เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
How to liveJame Curser
Burnout, figured out.
  • If you burnout, count on the dark.ถ้าคุณเหนื่อยหน่าย หมดไฟในใจ ... ก็ไปต่อมันทั้งมืดๆแบบนั้นแหละ ถ้ามันจะชนก็ชน จะร้องก็ร้องไป แล้วก็ไปต่อถ้ามันจะล้มก็ล้ม จะโทษอะไรก็โทษไป แล้วก็ไปต่อถ้ามันจะเจ็บ ก็ให้มันเจ็บไป แล้วค่อยลุกไปต่อไม่นานคุณก็จะเริ่มมองเห็นเส้นทาง และจะเข้มแข็งขึ้นเอง แล้วเมื่อคุณชินกับความมืด และ แสงไฟสลัวๆนั้นแล้วหากไฟในใจคุณลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง ทุกสิ่งมันจะสว่างไสว กว่าที่เคยเป็นแน่นอน 


    ประมาณช่วงอายุ 15 - 18 ปี ตอนที่เครื่องแบบของฉันยังมีตราโรงเรียน พร้อมปักด้ายรูปดาวสีน้ำเงินดวงเล็กๆบนหน้าอก ตอนที่ทุกทิศทางรอบตัวของฉันเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจสดใหม่ แปลกหูและตื่นตา กับเรื่องราวและประสบการณ์ต่างๆที่ซัดสาดเข้ามาทุกวินาที
    ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมตอนนั้น จิตใจและความคิดจึงเต็มไปด้วยความสับสน เพราะขณะที่ตัวเราคิดว่าเราโตและผ่านอะไรมามากพอ ไม่กี่นาทีต่อมา เรามักจะได้สัมผัสกับเรื่องราวที่ทำให้เราเอ่ยปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า "เห้ย..มันมีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ??" 
    บางทีความสับสนที่เกิดขึ้นนั้น อาจจะเป็นเพราะเราได้เรียนรู้สิ่งต่างๆอย่างไม่หยุดพัก ได้รู้ ได้เรียน ได้ทดลอง ได้ทำ ไม่ว่าจะผิดถูก แต่ในขณะนั้น ยังไม่มีใครที่ทำให้เรารู้ได้มากเพียงพอ ที่จะตระหนักได้ว่า เรื่องราวอันแปลกหูประหลาดตาเล่านั้น ...ไม่ใช่เรื่องราวที่สดใหม่ ที่พึ่งจะเกิดขึ้นในสังคมแต่อย่างใด
    .
    .
    เพียงแค่เรายังรู้น้อยเกินกว่าจะมองเห็นภาพกว้างขนาดนั้นได้เท่านั้นเอง
    .

