13ReasonsWHY
ดูจากชื่อเรื่องแล้วอาจไม่สื่อถึงอะไร และแน่นอนเราก็ไม่รู้มันคืออะไร เมื่อเพจหนึ่งซึ่งเราติดตามอยู่ว่า Watchman ซึ่งเป็นเพจสำหรับชาวดูซีรี่ย์หยิบยกมาพูดถึงจริงๆ เค้าพูดถึงอยุ่หลายเรื่อง เราก็เปิดดูตามที่เค้ารีวิวมาหลายเรื่องบางเรื่องก็ดูจบ บางเรื่องก็ดูไปสลับไปดูเรื่องใหม่ที่น่าสนใจกว่ามากแต่พอมาถึงเรื่องนี้ เรื่องที่ไม่ได้คิดว่ามีอะไรไม่ได้แม้แต่จะอ่านคอมเมนท์ข้างในด้วยซ้ำกลับทำให้เราพูดไม่ออก
13ReasonsWHY เป็นหนึ่งในซีรี่ย์ไม่กี่เรื่องที่เราอยากจะให้โรงเรียนไทยได้เปิดให้นักเรียนทุกคนดูมากกว่าใครฆ่านานะ เสียอีก เพราะนี่คือซี่รี่ย์แนวทางการเล่าเรื่องของคนที่ตายไปแล้วผ่านตัวละครที่มีชีวิตเหลืออยู่ กลวิธีการเล่าเรื่องแยบยลมาก ทำให้คุณรู้สึกได้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นราวกับเป็นปัจุบันของมัน เป็นสถานการณ์นั้นๆโดยที่คุณจะไม่ต้องมารู้สึกขัดใจว่า เดี๋ยวตัดไปอดีตเดี๋ยวตัดกลับมาปัจจุบันหรือแม้แต่ตอนที่คุณเริ่มเบื่อมันในตอนกลางเรื่องแค่ตัวละครเอาเทปมาเปิดตอนท้ายเรื่องก็ราวกับเหมือนคุณจะพึ่งเริ่มได้ดู(มีตอนหนึ่งที่ไม่ได้เปิดเรื่องเล่าว่าม้วนที่เท่าไหร่ จริงๆมันก็เรียงม้วนนั่นแล่ะ แต่การ โคลสอัพไปที่หมายเลขของเทปนั้นทำให้เรารู้สึกแบบนั้น)
13ReasonsWHY เป็นเรื่องราวของเด็กสาวชื่อ ฮานนา ได้ทำอัตนิวิบาตรกรรมตัวเองแต่ก่อนจบชีวิตลงเธอได้ทำสิ่งหนึ่งนั่นก็คือ การบันทึกเสียงด้วยเทปสาสเส็ท(นั่นล่ะ ถ้าใครอยู่ในยุคโทรศัพท์ขอเพลงทางวิทยุเพื่ออัดเทปจะรู้จักมัน)เพื่อบันมึกถึงสิ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจว่าการกระทำของเธอที่ทำลงไปนั้นไม่ได้ไร้เหตุผล โดยเทปเหล่านั้นจะถูกส่งต่อไปยังเหล่าผู้คนที่มีรายชื่อในเทปนั่นแล่ะ
จากเรื่องย่อ เราจะคิดว่ามันคือการที่ตัวละครที่ได้รับเทปต้องไขปริศนาตามหาให้เจอ ทำตามคำขอของฉันก่อนตายอะไรทำนองนี้ แต่พอดูไปกลับไม่ใช่แนวสืบสวนสอบสวนซ่อนเร้นปมปริศนาอะไรแบบนั้น
ขอให้พูดถึงก่อนว่ามันสนุกยังไงก่อนจะพูดถึงความดีงามของมันคือมันอาจไม่ได้อิมแพคกับทุกคนหรือทุกคนจะรับรู้และเข้าใจกับสารที่หนังส่งมาเราจะดูจนจบโดยไม่ตัดสินใครในเรื่องได้หรือไม่ต่างหากคือความท้าทายที่สุดของซีรี่ย์นี้
ความสัมพันธ์มันช่างซับซ้อนเราไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เราทำมันมีผลอะไรกับคนอื่น และคนอื่นก็ไม่รู้เช่นกันว่าเค้าทำอะไรกับเราปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากการตัดสิน การกำหนด จัดแบ่ง ขีดเส้นโดยที่มีข้อมูลไม่เพียงพอกันแต่ละฝ่ายต่างรับมือกับปัญหาโดยเท่าที่ตัวเองจะสามารถทำได้จากประสบการณ์อันน้อยนิดของตนโดยไม่ให้มีผิดถูก ดีเลว สมควรแล้ว หรือ ถ้าเป็นชั้นจะ...
