รีวิวเว้ย (383) "เมืองสมัยใหม่" อาจจะเรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ได้สัก 3 พันปีมาแล้วน่าจะได้ นับตั้งแต่การสร้างเมืองอเล็กซานเดรียของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์เมื่อ 340 กว่าปีก่อนคริสตกาล นับแต่นั้นเป็นต้นมาเมืองและปฏิสัมพันธ์ของสิ่งต่าง ๆ ที่มีคสามเกี่ยวข้องกับเมืองล้วนเกิดขึ้นอย่างไม่มีหยุดหย่อน เมืองสมัยใหม่และคสามเป็นเมืองขยายตัวออกไปแทบทุกหย่อมหญ้า และด้วยการขยายตัวเร็วไว้คล้ายหญ้าคาได้น้ำฝน ทำให้เมืองต่าง ๆ เผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการขยายตัวของเมืองด้วยเช่นกัน อย่างเช่นโรคละบาดในครั้งอดีตที่ฆ่าชีวิตของผู้คนไปไม่รู้กี่มากน้อย ส่วนใหญ่โรคเหล่านี้แพร่กระจายและขยายตัวจากพื้นที่ของเมืองที่มีคนอยู่รวมกันอย่างหนาแน่น หรือแม้กระทั่งปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการขยายตัวของเมืองอันเป็นผลมาจากการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและภาคเศรษฐกิจ ก็ล้วนแต่นำผลร้ายมาส่งมอบให้กัลผู้คนและสิ่งมีชีวิตแทบทั้งนั้น กระทั่งในปัจจุบันเมืองใหญ่หลายเมืองทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาเรื่องของฝุ่นควัน (P.M.10/2.5) ที่กลายมาเป็นปัญหาสำคัญของเมืองหลาย ๆ เมืองทั่วทั้งโลก
หนังสือ : The Other Cities: เมืองน่าอยู่ที่รู้สึก
โดย : Little Thoughts
จำนวน : 160 หน้า
ราคา : 295 บาท
นอกจากนี้ปัญหาของเมืองไม่ได้มีแค่เรื่องของสภาวะแวดล้อมและสุขลักษณะแต่เพียงเท่านั้น หากแต่เมืองที่ได้รับการทำให้ขยายตัวโดยปราศจากการวางแผนรับมือที่ดี ก็มักส่งผลให้เกิดปัญหาสำคัญ ๆ ต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกันตามมาอย่างไม่หยุดหย่อน อย่างปัญหาของราคาที่ดินถีบตัวสูงขึ้นส่งผลให้ย่านชุมชนในเขตพื้นที่เศรษฐกิจเป็นที่หมายปองของกลุ่มทุน หลายครั้งเกิดการบีบบังคับซื้อที่หรือบีบบังคับให้เจ้าของที่เดิมจำเป็นต้องออกจากพื้นที่ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าการขยายตัวของเมือง หลายครั้งมันก็เป็นการทำลายวัฒนธรรมชุมชน วิถีของชุมชนและรวมไปถึงวิธีชีวิตของผู้คนด้วยเช่นกัน
"The Other Cities: เมืองน่าอยู่ที่รู้สึก" เป็นหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องของเมืองหลายแห่งทั่วโลก ที่ถูกถ่ายทอดผ่านมุมมองของคำว่า "น่าอยู่" หากแต่นิยามของคำว่าน่าอยู่นั้นแตกต่างกันออกไปในแต่ละเมือง ทั้งเมืองที่น่าอยู่เพราะสร้างวิธีชุมชนที่เข้มแข็งและยังคงรักษาอัตลักษ์และวัฒนธรรมของชุมชนเอาไว้ได้เป็นอย่างดี หรือจะเป็นเมืองที่น่าอยู่เพราะเป็นเมืองที่เคยมีปัญหาจากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจมาก่อนกระทั่งส่งผลให้เมืองเสื่อมโทรมลงจากการขาดการเอาใจใส่และการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจจนลืมคิดถึงผลกระทบที่จะตามมา จนกระทั่งเมืองนั้นได้รับการแก้ไขปัญหาและพัฒนามาสู่ความน่าอยู่ที่รู้สึกได้ของเมืองแห่งนั้น หรือแม้กระทั่งเมืองที่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเชื่อมโยงวิถีของเมืองและวิถีของผู้คนให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวกัน มีจังหวะการก้าวและการขยับเขยื่อนไปได้พร้อม ๆ กันทั้งจังหวะของคนและจังหวะของเมือง
นอกจากนี้ "The Other Cities: เมืองน่าอยู่ที่รู้สึก" ยังถ่ายทอดให้เราเห็นว่าเมืองแต่ละเมืองนั้น จะมีบริบทของเมืองที่แตกต่างออกไปตามบริบทและจังหวะชีวิตของผู้อยู่อาศัย อาจจะเรียกได้ว่าชีวิตของเมืองผูกโยงอยู่กัลชีวิตของคนในเมือง และเมื่อเป็นเช่นนั้นหากเราอยากให้เมืองของเราเป็นเช่นไร เราก็ควรจะดำเนินชีวิตไปในแนวทางที่เราอยสกให้เมืองเป็น แต่แน่นอนว่าการที่คนเพียงคนเดียวหรือคนไม่กี่ร้อยคนจะเปลี่ยนจังหวะชีวิตของเมืองด้วยการเปลี่ยนจังหวะชีวิตของตัวเองนั้นอาจจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเมืองเป็นสถานที่ที่บรรจุผู้คนเอาไว้หลายล้านคน หลายล้านแบบ เมื่อเป็นเช่นนี้การจะเปลี่ยนวิถีชีวิตของเมืองจึงจำเป็นที่คนแทบทุกคนในเมืองต้องร่วมมือร่วมใจกันในการเปลี่ยนวิถีชีวิตของตน เพื่อเปลี่ยนวิถีชีวิตของเมืองให้เป็นไปในแบบที่เราต้องการ
เมื่อทำได้เช่นนั้น ไม่นานนักเมืองที่เราอยู่ก็อาจจะเป็นเมือง "น่าอยู่" ที่ "เรารู้สึก" ก็เป็นได้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in