รีวิวเว้ย (311) ตั้งแต่กระแสการวิ่งถูกจุดติดขึ้นมาในประเทศไทย หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ มีหนังสือ บทความ บทสัมภาษณ์ สารคดี ฯลฯ ที่เกี่ยวกับเรื่องของการวิ่งผุดขึ้นมาเหมือนเห็ดป่าในช่วงต้นฝน หลายครั้งเมื่อเรานั่งลงและไล่สายตาตามบทความและสารคดีต่าง ๆ เรามักจะเห็นชื่อของ "คามิน คมนีย์" อยู่หลายช่วงตอนในหลายแห่งที่ ที่เกี่ยวข้องกับการวิ่ง โดยเฉพาะชื่อของคามิน คมนีย์ มักมาพร้อมกับชื่อของ "เย็นวันเสาร์ - เช้าวันอาทิตย์" ที่มักจะถูกกล่าวถึงเสมอว่าเป็นหนังสือที่เป็นบันดาลใจให้กับนักวิ่งหลายคน ให้เริ่มต้นจากลูกเจี๊ยบกระทั่งกลายเป็นผู้พิชิตมาราธอนมาแล้วไม่รู้กี่สนาม
หนังสือ : เย็นวันเสาร์ - เช้าวันอาทิตย์
โดย : คามิน คมนีย์
จำนวน : 232 หน้า
ราคา : 170 บาท
คงต้องยอมรับว่าช่วงหนึ่งกระแสการวิ่งมาแรงมากถึงมากที่สุด ยิ่งกับเพื่อนหลายคนที่เราไม่เคยเชื่อว่ามันจะวิ่งได้ มันก็ค่อย ๆ กลายมาเป็นนักวิ่ง เอาจริงเอาจังกับการวิ่ง ตื่นตี 3 ตี 4 เพื่อออกไปวิ่ง และด้วยกระแสวิ่งที่มาแรงขนาดนี้ เราเองก็เคยสมัครวิ่งรายการหนึ่งเหมือนกัน กระทั่งวันที่จะต้องวิ่งมาถึง ความรู้สึกที่ว่า "ทำไมกูต้องลุกออกไปวิ่งวะ" (?) ได้เข้ามาถามหา และก็พากันนอนต่ออย่างไม่ใยดีเงินที่จ่ายเป็นค่าลงทะเบียนไปซะอย่างงั้น
หลังจากความพยายามในการวิ่งครั้งแรกล้มเหลว เราพยายามที่จะหาคำตอบของคำถามว่า "คนเราจะวิ่งไปเพื่ออะไรกัน" (?) และนั่นทำให้เรามีโอกาสได้อ่านหนังสือหลายเล่มที่เกี่ยวกับและพูดถึงเรื่องราวของการออกวิ่ง อย่าง "เย็นวันเสาร์ - เช้าวันอาทิตย์" ก็เป็นหนึ่งในหนังสือที่เราใช้เพื่อหาคำตอบของคำถามที่ติดค้างอยู่ในหัว
"เย็นวันเสาร์ - เช้าวันอาทิตย์" ว่าด้วยเรื่องราวของมนุษย์ธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่วันดีคืนร้านตัดสินใจลุกมาวิ่งมาราธอนในรายการกรุงเทพฯ มาราธอนแบบงง ๆ (เพราะมีคำถามและปัญหาบางอย่างที่ตามติดเขามาชั่วระยะเวลาหนึ่ง) โดยไม่มีการซ้อม ไม่มีการวอมหรือเตรียมตัวแต่ประการใด ซึ่งท้ายที่สุดเขาดันเข้าเส้นชัยของรายการวิ่งดังกล่าวแบบงง ๆ และรายการดังกล่าวนี้เอง ที่ทำให้เขาเอาจริงเอาจังกับการวิ่ง ถึงขั้นตัดสินใจลาออกจากงาน และมุ่งเข้าสู่วิถีทางของคนเย็นวันเสาร์ - เช้าวันอาทิตย์
เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้ผ่านไปทีละหน้า ทีละหน้า สิ่งหนึ่งที่เราพบก็คือ แรงบันดาลใจของการลงมือทำอะไรสักอย่างด้วยความจริงจัง โดยที่เราตั้งคำถามกับมัน แต่ก็ไม่ได้ตั้งกฎเกณฑ์อะไรกับมันมากมายนัก หากถามว่าทำไมนักวิ่งหลายคนถึงลุกขึ้นมาเป็นนัก (ออก) วิ่งหลังจากการอ่านหนังสือเล่มนี้ สิ่งที่ตอบได้อย่างหนึ่งคงเป็นเพราะความจริงจังของตัวผู้เขียน ที่แสดงให้เห็นว่าถ้าคุณจริงจังกับอะไรสักอย่าง อยู่กับมัน ทุ่มเทให้มัน ในท้ายที่สุดคุณก็จะค่อย ๆ ทำมันได้ดี และมันจะค่อย ๆ ดีขึ้นไปอีก เมื่อคุณค่อย ๆ ทำจนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตทุก ๆ วัน
หากถามว่าอ่าน "เย็นวันเสาร์ - เช้าวันอาทิตย์" จบแล้ว ความรู้สึกอย่างเป็นนักวิ่งหรืออยากออกไปวิ่งมาราธอนสำหรับเรามันเยอะขึ้นรึเปล่า (?) คำตอบของคำถามคงเป็นคำว่า "ไม่" แต่สิ่งหนึ่งที่ได้จาก "เย็นวันเสาร์ - เช้าวันอาทิตย์" คือแรงบันดาลใจในเรื่องของ "การเอาจริงเอาจังและความพยายาม" เหมือนที่บอกไปในย่อหน้าก่อนนี้ว่า ..... "ถ้าคุณจริงจังกับอะไรสักอย่าง อยู่กับมัน ทุ่มเทให้มัน ในท้ายที่สุดคุณก็จะค่อย ๆ ทำมันได้ดี และมันจะค่อย ๆ ดีขึ้นไปอีก เมื่อคุณค่อย ๆ ทำจนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตทุก ๆ วัน" .....
ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่าเมื่ออ่าน "เย็นวันเสาร์ - เช้าวันอาทิตย์" จบลง คุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักวิ่ง แต่คุณจะได้แง่คิดในเรื่องของความเป็น "นักพยายาม"
เหมือนครั้งหนึ่งที่เรามีโอกาสได้เรียนการเขียนกับ พี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง ประโยคหนึ่งในการเรียนครั้งนั้นของพี่จุ้ยที่เรายังจดจำได้ตลอดมา คือ "ไม่ว่าเราจะต้องการทำอะไรก็แล้วแต่ เพียงแต่เป็นนักอยากคงยังไม่พอ แต่ต้องกล้าที่จะเป็นนักลงมือด้วย" และหนังสือ "เย็นวันเสาร์ - เช้าวันอาทิตย์" ก็ทำหน้าที่เป็นส่วนขยายความของการเป็น "นักลงมือ (เท้า)" ได้เป็นอย่างดี
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in