• 1 •
เวลาพูดถึงคอนเสิร์ต (ต่อไปจะย่อว่า "คอนฯ") คนส่วนมากก็นึกถึงความบันเทิง แต่สำหรับบางคน มันคือการแสวงบุญ เพราะเราอยู่ในประเทศที่ไม่ได้มีวงแบบนี้มาบ่อยๆ ส่วนมากมักจะข้ามไปเล่น ฮ่องกง ไม่ก็ สิงคโปร์
เมื่อ 4 ปีก่อน ประเทศไทยชวดคอนฯของ NIN [nine inch nails] มาหนนึงแล้ว บ้างว่าเรื่องการเมือง บ้างว่า organizer ไม่พร้อมกับ live production ของ NIN ผมเองก็ถอดใจว่าชาตินี้คงจะไม่ได้ดูแล้วมั๊ง
แต่แล้วช่วงต้นๆปี VIJI CORP จับมือกับ สิงห์มิวสิค ตัดสินใจลากความระห่ำแดกกลับมาอีกรอบด้วยการพา nine inch nails มาที่กรุงเทพอีกครั้ง เท่านั้นไม่พอ สิ่งที่เซอร์ไพรซ์ผมคือ venue แม่งอยู่ห่างจากอพาร์ตเมนต์เดิมที่ตัวเองเคยอยู่ไม่ถึง 5 นาทืี เออ ก็อยู่ใกล้นี่นา ไม่น่าจะเป็นปัญหานะ...
...ปัญหาคือผมย้ายออกจากอพาร์ตเมนต์นั้นไปแล้ว บวกกับผมดันสอบราชการติด กลับไปลงหน่วยที่บ้านตัวเองในต่างจังหวัด [กาญจนบุรี]
...เท่านั้นแหละ คอนฯธรรมดาๆ กลายเป็น "ภารกิจแสวงบุญ" ในทันที
• 2 •
ขอสาธยายซักนิดก่อนละกันว่าผมรู้จัก NIN ได้ยังไง ย้อนกลับไปช่วง Blissonic ออกอัลบั้มใหม่ๆ เป็นเวลาเดียวกับที่อัลบั้ม with teeth ออกมา ตรงกับช่วงที่ผมเป็นเด็กวัยรุ่น ม.ปลาย ธรรมดาๆ คนนึงในต่างจังหวัดอย่างราชบุรีที่ชอบฟังเพลงอะไรไม่เหมือนชาวบ้านเขา ผมไปขลุกอยู่กับเว็บบอร์ดของวง [blissonic.com] อยู่พักใหญ่ๆ พี่พีท ตันสกุล [พีท blissonic] เป็นคนแนะนำให้ผมรู้จัก aphex twin พร้อมๆ กับ NIN นี่แหละ ก่อนหน้านั้นผมฟังแต่พวก nu-metal [linkin park / slipknot] กับ coldplay แต่พอรู้ว่า NIN เป็นต้นแบบให้พวกนี้แล้ว ผมก็ติดเพลงของวง NIN ไปเลย หลังจากนั้นก็โหลดบ้างซื้อเพลงของ NIN บ้าง จนแทบจะหันหลังให้พวก nu-metal แล้วไปฟัง electronic / industrial / ambient แทน
ไม่มีอะไรมากนอกจากจะบอกว่า ถ้าไม่รู้จักพี่พีท ก็คงไม่รู้จัก NIN และเผลอๆ ก็ไม่มาหลงไหลดนตรี กับการทำเพลงด้วย
• 3 •
ตัดภาพกลับมาที่ห้วงเวลา 14 ส.ค. 2561
ผมบึ่งรถตู้ + แท็กซี่ + มอไซค์รับจ้างอย่างรวดเร็วมาที่ moonstar studio ในเวลา 20.30 น. ซึ่งผมพลาด opening act ของ Marmosets ไป แต่นั่นก็เป็นอะไรที่ทำใจได้
21.00 น.
Marmosets เก็บ modular synth ตัวเองยัดใส่กระเป๋า ส่วนพวก tech ของ NIN เริ่มออกมาเซ็ตเครื่องของวง ระหว่างนั้น ก็เปิด soundtrack ของ gone girl เป็น soundcheck ไปเรื่อยๆ
ผมตะโกนเรียก Justin McGrath [IG: @just_mcg] ซึ่งเป็น synth tech ของ Alessandro Cortini มือ synth สุดเนิร์ดในไลน์อัพของวงยุคปัจจุุบัน แต่เสียง P.A. กับเสียงผู้คน กลบเสียงที่ผมตะโกนเรียก Justin ภารกิจเกรียนทีมงานของผมก็ล้มเหลวกันไป
ซัก 21.20 น. ทีมงานเริ่มปล่อยม่านควัน ราวกับจะเตรียมวาร์ปไป silent hill
ประมาณ 2-3 นาที ก่อน 21.30 น. เสียง pulse synth จากเพลง somewhat damaged ดังขึ้น ผมนึกในใจ ไอ้ที่ห้ามไม่ให้ mosh pit นี่จะห้ามกันอยู่ไหมวะคืนนี้?
...ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ หลังยุค fragility tour [ปี 1999-2000] มา ถ้าวันไหนเปิดด้วย somewhat damaged แสดงว่าวันนั้นเป็น "assault playlist" นั่นหมายถึงวันนั้นใส่ไม่ยั้งแน่นอน
ก่อนหน้านี้ มีบทความเรื่องเตรียมตัวไปดูคอนฯ NIN ให้สนุก มีข้อนึงบอกว่า "ให้ร้องเพลงตาม" ผมนึกในใจ หวานกู กูร้องได้เกือบทุกเพลง
- ACT I -
• SOMEWHAT DAMAGED •
"so impressed with all you do, tried so hard to be like you, flew too high and burnt the wing, lost my faith in everything"
เฮีย Trent Reznor เดินฝ่าทะลุหมอก จับขาไมค์ เหมือนนักฆ่าผู้ช่ำชองทุกสนามรบจับปืน เปล่งสุรเสียงดุจพระเจ้าแห่งดนตรี post-industrial (ที่ตัวเฮียเองไม่อยากให้งานของตัวเองโดนเรียกว่าเป็นงานแบบ industrial) ตามด้วยเสียงกระหน่ำกลองทอมของ Ilan Rubin
หมดท่อน "...this machine is obsolete" สมาชิกที่เหลือของวงก็ร่วมกันกระหน่ำจังหวะระห่ำ ไฟบนเวทีกระพริบอย่างบ้าคลั่ง รู้ตัวอีกทีผมยืนแหกปากไปตามเฮีย Trent แล้วยันท่อนสุดท้าย
..."so where the fuck were you?"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in