คำถามแรกที่ถามแม่ออกไป คือ "สกลหนาวเหรอ? ต้องเอาเสื้อกันหนาวไปด้วยเหรอ?"
แล้วก็ได้คำตอบกลับมาว่า หนาว,หนาวมาก แต่พอโทรไปถามยาย ยายบอกว่าร้อน
โทรหาน้า น้าก็บอกว่าร้อนแข่งกับกรุงเทพนั่นแหละ สรุปแล้ว มันหนาวหรือไม่หนาววะเนี่ย
เดินทางวันแรกวันที่ 22 ธันวาคม ไฟลท์ 6:30 (จะเช้าไปไหนวะ) ต้องตื่นตี 4 เพื่อออกจากบ้าน ไปถึงสนามบินประมาณ 6 โมงกว่าๆ ซึ่งตอนนั้นมันก็ต้องไปเช็คอินแล้วแหละ แต่พ่อดันใจเย็นขับรถวนหาที่จอด แม่ก็เลยบ่นซะยืดยาว ด้วยความที่สองพี่น้องที่ไม่ได้นอน(คนนึงเล่นเกม คนนึงทำงาน)ก็เลยพลอยโดนบ่นไปด้วย ความเซ็งจึงบังเกิดตั้งแต่เช้าตรู่นั่นแหละ เดินทางทีไรเป็นต้องโดนบ่นก่อนขึ้นเครื่องตลอด วัยรุ่นเซ็งเด้อเซ็ง
จริงๆแล้ววางแผนกันไว้ว่าจะกลับไปแค่ 5 วัน แต่ไปๆมาๆดันเพิ่มมาอีก 4 วัน กลายเป็น 9 วัน ตอนแรกเศร้ามาก เพราะช่วงนี้อะไรๆที่เราอยากได้มันก็ Sale อ่ะเนาะ ทุกคนก็น่าจะเข้าใจ55555555555 แล้วนี่ก็นัดเพื่อนซะดิบดี เดี๋ยวไปนู่นกัน เดี๋ยวไปนี่กัน ด้วยความที่ไม่ได้กลับบ้านนาน ก็คิดถึง Bangkok Life เป็นธรรมดาอ่ะ (เราเรียนที่มฟลน่ะ) พอได้กลับบ้านทั้งทีก็อยากจะไปรำลึกบ้างไรบ้างเนาะ แต่ต้องมายกเลิกทั้งหมดเพราะถูกส่งตัวกลับไปต่างจังหวัด เศร้าเลยอ่ะ งืมๆ
7:50 ถึงสกลนคร รอน้ามารับก็ 8:00 พอดี สิ่งแรกที่บอกกับน้าตอนขึ้นรถคือ "หิวอ่ะ ไหนปากหม้อหนู" บอกตรงๆว่ากลับมาสกล ไม่กินปากหม้อไม่ได้อ่ะ ต่อให้จะกินข้าวมาแล้ว แต่ถ้ามาถึงนี่แล้วก็ต้องกินอยู่ดี ปากหม้อคือสิ่งแรกที่นึกถึงจริงๆนะ55555555 น้าบอกว่าโทรไปบอกยายให้ไปซื้อรอเลย ไปถึงบ้านจะได้กินพอดี เพราะน้าต้องไปทำงาน เลยแวะซื้อให้ไม่ได้เพราะจะเข้างานสาย นี่ก็เลยกดโทรหายาย บอกว่าถึงแล้วนะ ซื้อปากหม้อรอหนูด้วย อีก 10 นาทีจะถึงบ้านแล้ว ยายหัวเราะอย่างเดียวเลยอ่ะ555555555 แป้ปเดียวก็ถึงบ้านจริงๆ เห็นตายืนรออยู่หน้าบ้าน ยังไม่ทันได้ลงรถก็เห็นว่าตายิ้มกว้างมากๆ พอพี่เดินขึ้นไปหาตาก็กอดแน่นเลย เราเดินตามขึ้นไปก็กอดตาบ้าง แล้วไม่นานยายก็กลับตามมาติดๆ พร้อมกับปากหม้อ 4 ชุดของเรากับพี่ คิดถึงจัง :-)
ตกเย็น ยายถามว่าอยากกินอะไร เราบอกว่าอยากกินกุ้งเผา เนื้อหมักด้วยก็ได้(เนื้อหมักคือเนื้อย่างนั่นแหละ) ยายบอกว่า ยายจะซื้อมาให้แต่ทำกันเองนะ อุส่าจะไม่สระผมอ่ะ แต่ต้องมานั่งหมักนั่งย่างเอง หัวมีแต่กลิ่นควัน เซ็งเลย5555555555 ระหว่างที่รอเนื้อหมัก เราเลยบอกให้น้องชายพาขี่มอไซค์ไปหาเพื่อนที่โรงเรียนหน่อย เพราะเพื่อนบอกว่าต้องไปช่วยดูแลน้องที่เป็นเชียร์ลีดเดอร์(มันเป็นศิษย์เก่าแต่ก็ยังมีน้ำใจไปช่วยเขา ปรบมือให้ค่ะ) เพื่อนเรากลับมาก่อนแล้วประมาณ 2-3 วัน มันเป็นคนสกล เกิดที่นี่โตที่นี่ แต่ไปรู้จักกันที่มอ ก็เลยได้สนิทกัน พอเจอกันเราก็เลยชวนมันมากินข้าวที่บ้านด้วย มันก็โอเค เดี๋ยวจะตามไป สรุป มาตอนเขาเลิกกินกันแล้ว มันมาเก็บซากที่เหลือ555555555 แล้วไปๆมาๆก็ค้างที่บ้านเพราะมันบอกว่าขี้เกียจรอน้ามารับ เออ ตัดสินใจง่ายไปอีก ดีๆ พอจัดการอะไรเสร็จ ก็ดึกมากแล้ว กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า สรุปวันแรกของการมาสกลคือ กิน กิน กิน จบ
