“แม้ความจริงสิ่งนี้จะโหดร้าย
ปานเพียงใดก็ต้องยอมอดทนฉะนั้น
เพื่อให้ลูกได้ดีในเร็ววัน
เลิกแปรผันเป็นเด็กสุดเเย่ทุกวัน
หากพ่อแม่รักเด็กมากเกินไป
จะเป็นได้ที่เปรียบพ่อแม่รังแกฉัน
และเมื่อถึงวันหนึ่งเด็กโตวัน
เด็กพบมันว่าความจริงลำบากไฉน
พ่อปล่อยให้เด็กเป็นเด็กร้าย
โดยไม่สนใจความจริงอันข้างไหน
เพราะความจริงข้างหน้าได้เหตุร้าย
เด็กรับไม่ได้ก็อาจกลายเป็นเรื่องแย่
เด็กจึงต้องถูกครูกำราบ
ให้หลุดจากคราบลูกเทวดาแน่
เด็กจะได้เรียนรู้ว่าไม่มีแค่
ใครกันแน่ที่จะสนใจเด็กตลอดไป
เด็กจะได้หัดเป็นเด็กดี
เรียนรู้ที่ว่าห้ามทำเรื่องไม่ดีไม่ได้
เด็กจะได้หัดทำตัวดีเข้าไว้
เพื่อจะได้เป็นมิตรต่อตัวดี
และคุณครูตั้งใจจะสอนสั่ง
ให้เด็กนั่งเฉยไว้เป็นสักขี
ว่าหากเด็กต้องการจะทำดี
ครูล่ะมีค่าตอบแทนให้เสมอไป”
หนังสือเล่มนี้เหมาะกับทุกคนมากค่ะ เพราะจงหาอ่านไว้และมีติดไว้ทุกครัวเรือนเลยค่ะ เพราะเป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง ที่นักเขียนโนเบลได้เขียนไว้ถึงโทษของพ่อแม่รังแกฉันไว้อย่างดีเลยค่ะ
“เพราะเด็กน้อยของคุณไม่ได้น่ารักเสมอไป
แถมเด็กน้อยบางคนก็เป็นเด็กเ…ร…อีกด้วย”
ดุจดั่งหนังสือเล่มนี้ล่ะค่ะ ที่ว่า
คุณครูที่ต้องมาสอนเด็กบ้านหนึ่ง ได้ยินเรื่องเล่าของเด็กเว..จากเพื่อนบ้านของเด็ก ซึ่งเพื่อนบ้านเล่าให้ฟังในขณะที่โดยสารรถไฟมาด้วยกัน จนทำให้ครูเกือบถอดใจที่ไม่อยากยุ่งกับเด็กและครอบครัวแล้ว
แต่พ่อของเด็กขอร้องให้ครูช่วยดัดนิสัยลูกเทวดาคนนี้สักที จนครูตัดสินใจวางแผน และบอกให้ทุกคนออกไปจากบ้านให้หมด จนกว่าครูจะกำราบเด็กได้ แล้วค่อยกลับมา โดยครูตัดสินใจกำราบเด็ก จากความชอบของเด็ก คือ
“หากเด็กยอมเรียนหนังสือและเป็นคนดี
ครูจะยอมเล่นเปียโนให้ฟัง”
และมีข่าวลือแปลกๆว่า ครูทำร้ายเด็ก จนทำให้ย่าของเด็กต้องรีบกลับมาดู และพบว่า เด็กเริ่มมีนิสัยที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เพราะครูดึงดูดสิ่งที่เด็กสนใจไว้ด้วยการฝึกให้เด็กกระทำดีแล้วได้ดี
หากเปรียบเทียบการกระทำของครูที่มีต่อเด็กแล้ว ก็คล้ายกับการฝึกให้พ่อแม่เลิกรังแกเด็ก จากการตามใจจนเกินเหตุ ดังนั้น หากเด็กเรียนรู้จากโลกจริงว่า
“ความจริงแล้ว ไม่มีใครตามใจเด็กได้ตลอดเวลา”
ชีวิตของเด็กจะค่อยได้เรียนรู้ และเด็กค่อยๆซึมซับเรื่องดีๆ และฝึกฝนตนอยู่ตลอด จนเด็กก็กลายเป็นเด็กดีในที่สุด
LOOK A BREATHE
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in