นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่ได้ยินชื่อมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้แตะสักที อ่า ขอเท้าความก่อนสักนิดว่าเราเป็นนักเรียนวรรณคดีอังกฤษค่ะ อาจารย์ก็ได้นำเรื่องนี้มาให้วิเคราะห์กันทำให้เรามีโอกาสได้สัมผัส The Great Gatsby ทั้งเวอร์ชั่นนวนิยายและภาพยนตร์ (2013) และได้ค้นพบถึงเสน่ห์ที่ไม่เหมือนเรื่องอื่นของหนังสือเล่มนี้ เรื่องแรกก็คงจะเป็นภาษาที่อธิบายเห็นภาพชัดและสละสลวย เรื่องที่สองเป็นสัญลักษณ์(Symbol) ที่แสดงออกในเรื่อง สัญลักษณ์ในเรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาได้สมจริงและทรงพลังจนทำให้รู้สึกคล้อยตามไปด้วย อาจเป็นเพราะเรื่องมันเป็นสัจธรรมของโลกนี้ที่ไม่ว่าเวลาจะล่วงเลยผ่านไปกี่ปี ผู้คนก็ยังเป็นเช่นนี้เลยทำให้รู้สึกเข้าถึงได้ง่าย เรื่องที่สามเป็นลักษณะของการดำเนินเรื่อง เรื่องที่เล่าเป็นเรื่องของคนที่ชื่อ Gatsby แต่ถ่ายทอดผ่านตัวละครอีกตัวที่ชื่อ Nick ปมปัญหาที่ค่อยๆ ถูกคลี่ออกมาทำให้เรารู้สึกว่า Gatsby เป็นคนลึกลับและน่าสนใจ
มีความรู้สึกว่าถ้าเราตีความแล้วจะเป็นการสปอยล์ค่ะ เลยจะเขียนรีวิวไว้ข้างบนแล้วAnalysisข้างล่างนะคะ The Great Gatsby เป็นเรื่องเกี่ยวกับสังคมอเมริกาในยุค 1920 หรือ Jazz age ที่เศรษฐกิจฟุ้งเฟ้อกันสุดๆ ผู้คนชอบนิยมปาร์ตี้ ความหรูหรา อยากใช้ชีวิตแบบผู้ดี (ก่อนช่วง the great depressionจะมา) ซึ่งตัวเรื่องจะตีปมปัญหาของสังคมในตอนนั้นผ่านตัวละครหลักของเรื่อง เปิดเรื่องมาด้วยตัว Nick เป็นคนบรรยายถึงคำสอนที่คุณพ่อเคยให้ไว้ว่าจะไม่ตัดสินคนอื่นง่ายๆ ต่อด้วยเล่าเรื่องครอบครัวแล้วก็กล่าวถึง Gatsby นิดหน่อย ตัวนวนิยายจะตัดสลับไปมาระหว่างเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น กับตอนปัจจุบันที่ Nick กำลังใช้ชีวิตอยู่ ซึ่งคนอ่าน(หรือคนดู)ก็ต้องมาลุ้นกันว่าอิตา Gatsby คนนี้เป็นใคร เกิดอะไรขึ้นกับเขา แล้วทำไม Nick ถึงได้จากที่อยู่อาศัยเดิมมา มันเคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อนนะ? ซึ่งถ้าเราอ่านจบ เราก็จะได้รู้ค่ะว่าทำไม Nick (ในภาพยนตร์) ถึงได้ต้องไปพบจิตแพทย์หลังจากเหตุการณ์นั้น แล้วทำให้เขากลายเป็นคนที่ต้องการการรักษาทางจิตใจ
"Gatsby believed in green light, the orgastic future that year by year recedes before us. It eluded us then, but that's no matter--- to-morrow we will run faster, stretch out our arms farther ... And one fine morning---
So we beat on, boats against the current, borne back ceaselessly into the past."