เช้าวันที่สอง ตั้งใจว่าจะตื่นแต่เช้าไปกินไข่กระทะกัน ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ 7 โมง เราตื่นนะ แต่พอเห็นเพื่อนกับพี่ยังนอนนิ่งอยู่เลยก็ล้มตัวลงนอนต่อ... สรุปตื่นอีกทีบ่ายโมงกว่าๆ อาหารเช้าเลยกลายเป็นหมันไปซะ แต่พี่ก็บ่นว่าหิว ไหนๆตื่นมาแล้วก็ออกไปกินเหอะ ยังไงซะอาหารเมื่อคืนมันก็ย่อยไปแล้ว(เหรอ) ก็เลยจัดการอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปกินกันในที่สุด
ร้านที่ไปกินชื่อว่า ทัดดาว ไข่กระทะ
มีทั้งไข่กระทะ อาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว เรากับพี่สั่งไข่กระทะ ส่วนเพื่อนสั่งข้าวมันไก่ แล้วก็สั่งขนมปังยัดไส้กับขนมปังเนย-นมมาด้วย ถือว่าเป็นมื้อแรกของวัน เลยสั่งเยอะนิดนึง เวลาตอนนั้นเกือบจะบ่ายสองได้ ไม่น่าเรียกว่าอาหารเช้าแล้วแหละ555555555 ไหนๆก็พกกล้องออกมาด้วย เลยแชะภาพร้านมาให้ดู
ข้าวมันไก่ของเพื่อน
ขนมปังเนย-นม
ขนมปังยัดไส้
และ ไข่กระทะ อาหารหลัก!
พออิ่มท้องกันแล้วก็พากันเดินย่อยกลับบ้าน แต่พี่บอกว่ามีร้านขายเสื้อมาเปิดใหม่ก็เลยแวะไปดูสักหน่อย เพื่อนก็อยากถ่ายรูปด้วย
อ่ะถ่ายนายแบบ(?)หน่อยค่ะ
แอบถ่ายแมวร้านเสื้อ นอนนิ่งมาก ไม่ขยับเลย ไปจิ้มๆก็ไม่ตื่น หลับลึกเว่อๆ5555555555555
เอาจริงอากาศไม่หนาวเลยอ่ะ คือร้อนมาก ร้อนตับแตก ร้อนแข่งกับกรุงเทพอย่างที่น้าบอกจริงๆ นี่หน้าหนาวจริงๆใช่มั้ยอ่ะ เห็นแดดส่องจ้ากลางถนนนี่รู้สึกเหมือนถ้าเดินผ่านไปตรงนั้นมีตาย ยิ่งกว่าหนีซอมบี้อีกอ่ะ อะไรจะร้อนได้ขนาดนี้หร๊อม
เดินๆกันมาจนเกือบจะถึงบ้านละ เห็นคาเฟ่เปิดใหม่สวยดีพี่เลยบอกว่าขอแวะหน่อย จะลองชิมกาแฟดู ถ้าเวิร์คจะได้มานั่งทำงานที่นี่ อุดหนุนร้านไปแบบเนียนๆ นี่ก็ไม่ขัดจ้า เพราะเห็นว่าร้านตกแต่งสวยอยู่แล้ว ก็เลยลุยเข้าไปเลย เออ สวยจริงแหละ แต่ร้านเล็กไปหน่อย
ชื่อร้านว่า Piccolo Cafe
เปิดทุกวัน 10.00-19.00 น. / ปิดวันพุธ
เราสั่งคาราเมลลาเต้ รสชาติโอเคเลย ราคาก็เหมือนร้านกาแฟทั่วๆไปนั่นแหละ
ชอบมากๆ เหมือนคาเฟ่ที่กรุงเทพอ่ะ แต่รำคาญนายแบบเว่อวังมากค่ะ พอบอกว่าถ่ายแล้วสวยมันก็บอกให้กดชัตเตอร์รัวๆ ค่ะ รูปมันกินพื้นที่กล้องไปประมาณ 70% ค่ะ เห้อม... โดยรวมถือว่าร้านโอเคอ่ะ มีไวไฟ ตกแต่งสวยงาม กาแฟอร่อย ถ่ายรูปสวย แต่เสียดายตรงที่ร้านเล็กมากๆ แล้วก็มีปลั๊กไฟแค่จุดเดียว ถ้าจะพกโน๊ตบุ๊คไปทำงานก็ต้องชาร์จแบตให้เต็มกันก่อนอ่ะนะ
จบแล้วชีวิตในวันที่สอง ไว้จะมาเขียนใหม่ในวันถัดไปนะ
อาจจะเหมือนบ่นๆสักนิด เพราะไม่ได้แตะการเขียนบล็อคนานมากแล้ว555555555
:-)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in