    ถึงจะสับสนอย่างไรก็ตาม ฉันเชื่อ..(ไม่สิ) ฉันเห็น . . ว่าคนส่วนใหญ่ในรั้วกำแพงอิฐเตี้ยๆนั่น ล้วนมีความฝันกันทุกคน บ้างก็ชัดเจนและมุ่งมั่น บ้างก็ฝันอย่างเลื่อนลอย บ้างก็สลับเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว ฉันเองก็มีความฝันไม่ต่างจากคนอื่น เป็นความฝันจางๆ เหมือนกับเวลาที่เรานอนมองท้องฟ้ากลางสนามหญ้าในตอนบ่ายๆ เราเห็นก้อนเมฆเล่านั้นชัดเจน แต่เราก็บอกตัวเองว่าเราแตะต้องมันไม่ได้ 
    สิ่งที่ฉันชื่นชอบที่สุดมันเริ่มต้นตอนที่ดาวสีน้ำเงินดวงแรกปรากฏบนหน้าอกซ้ายของฉัน ฉันได้เริ่มตนวาดเขียนภาพวาดต่างๆ พาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางความคิดสร้างสรรค์และงานศิลปะ มันเป็นสิ่งที่ฉัน(คิดว่า)ทำมันได้ดี แต่ไม่นานนักฉันก็วางดินสอพู่กันพวกนั้น แล้วหันไปสนใจภาพถ่ายและการเดินทาง ในขณะที่พยายามค้นหาอนาคตตัวเอง ฉันก็สนุกกับการเป็นส่วนหนึ่งในการค้นหาอนาคตของเพื่อนๆด้วย
    ถึงแม้ฉันะไม่มีความสามารถที่จะผลักดันใครได้ไกลเท่าไรนัก แต่น่าแปลก ที่เพื่อนๆมันจะยินดีให้ฉันช่วยพวกเขานิดๆหน่อยเสมอ ซึ่งฉันว่ามันก็เป็นความทรงจำที่ดีนะ การที่เราได้เป็นปัจจัยเล็กๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตของใครสักคน สำหรับฉันมันเป็นแรงบันดาลใจที่สวยงามมากๆเลย
    .
    แต่...เราไม่ได้อยู่มัธยมตลอดไป
    รู้สึกตัวอีกที เวลา 3 ปี ก็ใกล้หมดลงแล้ว เพื่อนบางคนเกือบคว้าฝันได้ เพื่อนบางคนพลาดและผิดหวัง หรือบางคนก็สามารถก้าวเข้าไปเดินบนเส้นทางใหม่ เส้นทางที่จะพาเขาไปต่ออีกแสนไกล ส่วนตัวฉันเองนั้น ทุกๆอย่างมันพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ฉันยังใหม่กับเครื่องแบบที่เปลี่ยน กับสังคมที่เปลี่ยน กับระบบที่เปลี่ยน กับทุกๆอย่างที่รออยู่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านั่น 
    แรงบันดาลใจที่ปะทุเอ่อล้นตลอดเวลา จนฉันไม่เคยคิดเลยว่ามันจะหมดลง แต่ฉันก็ไม่เคยคิดเลยเช่นกัน ว่ามหาวิทยาลัย และ คำเตือนต่างๆ มันจะแตกต่างจากที่คิดเอาไว้แสนไกลขนาดนี้ เพียงแค่ไม่กี่ปี ฉันก็เติบโตขึ้นมาก มากจนฉันนึกภาพตัวเองตอนเป็นเด็กเฮฮาสนุกสนานแทบไม่ออกเลย   
    แต่ฉันต้องขอบใจ ประสบการณ์และเรื่องราวอีก 4 ปี บทเรียนสุดท้ายสำหรับ สถานศึกษา ที่สั่งสอนอะไรให้ฉันมากกว่าความรู้ทางวิชาการ บทเรียนสุดท้าย ที่ทำให้ฉัดรีดเค้นเอาพลังใจ ของตัวเองออกมาใช้ทุกหยาดหยด

    สิ่งสำคัญคือมันเตือนสติฉัน ว่าบนโลกใบนี้ ยังมีแหล่งพลังงานอีกมหาศาล ที่เราปล่อยมันทิ้งไว้เฉยๆ  ถึงแม้ว่าในตอนนี้ ถ่านไฟที่เคยลุกโหมอย่างร้อนแรง จะกลายเป็นถ่านมอดๆ อุ่นๆ ให้พอได้ใช้ชีวิตไปวันๆ แต่ฉันรู้สึกตัวแล้ว ว่า
    .
    การจะใช้ชีวิตต่อไป เราไม่จำเป็นต้องมีแรงบันดาลใจในทุกนาทีก็ได้ในบางครั้ง ถ้าหากพลังงานในส่วนอารมณ์ นั้นเลือนหาย เรายังมีแรงกายที่เหลืออยู่ ใช้มันต่อ ทำมันต่อ ไม่ว่าสิ่งตรงหน้านั้นจะคืออะไร กดสวิทซ์เปลี่ยน จากอารมณ์ มา เป็นเหตุและผลดูบ้าง เปลี่ยนจาก อยากทำ เป็น ต้องทำ ดูบ้าง 
    .

    บางทีความสำเร็จของเราอาจไม่ได้ต้องการแรงบันดาลใจเสมอไป

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in