รีวิวเว้ย (823) "ขยันในวันนี้สบายในวันหน้า ขี้เกียจในวันนี้สบายวันนี้เลย" คำพูดติดตลกที่หลาย ๆ คนมักได้ยินอยู่บ่อย ๆ ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วมันอาจจะไม่ได้ตลกจริง อย่างที่ทุกคนเข้าใจ เพราะในประเทศบางประเทศต่อให้เรา "ขยันจนตาย" ก็อาจจะไม่ได้สบายในวันหน้า แต่อาจจะตายเพราะความขยันที่ต้องทำงานจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิตเลยก็ได้ เอาเข้าจริงการออกแบบระบบสวัสดิการที่ดีก็อาจจะเป็นตัวช่วยหนึ่งที่จะทำให้คนเราเมื่อถึงเวลาขี้เกียจก็จะสามารถขี้เกียจได้ในบางสังคม แต่ในเมื่อสังคมไม่อนุญาตให้เราขี้เกียจ และในหลาย ๆ ครั้งการขยันทำงานก็ไม่ได้ช่วยให้เราสบายในอนาคต เราจะต้องทำตัวอย่างไรเพื่อที่จะรักษาชีวิตให้รอดได้ในสังคมบางแห่ง หรือเราอาจจะต้องขยันสลับกับการขี้เกียจไปจนกว่าเราจะหาทางให้ตัวเองได้ขี้เกียจไปตลอดกาล ที่ไม่ใช่การนอนขี้เกียจแบบเหยียดยาวอยู่ในโลงอะนะ หรือเราควรหาทางไปเป็นรองนายกฯ ของประเทศหนึ่งที่วัน ๆ ก็ดูจะขี้เกียจรับรู้เรื่องต่าง ๆ ในประเทศ เพราะไม่ว่าใครถามอะไรแกก็ดูจะไม่รู้สี่รู้แปดเอาแต่ตอบว่า "มะรู้ ม่ะรู ไม่รู้ ผมจะไปรู้ได้ยังไง" คนแบบนี้ควรไปนอนเหยียดยาวอยู่ที่ไหนสักแห่งนะเอาจริง
หนังสือ : ขี้เกียจอย่างสร้างสรรค์ขยันแบบมีทิศทาง
โดย : ญาณวุฒิ จรรยหาญ (พี่เอ็ด 7 วิ)
จำนวน : 128 หน้า
ราคา : 220 บาท
"ขี้เกียจอย่างสร้างสรรค์ขยันแบบมีทิศทาง" เราไม่แน่ใจว่าหนังสือเล่มนี้จะเรียกมันว่า "คู่มือของคนขี้เกียจ" ได้หรือไม่ เพราะเอาเข้าจริงพอลองอ่านหนังสือเล่มนี้จนจบก็พบว่ามันเป็นหนังสือที่บอกกับเราว่าวันนี้เราจะทำตัวยังไงเพื่อให้วันพรุ่งนี้เราได้ขี้เกียจ และเป็นการขี้เกียจในแบบที่ยังมีเงินหล่อเลี้ยงชีวิตของเราได้บ้าง อันเกิดจากดอกผลของการทำงานในวันที่ผ่าน ๆ มา ซึ่งก็แน่นอนว่าเนื้อหาของ "ขี้เกียจอย่างสร้างสรรค์ขยันแบบมีทิศทาง" จะไปเข้ากับข้อความขำ ๆ ที่เรายกมาในท่อนแรก (ขยันในวันนี้สบายในวันหน้า ขี้เกียจในวันนี้สบายวันนี้เลย)
"ขี้เกียจอย่างสร้างสรรค์ขยันแบบมีทิศทาง" บอกเล่าเรื่องราวและวิธีการของ "พี่เอ็ด 7 วิ" นักสร้างคอนเทนต์ในตำนาน ผ่านการแร็ปขายสินค้าและบริการในแบบที่เราคาดไม่ถึงว่าการแต่งแร็ปให้ขายสินค้า และขายขำ หรือบางครั้งก็ขายสาระไปพร้อม ๆ กันด้วยมันทำได้ และทำออกมาได้สนุกด้วย ซึ่งการทำงานของพี่เอ็ดที่บอกเล่าเอาไว้ใน "ขี้เกียจอย่างสร้างสรรค์ขยันแบบมีทิศทาง" คือเทคนิคการทำงานแบบ "คนขี้เกียจ" ที่ต้องแบ่งเวลาขี้เกียจมาทำตัวให้เหมือนขยัน เพื่อจะได้รีบ ๆ ทำงานแล้วเอาเวลาไปขี้เกียจต่อ