แน่นอน ปัญหาทั้งหมดมันเริ่มจากลึกๆ พวกเราชอบใช้การตัดสินเราตัดสินคนอื่นจากมุมมองของเราและประสบการณ์ของเราสักกี่คนที่จะสามารถดูหนังหรืออ่านหนังสือจนจบโดยไม่เอาความคิดของเราไปจัดสินการกระทำของตัวละครหรือผลของมันจนกว่าจะจบเรื่องได้และเรื่องนี้ท้าทายเราอย่างมากที่จะให้เราทำแบบนั้นเพราะความจริงนั้นสำคัญกว่าคำตัดสินเสียอีก
สำหรับคนที่ไม่เคยคิดฆ่าตัวตายและไม่เคยรู้ว่าทำไมคนฆ่าตัวตายถึงได้คิดอะไรแบบนั้นควรดูเรื่องนี้ เราจะเห็นสัญญาณบ่งบอกและขอความช่วยเหลือจากแฮนนาเป็นระยะๆซึ่งจะช่วย ให้เราได้คอยมองดูตัวเอง บางครั้งเราก็ส่งสัญญาณออกไปขอความช่วยเหลือโดยที่เราก็ไม่รู้ตัวให้คุณได้มองคนอื่นรอบตัวว่าสิ่งที่ดูเหมือนไม่มีอะไรนั้นมันไม่ใช่ไม่มี
แม้กระทั่งเราดูเรื่องนี้จนจบเราก็ยังไม่ตัดสินแฮนนาและที่สำคัญกว่าการตัดสิน คือการได้รู้ว่าความตายของเธอไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบเธอวางแผน เธอลองคิด เธอให้โอกาส เธอให้โอกาสตัวเองได้พิสูจน์ว่าทางไหนคือทางเลือกที่ดีที่สุดของเธอ
“คนที่ตายคือไอ้ขี้แพ้” เมื่อดูหนังเรื่องนี้จบคนที่มองโลกนี้เป็นเกมเซอไววัล อาจเปลี่ยนไปอย่างน้อยก็จะยืนขึ้นปรบมือให้กับผู้เล่นที่เต็มใจเดินออกจากสนามแข่งที่ไม่ใช่ของตัวเองโดยให้ความเคารพเขาในฐานะนักกีฬาร่วมทางหากเป็นทหารก็ขอให้ยืนขึ้นวันธยาหัตแด่นักรบผู้ปลิดปลงชีพตนทุกคนด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี
อย่างน้อยคนที่คิดจะฆ่าตัวตายต่อจากนี้จะได้รู้สึกดีบ้างว่า “การฆ่าตัวตายเป็นทางเลือก”ของเขาจริงๆ ไม่ใช่ “ซุยไซด์ อีส นอท ออปชั่น”
สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองและผู้คนทั้งหลาย อยากบอกว่าหนังเรื่องนี้ตอนจบจะไม่ตัดฉากวิธีการฆ่าตัวตายด้วยการกรีดข้อมืออย่างถูกต้อง เพราะไม่ว่ายังไงลูกของคุณ ก็คงหาวิธีอื่นได้อยู่แล้วดังนั้น จงทำใจกับฉากนั้นเพราะเส้นเลือดของคุณจะร้อนผ่าวราวกับไฟเผาเลยทีเดียว
ในหลายครั้งเรามักจะตัดสินคนที่ตายไปแล้วจากมุมของเราเองข้อมูลของเราเอง และไม่ใช่คนที่ตายทุกคนจะบอกเหมือนฮานนา แต่เราอยากให้เคารพว่า หากใครเลือกที่จะตายแล้วและเราได้ช่วยทุกวิถีทางแล้ว จงลุกขึ้นยืน วันทยาหัต ปรบมือให้กำลังใจเมื่อเขาทำได้สำเร็จและเขาได้ตายอย่างมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ที่มีอำนาจเหนือชีวิตอันเป็นทรัพย์สินเพียงอย่างเดียวของตนเองบนโลกใบนี้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in