เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
STRUGGLEoverreachpeach.
โดนให้ออกจากงาน | OFF
  • ฉันเริ่มงานกลางเดือนเมษา การเริ่มงานหลังจากที่ว่างงานมาเกือบปี งานนี้เรียกว่าเป็นความหวังสุดท้ายที่ทำให้ฉันมีชีวิตต่อไปได้ การเริ่มงานยากลำบากในตอนแรก เนื่องจากฉันไม่มีเงิน ไม่มีที่พัก ไม่มีเพื่อน ไม่มีอะไรเลย การสนับสนุนจากทางบ้านก็แทบไม่มี ทางบ้านคาดหวังให้ฉันรับราชการ โดยให้เหตุผลว่า ฉันเรียนจบสูง ได้เกียรตินิยม ทำไมถึงไปเป็นลูกจ้างเขา ฉันควรจะหางานทำที่มั่นคง มีสวัสดิการที่ดี และมีเพื่อนร่วมงาน ฉันคิดแล้วคิดอีกว่าจะตอบโต้กลับไปยังไง ในเมื่อสิ่งที่เขาพูดมันก็ไม่ได้ผิดไปซะทั้งหมด การย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพใช้เงินมหาศาล การมีเงินเดือนสามหมื่นยังแทบว่าเดือนชนเดือน จะไปพออะไร ถ้าฉันกลับบ้าน เงินเท่านี้อยู่สุขสบายไปนานแล้ว


    การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต (จริง ๆ มันก็เปลี่ยนมาค่อนข้างเยอะ) ฉันต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด (เหรอ) แต่ก็อย่างว่า โรคที่ฉันเป็นมันถ่วงชีวิตมาก ๆ ฉันต้องตื่นไปทำงานให้ทันแปดโมงครึ่ง ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงสิบนาที แต่สิ่งที่ยากคือการตื่นนอน ฉัน snooz นาฬิกาปลุกไปมากกว่า 5 ครั้งเพื่อที่จะลุกไปอาบน้ำ ความเหนื่อยล้าที่สะสมจากวันที่เริ่มทำงาน จนทำงานไปได้ซักระยะ ทำให้ฉันอิ่มตัวเกินกว่าที่จะทำอะไรได้อีก ยิ่งไปกว่านั้น งานที่ทำก็บั่นทอนจิตใจมาก การรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้า การโดนลูกค้าด่า การโดนหัวหน้าดุ ไม่ใช่สิ่งที่คน ๆ หนึ่งจะรับได้ซักเท่าไหร่ ถึงมันจะเป็นความผิดของฉันตรง ๆ ก็ตาม ฉันพยายามปรับปรุงตัว แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม่ยิ่งทำเหมือนยิ่งพัง



    มีคนบอกว่าถ้าเราไม่ยอมแพ้ เกมก็ยังไม่จบ ฉันไม่เข้าใจเลยซักนิด ฉันยอมแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนวนกลับไปที่การถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่าฉันยังพยายามไม่พออีกเหรอ ต้องพยายามขนาดไหนเกมโง่ ๆ นี้มันจะจบ หรือฉันควรจบชีวิตตัวเองมากกว่า การวนลูปของความเศร้าถ่าโถมเข้าเข้ามาเป็นระลอก ความแรงก็สลับกันไป ฉันพยายาม manage สิ่งเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด แต่ถามว่า manage ยังไง ฉันก็ตอบแบบเป็นหลักการไม่ได้ ทุกอย่างมันมั่วไปหมด



    ส่วนเรื่องการหาหมอ ฉันยังคงไปหาหมอทุกเดือน เดือนละสองสามครั้ง วันไหนทำร้ายตัวเองก็จะไปอีอาเพื่อให้หมอจ่ายแวเลี่ยมและให้พยาบาลทำแผล ฉันทำตัวเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต เมื่อมองย้อนกลับไป ถ้าทุกอย่างไม่ได้เริ่มต้นจากความตาย คงไม่เกิดเรื่องแย่ขนาดนี้ ฉันทำอะไรได้บ้างนอกจากทนไปทำงาน รอเงินเดือนออก ทักไปถามเพื่อนเพื่อขอยืมเงิน โทรไปหาญาติเพื่อขอค่ายา ญาติบอกว่าฉันอกตัญญู ไม่สำนึกในบุญคุณที่เขาให้มาตลอดทั้งชีวิต บ้านฉันอยู่ได้เพราะเงินของพวกเขา ข้าวสาร ค่าน้ำ ค่าไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ล้วนมาจากญาติทั้งสิ้น ครอบครัวฉันจนขนาดนั้นเลยเหรอ จะตอบว่าใช่ก็ไม่เชิง แต่การใช้เงินเกินตัว มีหนี้สิ้นจากการกู้เงินมาสร้างบ้าน ผ่อนรถ ค่านู่นค่านี้ รวมกันก็หลายล้านบาท เงินบำนาญของยายไม่ถึงหมื่นในแต่ละเดือนจะไปพออะไร ฉันลองนึกไปตอนที่ฉันอยู่มหาวิทยาลัย ที่บ้านส่งเงินมาให้จ่ายเป็นค่าหอเดือนละสองพันห้า ค่ากินอยู่เดือนละสองสามพัน ฉันใช้ชีวิตรอดมาได้ยังไง แต่พอฉันไปรู้มา เงินทุกบาททุกสตางค์ที่บ้านฉันโอนเข้าบัญชี ก็มาจากการกู้หนี้ยืมสินคนอื่นมาอีกนั่นแหละ
     


