วันนี้ฝนตกหนักและฉันมานั่งอยู่ในร้านกาแฟร้านประจำเป็นเวลานานจนเกือบจะถึงเวลาประจำที่ฉันจะไปขึ้นรถไฟฟ้า และฝนเริ่มซา เขาวิ่งเข้ามาในร้านในสภาพตัวเปียกปอนเหมือนวันที่เราเจอกันที่ร้านกาแฟครั้งแรก เขายิ้มให้ฉันตอนที่เจอหน้า แล้วหันไปสั่งเค้กใส่กล่องกลับบ้านแล้วเดินมาหาฉันที่โต๊ะ
“ไปทานข้าวเย็นกัน” เขาไม่รอฉันตอบด้วยซ้ำ แต่กลับเดินจูงมือฉัน แล้วไปรับเค้ก ก่อนจะเปิดประตูให้
เขาพาฉันไปที่ร้านๆ นึงไม่ไกลจากร้านกาแฟมากนัก เป็นร้านอาหารที่ดูเงียบสงบในย่านที่มีคนพลุกพล่านคนที่มาทานอาหารอยู่เกือบเต็มร้าน แต่ยังพอมีโต๊ะว่างอยู่บ้างภายในร้านจัดเป็นโซนๆ มีที่นั่งสำหรับโต๊ะใหญ่ และโต๊ะเล็ก รวมถึงที่เป็นบาร์ไว้สำหรับนั่งคนเดียวก็มีเช่นกัน ที่ผนังร้าน มีรูปวาดทั้งเก่าและใหม่จัดแบ่งไว้เป็นส่วนๆ ทั้งภาพสีน้ำ ภาพสีน้ำมัน วิวทิวทัศน์ หรือเป็นรูปล้อเลียนก็มี เขาพาฉันมานั่งที่โต๊ะบาร์ติดกระจก วิวด้านนอกนั้นสวยเหมือนกับภาพวาดที่ฉันเคยเห็นเมื่อนานมาแล้วเลย
“นายว่าเมนูไหนอร่อย” ฉันถามขึ้น
“ฉันชอบข้าวหน้าเนื้อของร้านนี้นะ อร่อยมากเลยล่ะ เธอทานเนื้อรึเปล่า” ฉันพยักหน้า อยากให้เธอรู้ว่าฉันเป็นมนุษย์กินเนื้อกินทุกอย่างที่ขวางหน้า (ยกเว้นเนื้อคน) แต่มันคงจะไม่ดีล่ะมั้ง
“งั้นดีเลย เมนูขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือข้าวหน้าเนื้อนี่แหละ แต่พวกหมูทอดชุบเกล็ดขนมปังก็อร่อยเหมือนกัน หมูนุ่มมากด้วยล่ะ อกไก่ก็อร่อย”เขาบรรยายราวกับเป็นคนคิดเมนูที่นี่เองเชียวล่ะ
“อย่างนั้นหรอ” ฉันพยักหน้าตาม “เธอชอบมาทานที่ร้านนี้บ่อยหรอ”
“ก็ไม่บ่อยขนาดนั้นหรอก แต่ฉันมักแวะมา เวลาว่างๆ น่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง งั้นฉันเลือกข้าวหน้าเนื้อก็แล้วกัน” เขาเรียกพนักงาน แล้วสั่งอาหารให้ฉัน กับสั่งของเขาเอง
ฉันกับเขานั่งคุยกันเรื่องสัพเพเหระ ฉันชอบฟังเวลาเขาพูดเรื่องประวัติศาสตร์และความสนใจอื่นๆ รวมทั้งเพลงที่เขาฟัง ส่วนเขาชอบยิ้มเวลาฟังฉันเล่าเรื่องหนังสือที่ฉันอ่าน หนังที่ฉันดู หรือแม้กระทั่งเพลงที่ฉันชอบ
เขาเล่าว่าวันนี้ได้ไปเจออะไรใหม่ๆ มาบ้างได้วิ่งฝ่าฝนเข้ามาที่ร้านกาแฟ ระหว่างทางเจอลูกแมวหาที่หลบฝนเขาก็วิ่งไปอุ้มเจ้าแมวน้อยนั้นมาไว้ใต้ป้ายรถเมล์ ส่วนตัวเองก็วิ่งกลับมาที่ร้านกาแฟต่อ
เราออกจากร้านอาหารเวลาประมาณสามทุ่ม ขึ้นรถไฟฟ้าพร้อมกันเมื่อถึงสถานีปลายทาง เขาพูดขึ้นว่า “วันนี้อาหารอร่อยเนอะ”
ฉันพยักหน้าตอบ เขายิ้มๆ ให้ ก่อนจะโบกมือให้กัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in