วยไฟเพื่อใก้ดอกกุหลาบแต่ละดอกเรืองแสง ซึ่งแต่ละดอกก็จะประดับด้วยไฟสีต่าง ๆ กันราวกับเป็นสวนกุหลาบจริง ๆ ที่มีกุหลาบหลากหลายสี รอให้ผู้เข้าชมได้มาชมความด้วยตาของท่านเอง
จุดที่11 ตรอกแห่งความทรงจำ
ตรงจุดนี้จะบอกว่าม้าตัวนั้น ๆ เป็นตัวตึงในช่วงยุคไหน โดยเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ.1977 (พ.ศ.2520) จนถึงปีค.ศ.1993 (พ.ศ.2536)
อย่างที่ชิจิกล่าวไว้ข้างต้น ว่าชิจิสนใจสถานที่จัดงานครั้งนี้ เพราะงานนี้จัดขึ้นที่สนามแข่งม้าTokyo City Keibaค่ะ ธีมต่าง ๆ ของงานไฟประดับนี้จึงเกี่ยวกับม้าโดยส่วนใหญ่ และปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้ก็ยังใช้เป็นสนามแข่งม้าอยู่ ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมงานประดับไฟนี้จึงไม่ได้เปิดให้เข้าชมทุกวัน เพราะบางวันจะมีรายการแข่งม้าที่นี่จนถึง20:30 จึงไม่สามารถเปิดไฟประดับให้รับชมได้ค่ะ
เมื่อเราเดินลงมาตรงอุโมงค์ด้านล่าง จะเห็นว่าจุดนี้จะจัดเป็นธีมเมืองเก่าของญี่ปุ่น ให้ดูว่าเมืองสมัยก่อนของญี่ปุ่นเป็นแบบไหน ซึ่งชาวต่างด้าวอย่างชิจิสนใจตรงจุดนี้มากค่ะ
จำลองร้านราเมงแบบสมัยก่อน
โปสเตอร์หนังสมัยก่อน
โรงภาพยนตร์แบบสมัยก่อน
อีกหนึ่งอย่างที่ชิจิชอบและขอถ่ายรูปไว้ คือที่ญี่ปุ่นใส่ใจกับคนพิการมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นรถบัสแบบไม่มีบันได (Non-step bus) หรือแม้กระทั่งตรงบันไดของสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่ง จะมีเครื่องแบบนี้ไว้ให้สำหรับผู้พิการในการขึ้นบันได (กรณีที่ไม่มีลิฟต์หรือลิฟต์เสีย) สะดวก ปลอดภัย ดูแลเอาใจใส่อย่างดีเลยค่ะ ❤️
ครบแล้วค่ะ~ 11จุดไฮไลท์ของงานไฟประดับ
Tokyo Mega Illumi 2023 บางจุดที่ไม่ใช่จุดไฮไลท์ ทางงานเองก็จัดไฟประดับได้สวยมากเช่นกันค่ะ อย่างเช่นต้นไม้สายรุ้งนี้ ถ้าสภานการณ์ของชิจิตอนนี้ดีนิดหน่อย ก็อยากมานั่งชิว ๆ ตรงจุดนี้อยู่นะคะ
..
...
.....
.......หือ? สถานการณ์ของชิจิคืออะไรงั้นเหรอคะ? อ่าาาา คือ.....
....แบตฯชิจิตอนนี้เหลือ2%ค่ะ ลืมชาร์ตมา 555555 (ในเลข5มีน้ำตาไหลเพียบบบ~)
สำหรับใครที่อยากจะเดินทางมา ชิจิจะแปะวิธีการเดินทางให้ด้านล่างนี้หรือสามารถดูได้จากเว็บไซด์ทางการที่ชิจิแปะไว้ให้ก่อนหน้าได้ค่ะ
เดินทางโดยรถไฟ :
ใช้เวลา 2 นาทีในการเดินจากสถานีOi Keibajo-mae
ใช้เวลา 12 นาทีในการเดินจากสถานีTachiaigawa
เดินทางโดยรถเมล์ :
จากสายJR สถานีShinagawa ให้ออกทางออก Takanawa Exit (west) platform 2 นั่งรถสาย [品93] ใช้เวลาเดินทาง 18 นาที จากนั้นลงป้าย Shinhamakawabashi แบะเดินต่ออีก 5 นาทีถึงที่หมายค่ะ
Keikyu Bus
จากสายJR สถานีOmori ออกทางออก East Exit platform 8 จากนั้นนั่งรถบัสสาย [森22・森30] ลงป้าย Oikeibajoekimae โดยใช้เวลาประมาณ9นาทีในการเดินทาง จากนั้นเดินต่ออีก2นาทีจากป้ายรถเมล์ก็จะถึงงานแสดงค่ะ
**สำหรับรถบัสสายKeikyu จะมีshuttle busบริการให้ฟรีจากสถานีOimachiในวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ค่ะ
ใครสะดวกการเดินทางแบบไหน สามารถเลือกใช้บริการได้เลยนะคะ
รูปสุดท้ายนะฮับบบ วันนี้ท้องฟ้าโปร่ง อากาศดีเหมาะสมแก่การมาเดินเล่น ดูไฟประดับมาก ๆ ดีจริง ๆ ที่ชิจิมาถูกวัน (และมาทันก่อนประตูปิด ฮึ่กก...)
ทุกสถานที่ คู่ควรต่อการมาเยือน...ชิจิหวังว่าบทความยาวเหยียดนี้จะทำให้ทุก ๆ คนมาลองชมไฟประดับชื่อดังในโตเกียวแห่งนี้ดูนะคะ ใครเคยไปมาแล้ว มาเม้าท์มอยกันได้นะคะ
หากมีสถานที่น่าสนใจที่ไหนอีก ชิจิจะนำภาพมาฝากให้ทุก ๆ คนดูอีกนะคะ ตอนนี้ขอตัวไปชาร์ตแบตมือถือก่อน แล้วเจอกันใหม่อีกครั้งนะคะ บ๊ายบายยยยย ? มั๊วะะะะ ?
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in