    ฉันจำได้แม่น ตอนฉันยังเด็ก ตาพาฉันเดินไปกินข้าวหน้าปากซอย เมื่อคนขายมาถามเมนูที่อยากสั่ง ตาให้ฉันสั่งก่อนเสมอ เมนูที่ฉันชอบคือข้าวผัด แต่ตาแทบจะไม่สั่งอะไรเลย หรือขอจานมาแบ่งไปกินเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกโมเม้นหนึ่งคือการเดินไปกินก๋วยเตี๋ยวริมสระแถวบ้าน จำได้ว่าชามละสิบห้าหรือยี่สิบบาท แต่ตาฉันไม่เคยสั่งเลย โดนบอกว่ากินไปเถอะ ตายังไม่หิว พอมานึกได้ตอนโต ตาคงอยากเก็บเงินไว้ให้ได้จำนวนหนึ่งเพื่อเอามาใช้ดูแลฉันและน้องด้วยความรักและเป็นห่วง



    สุดท้ายฉันก็ทำให้ตาผิดหวัง



    ตาคงผิดหวังในตัวฉันมากแน่ ๆ ที่พอฉันโตขึ้น ฉันก็ยังดูแลตัวเองไม่ได้ หวังอะไรจะให้ฉันไปช่วยดูแลคนอื่น นี่ไง ฉันทำงาน ฉันได้เงิน แต่ชีวิตก็เล่นตลกกับฉันบ่อยเกินไปนะ การโดนให้ออกจากงานกลางคันแบบนี้ ฉันร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตาย ทำไมชีวิตต้องมาพังอีกแล้ว อีกแล้ว และอีกแล้ว ฉันทำผิดหลายครั้งจนที่ทำงานเอือม เพื่อนหรือพี่ที่ร่วมงานนินทาฉันไม่หยุดหย่อน เขาคงคิดว่าฉันไม่ใส่ใจ ฉันคงไม่ได้ยิน แต่ทุกครั้งที่ฉันได้ยิน ฉันมักจะถามตัวเองเสมอว่า ฉันทำผิดมากใช่ไหม หรือทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน ใช่ ทั้งหมดคือความผิดของฉันและทำให้ฉันไม่มีความสุขเลยซักนิด พี่นักจิตบำบัดพยายามบอกฉันว่าทุกคนก็ทำผิดกันได้ทั้งนั้น แต่ฉันมองไม่เห็นเท่านั้นเอง ฉันโฟกัสแต่ตัวเอง คิดว่าตัวเองมีปัญหาอยู่คนเดียวโดยที่ฉันไม่เคยคิดจะถามสารทุกข์สุขดิบของคนข้าง ๆ เลยแม้แต่น้อย ความผิดเหมือนชนักติดหลัง หันไปทางไหนทุกคนก็มองฉันเหมือนอิโง่ในที่ทำงาน เทียบกับพี่ที่มาทำงานทีหลัง เขาทำงานดีกว่าฉันเท่าตัว หัวหน้าชมไม่หยุดหย่อน ฉันเลยมีสภาพอิดโรยและไม่มีกำลังใจในการทำงาน สุดท้ายฉันก็โดนให้ออก



    ตอนนี้ฉันกำลังหางานใหม่ หว่านไปทุกที่ที่คิดว่าเขาจะรับ ฉันได้สัมภาษณ์กับบริษัทใหญ่อยู่ 2-3 บริษัท แต่ก็ตามเคย ฉันไม่ผ่านอยู่ดี ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าฉันทำพลาดตรงไหน การสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษหนึ่งชั่วโมงเต็ม ฉันพยายามอธิบายทุกสิ่งทุกอย่าง ประสบการณ์ที่มี เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในองค์กรที่เคยทำมา การจัดการกับปัญหา หรือแม้กระทั่ง attitude ที่ใช้ในการเข้าสังคม ฉันเสียใจมากเมื่อรู้ว่าฉันสัมภาษณ์ไม่ผ่าน แต่ยังไง ฉันก็ยังมีงานอื่น ๆ ให้สมัครอยู่ ประเด็นไม่ใช่ตรงนี้ มันติดตรงที่ระหว่างที่กำลังหางาน ฉันจะเอาเงินจากไหนมาประทังชีวิตให้ผ่านไปได้ในแต่ละวัน ญาติที่ฉันเคยไปอยู่ด้วยการปฏิเสธไม่ให้ฉันเข้าไปเหยียบบ้านหลังนั้นอีก กลายเป็นว่าฉันที่อายุใกล้สามสิบ ยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง เกาะคนนั้นที คนนี้ทีเป็นปลิงที่ใคร ๆ ก็รังเกียจ ฉันขยะแขยงตัวเองเต็มทน


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in