Quote ที่ได้ยกไปในข้างต้น เป็นตอนจบของนวนิยายเรื่องนี้ แล้วก็ฉากในภาพยนตร์ด้วย ซึ่งเราว่าก็ถ่ายทอดออกมาได้ดีพอสมควร คำถามสองข้อที่เราถูกถามมา หนึ่งก็คือการที่ nick ให้ gatsby เป็น the great gatsby นั้น สมควรแล้วหรือไม่ (เราจะเห็นจากฉากจบในภาพยนตร์ที่ตอนแรกเรื่องชื่อ Gatsby เฉยๆ แล้ว nick ก็เปลี่ยนใจ เติม great ลงไปข้างหน้า) ซึ่งสำหรับตัวเราแล้ว เราคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกเท่าไหร่สำหรับใครสักคนที่คุณยกย่อง แล้วก็รู้สึกว่าเขามีสิ่งพิเศษที่ไม่สามารถพบเจอได้ในตัวคนอื่นโดยเฉพาะใน New York ยุคที่ทุกคนหลงระเริงไปกับเงินและสิ่งของ แกสต์บี้ (ไทยคำอังกฤษคำเพราะก็อปบทวิเคราะห์ที่เคยพูดในเฟซส่วนตัวไว้มาลงค่ะ) เปิดใจคุยเรื่องหลายอย่างให้นิคฟัง นิครู้เรื่องราวความเป็นไปของแกสต์บี้ รู้จักความฝัน ความทะเยอทะยาน ถึงแกสต์บี้จะขอมากไป แกสต์บี้ก็ไม่เคยเสียใจที่ขอมัน แกสต์บี้มาไกลเพื่อความฝันที่จะได้อยู่กับเดซี่ แต่สุดท้ายก็จบชีวิตลงเพราะผู้ดีเก่าที่เขาฝันที่จะเป็น(ทอมที่เป็นสาเหตุการตาย)
แกสต์บี้ไม่ใช่ผู้ดีเก่า เป็นเพียงคนธรรมดาที่เริ่มจากศูนย์ ถึงจะทำงานทุจริต(แล้วก็คงเป็นทางเดียวที่จะรวยขนาดนี้ได้) แต่เขาไม่ได้ทำเพราะอยากได้อยากมี เขาแค่เพียงถ้าตัวเองรวยและมีเงิน ผู้หญิงที่เขารักก็จะกลับมาหา ซึ่งต่างจากเหตุผลของคนอื่นๆ
ทัศนคติต่อต้านสังคมชนชั้นสูงของคนเขียนถูกถ่ายทอดผ่านตัว Fitzgerald ตัวของนิคที่ห่วงใยแกสต์บี้เป็นเสมือนตัวแทนของผู้เขียนที่อยากจะให้มีใครสักคนอยู่เคียงข้างแกสต์บี้ ดูจากตอนจบของนิยายและภาพยนตร์เรื่องนี้ คุณมีเงินแล้วอย่างไร จัดปาร์ตี้ให้ความสุขแก่คนครึ่งเมืองแล้วอย่างไรในเมื่อสุดท้ายมันก็คือความสุขที่ไม่จีรัง ไม่มีใครเคยคิดว่าคุณจัดปาร์ตี้ให้เขาเข้ามาหาความสุข เมื่อคุณตายไป ไม่สามารถให้อะไรแก่คนเหล่านี้ได้ เขาก็ไม่ระลึกถึงคุณ
ในสองพารากราฟสุดท้ายของเรื่องที่เหมือนขมวดปมของทั้งเรื่องเอาไว้ เราอ่านแล้วนึกถึงการที่แกสต์บี้พยายามจะคว้าแสงสีเขียวเอาไว้ เขาคิดว่านี่คือจุดที่ใกล้ความฝันแล้วแต่จริงๆ โอกาสนั้นมันหมดไปนานแล้ว แกสต์บี้ไม่สามารถย้อนอดีตได้ (จำกันได้ไหมว่ามีตอนหนึ่งที่นิคเถียงแกสต์บี้ว่านาย repeat the past ไม่ได้แต่แกสต์บี้ตอบกลับมาอย่างคนไม่ยอมรับความจริงว่า ได้ นายทำได้สิ) นั่นคือความจริงแต่เขาไม่อยากจะเข้าใจ นิคบอกว่าแกสต์บี้เชื่อในแสงสีเขียวนั่นคือเรื่องที่ดีที่คุณมีแรงศรัทธาและจุดหมายในชีวิต ถึงแม้ว่าfuture ของแกสต์บี้จะอยู่ในที่ๆ มีแต่หน้ากากฉาบไปด้วยทองคำ สิ่งล่อลวง และความสุขฉาบฉวย มันก็ไม่สำคัญ เพราะตราบใดที่เรายังมีความหวัง และพยายามจะเอื้อมมือฉกฉวยโอกาสและวันเวลาเหมือนแกสต์บี้ เราก็ยังจะสามารถว่ายน้ำไปข้างหน้าได้