แน่นอนว่าเนื้อหาใน "ขี้เกียจอย่างสร้างสรรค์ขยันแบบมีทิศทาง" มันอาจจะไม่ใช้สูตรสำเร็จสำหรับทุกคน โดยเฉพาะคนที่อยากจะโดดเข้ามาในพื้นที่ของการสร้างคอนเทต์ออนไลน์ในวันที่พื้นที่ของมันกลายเป็นมหาสุมทรสีเลือด (Red Ocean) อย่างในทุกวันนี้ หากแต่ถ้าใครอ่านแล้วคิดว่า "กูทำได้" ก็ลองทำดู หรือถ้าใครอ่านแล้วอยากจะลองเอาวิธีขี้เกียจไปลองปรับใช้กับงานที่ทำอยู่ เพื่อหาทางลดขั้นตอนของการทำงานที่กำลังทำจะได้เหลือเวลาไปทำตัวขี้เกียจก็น่าจะเอาแนวทางของ "ขี้เกียจอย่างสร้างสรรค์ขยันแบบมีทิศทาง" ไปลองปรับใช้ดูก็น่าจะได้
* หมายเหตุ: ข้อความในคำนำผู้เขียน เขียนเอาไว้ว่า "อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วก็อย่าเชื่อไปหมด คิดตามดูก่อน ผมเขียนจากประสบการณ์ ถ้าอันไหนมันไม่ถูกก็โต้แย้งได้" ข้อความต่อจากนี้คือการโต้แย่งเนื้อหาในบางส่วนเรื่องของ "ฉลาม กับ ฮิปโป"
ตอนหนึ่งในหนังสือพูดถึงเรื่องของ "การสร้างแบรนดิ้ง" ที่เนื้อหาบอกประมาณว่า "ถ้าแบรนดิ้งชัดก็แทบไม่ต้องพูดอะไรกันเยอะ และในหนังสือก็ยกตัวอย่างประกอบในหน้า 19 ที่พูดเรื่องของ "ฉลาม กับ ฮิปโป" ว่าจากแบรนดิ้งของสัตว์ 2 ชนิด ชนิดไหนน่าจะ "ฆ่าคนไปมากกว่ากัน"
คนอื่นอ่านมาถึงตรงนี้อาจจะไม่คิดอะไร เพราะแบรนดิ้งของสัตว์ 2 ชนิดอาจจะปรากฎชัดเจนผ่านภาพลักษณ์ภายนอกของสัตว์ทั้ง 2 ชนิด แต่เราในฐานะของคนที่ "ชอบสัตว์" และทำตัวเยี่ยงสัตว์อยู่บ่อย ๆ มีข้อมูลชุดหนึ่งที่จะอ่านเจอในแต่ละปี ถึงจำนวนคนที่ถูกฮิปโปฆ่าตาย ซึ่งมีจำนานมากกว่าการโดนฉลามฆ่าเสียอีก และข้อความภาษาอังกฤษด้านล่างตัดมาจากบางส่วนของ BBC และ USA TODAY
"Ungainly as it is, the hippopotamus is the world's deadliest large land mammal, killing an estimated 500 people per year in Africa. Hippos are aggressive creatures, and they have very sharp teeth." (BBC)
"In what's called "an unusually deadly year," sharks killed 10 people around the world in unprovoked attacks in 2020, the highest number since 2013, according to a report released Monday by the International Shark Attack File." (USA TODAY)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in