รีวิวเว้ย (693) เมื่อตัวเลขอายุขยับไปข้างหน้ามากขึ้นจากการใช้ขวบ มาสู่การใช้เลขอายุแบบปกติ และในวันที่ตัวเลขขยับเข้าใกล้เลข 3 เราคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหนึ่งในเรื่องสำคัญที่เราต้องเริ่มคิดถึงก็คือเรื่องของการสร้าง "ครอบครัว" ที่นิยามของความเป็นครอบครัวนั้นก็ล้วนแตกต่างกันไปแล้วแต่ใครจะนิยาม จะเป็นครอบครัวในแบบของคตินิยมของสังคม หรือจะเป็นครอบครัวในแบบที่เราประกอบและสร้างนิยามของมันขึ้นมาเองในแบบของเราก็ตามแต่มันก็ขึ้นอยู่กับการนิยามและการกำหนดนามของแต่ละบุคคล หากกลับมาพูดถึงครอบครัวที่ต้องประกอบไปด้วย พ่อ แม่และลูก ในสังคมปัจจุบัน การเลี้ยงลูกหรือการดูแลลูกให้เติบโตขึ้นมาในสังคมหนึ่ง ๆ โดยเฉพาะสังคมไทย มันคงกลายเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับใครหลาย ๆ คนที่อยากมีลูก และด้วยปัญหาของสังคมและปัญหาเรื่องอื่น ๆ ก็ดี ต่างก็สร้างปัญหาและข้อกังวลของใครหลาย ๆ คนต่อการมีลูก นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่ใหญ่ที่สุดอย่างการ "เลี้ยงดู" ให้ลูกได้ใช้ชีวิตและเติบโตขึ้นมาในสังคมนี้ได้ แน่นอนว่าในสมัยที่เราเองเป็นเด็ก ๆ เราก็ไม่ถูกจริตกับวิธีเลี้ยงลูกของพ่อ-แม่ ญาติผู้ใหญ่ของเรามากมายนัก หงายครั้งมันมากมายเสียจนเราต้องบอกตัวเองว่า ในวันข้างหน้าเราจะไม่ทำแบบนี้กับลูก ซึ่งก็ได้แต่หวังใจว่าในวันหนึ่งข้างหน้าที่เรากลายไปเป็นพ่อ-แม่ ของใครสักคน เราจะไม่ทำในสิ่งที่เราเคยถูกกระทำกับลูกของเรา เราคงได้แต่หวังใจและภาวนาว่าต่อไป "จบอย่าเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ในแบบที่เราเคยเกลีย"
หนังสือ : โปรดจงโอบกอดมนุษย์ลูก
โดย : วีรพร นิติประภา
จำนวน : 176 หน้า
ราคา : 240 บาท
"โปรดจงโอบกอดมนุษย์ลูก" หนังสือที่ว่าด้วยเรื่องของการบอกเล่าเรื่องราวของการเลี้ยงลูกของมนุษย์แม่ที่ cool ที่สุดในประเทศนี้ ณ เวลานี้ เพราะคำสอนหรือข้อคิดเห็นต่าง ๆ ในหนังสือ "โปรดจงโอบกอดมนุษย์ลูก" มันคือการตบหัวเราแรง ๆ ว่า จงปฏิบัติต่อลูกในฐานะของมนุษย์คนหนึ่ง ที่มีทั้งศักดิ์ศรี และสิทธิ์ที่เท่าเทียมกับเราในทุกประการ การใช้อำนาจในนามของ "ความรัก" เพื่อสร้างความชอบธรรมผ่านการใช้ความรุนแรง ในแง่ของการอบรมสั่งสอน ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจำเป็นที่จะต้องสอนลูกเราบนฐานของเหตุและผล รวมถึงบนฐานของความเป็นคนอย่างเท่าเทียม
เนื้อหาของ "โปรดจงโอบกอดมนุษย์ลูก" บอกเล่าข้อคิดเห็นต่าง ๆ ในเรื่องของการเลี้ยงลูก และการดูแลลูกในเขาเติบโตขึ้นมาในสังคมที่ยากลำบากและโหดร้ายแห่งนี้ได้ด้วยตัวเขาเอง โดยที่มีพ่อ-แม่ คอยทำหน้าที่ในฐานะของผู้ดูแล และพี่เลี้ยงที่พูดคุยกับเขาในภาษาเดียวกัน และมองว่าเขามีสิทธิ์เท่าเทียมกันกับพ่อแม่
นอกจากนั้น "โปรดจงโอบกอดมนุษย์ลูก" ยังช่วยให้เราเห็นภาพของปัญหาบางประการของสังคมนี้ที่มันกำลังดำเนินไป โดยเฉพาะเรื่องของปัญหาต่างวัย ที่หลายครั้งปัญหามันใหญ่และบานปลายมากยิ่งขึ้น เพียงเพราะสถานะของคำว่าพ่อ-แม่ มันค้ำคออยู่จนทำให้หลายครั้งการรับฟังและการยอมรับอย่างเอาใจเขามาใส่ใจเรามันไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย ทั้งที่จริง ๆ แล้วครอบครัวแบบพ่อ แม่ ลูก หลายครั้งมันจำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจ เอาใจใส่ และเอาอกเอาใจระหว่างกันให้มา ซึ่ง "โปรดจงโอบกอดมนุษย์ลูก" เหมือนกำลังทำหน้าที่ย้ำเตือนและตบหน้าหลายคนแรง ๆ ว่าการเลี้ยงลูกที่จำเป็นที่สุดหน้าที่ของพ่อและแม่คือ "โปรดจงโอบกอดมนุษย์ลูก" และทำให้เขารับรู้ว่าเขาคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพ่อและแม่อย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in