ตีความลึกลงไป สำหรับตัวเรา เราคิดว่าแกสต์บี้พยายามจะคว้าแสงสีเขียว ไม่ได้หมายถึงตัวเดซี่ แกสต์บี้รักเดซี่นะคะ แต่เขาก็รักความฝัน ความทะเยอทะยานของตัวเองด้วย(ตัวภาพยนตร์ค่อนข้างถ่ายทอดออกไปในเชิงหนังรัก แต่ถ้าดูในหนังสือจะเห็นว่าแกสต์บี้ทะเยอทะยานกับฝันของตัวเองสุดๆ) สิ่งที่แกสต์บี้อยากจะคว้าไว้จริงๆ คือชีวิตของชนชั้นสูง คนที่เกิดมาแล้วเป็นคนรวย เป็นผู้ดีเลย คนที่ได้มีวาสนาแบบทอมตั้งแต่เกิด แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้ การก่อร่างสร้างตัวจากการค้าเหล้าเถื่อนและทำสิ่งผิดกฎหมาย หวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะปั้นตัวเองให้เป็นผู้ดีได้ในสักวัน เป็นสิ่งที่ไกลที่สุดแล้วที่แกสต์บี้จะมาได้ แกสต์บี้มองจากท่าเรือที่บ้านของตัวเอง วาดฝันไปต่างๆ นาๆ ว่าความพยายามของเขาสักวันจะต้องประสบความสำเร็จ
เพื่อที่จะตื่นมาพบความจริงในเช้าวันหนึ่งว่า...
ความพยายามของเราช่างไร้ค่า ว่ายทวนไปเท่าไหร่ก็ไปไม่ถึงความฝันเพราะสุดท้ายแล้วคนเราไม่สามารถที่จะต้านทานกระแสน้ำหรือกาลเวลา(time)ได้ ได้แต่กลับมานั่งคิดซ้ำๆ ถึงอดีตที่ไม่สามารถหวนกลับมาได้ ตรงนี้เป็นจุดที่ทำให้เราชอบนวนิยายเรื่องนี้มาก ในส่วนของภาพยนตร์ ก็เป็นเหตุการณ์ที่แอบเจ็บดีนะคะ ถึงจะไม่เหมือนในหนังสือก็ตาม แกสต์บี้ถูกยิงในตอนเดียวกับที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แกสต์บี้คิดว่านั่นคือเดซี่ที่โทรมาเพื่อที่จะเลือกตัวเองเป็นคนรัก แต่ในความจริงแล้วเป็นนิคที่โทรมาถามด้วยความเป็นห่วงต่างหาก สุดท้ายแล้วอย่างน้อยแกสต์บี้ก็ได้จบชีวิตลงด้วยความคิดที่ว่าความพยายามของเขาประสบผลสำเร็จ ซึ่งแตกต่างจากในหนังสือลิบลับ แกสต์บี้ถูกยิงขณะที่นอนอยู่บนแพยางที่สระว่ายน้ำ ในท่ามองขึ้นฟ้า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าขณะนั้นเขาหลับหรือลืมตามองอยู่ สุดท้ายก็มีเพียงแต่พ่อและนิคเท่านั้นที่ตั้งใจมาร่วมงานศพของแกสต์บี้ บ้านหลังโตที่เคยอัดแน่นไปด้วยแวดวงคนดังนับร้อยนับพัน ในยามที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้ากลับเหลือคนอยู่เพียงแค่สี่คน และนั่นคือเป็นความจริงของโลกใบนี้
มีความฝันที่สัตย์ซื่อ ยอมรับความจริงไม่ได้และก็ตายไปอย่างไม่มีใครเหลียวแล
แด่ความฝันและความจริง.
เจอกันใหม่ตอนที่สายยางได้อ่านหนังสือเรื่องใหม่หรืออยากอู้จากนิยายที่กำลังเขียนอยู่นะคะ ^^
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in