เช้าวันหนึ่ง เด็กสาววัย 18 ถูกปลุกขึ้นมารับทราบว่าลุงวิลเลี่ยมที่รักและเอ็นดูเธอเสมอมา และอดทนยื้อชีวิตตัวเองเอาไว้ให้ได้นานที่สุดเพื่อเธอ...ได้จากไปแล้ว และได้ทิ้งมรดกอันหนักอึ้งแก่เธอผู้เดียว
"แร้ง" หรือก็คือคนรอบตัวก็จ้องเธอราวเนื้อก้อนใหญ่ที่จะฉกฉวยประโยชน์ได้จากความเยาว์และไร้ประสบการณ์ พวกเขาคิดว่าจะชักเชิดเธอ บีบบังคับเธอด้วยอำนาจและการบีบคั้นจิตใจได้อย่างที่เคยทำตลอดชีวิตของเธอ นำโดยผู้เป็นแม่แท้ๆ...............แต่พวกเขาลืมไป และประเมินเธอต่ำเกินไป เพราะในเช้าวันนั้นสิ่งที่เธอได้รับคือ บัลลังก์และมงกุฏของประเทศที่ทรงอำนาจที่สุดประเทศหนึ่ง
เรื่องราวของสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย มักถูกนำมาสร้างเป็นหนังสือ ภาพยนตร์หรือละครหลายต่อหลายครั้ง ครั้งนี้เป็นซีรีย์โดย ITV นำแสดงโดย Jenna Coleman ที่โด่งดังจากบท Clara Oswald ในซีรีย์ Doctor Who ในเวอร์ชั่นนี้ เน้นที่ตัวตนของ Queen Victoria ที่ต้องการเป็นอิสระจากอิทธิพลของพระมารดา (รวมถึงคนรอบตัวพระมารดา) การต้องเล่นแง่การเมืองกับนักการเมืองที่จ้องจะผลักเด็กสาวที่พวกเขาเห็นว่าไม่เหมาะสมออกไป หรือไม่ก็ชักเชิดให้เป็นไปดังต้องการ รวมทั้งปัญหาหัวใจของพระนางที่มีชายมากมายเข้ามาเสนอตัวเป็นสวามีของสมเด็จพระราชินีนาถ แต่กลับไม่มีใครเหลียวแล Victoria ที่แท้จริง ซีรีย์นี้จะเน้นช่วงที่ทรงครองราชย์ใหม่ๆ การก้าวสู่ความเป็นพระราชินีนาถ เป็นหญิงสาวที่แรกเริ่มมีความรัก ความหวาดกลัวที่จะต้องตายขณะคลอดลูก การจะอยู่ในฐานะเมียหรือเจ้าชีวิตของสวามี และการเป็นแม่เต็มตัว
Victoria ยังออกฉายในเวลาใกล้เคียงกับซีรีย์ที่คล้ายกันมากคือ The Crown แต่เป็นเรื่องในวัยสาวของ Queen Elizabeth II ซึ่งเป็นโหลน หรือ ลูกของเหลนของพระนาง นักแสดงนำจากสองเรื่องยังมีความเกี่ยวข้องกัน คือ Jenna ที่เล่นเป็น Queen Victoria เคยร่วมแสดงกับ Matt Smith ผู้รับบท Prince Phillips, Duke of Edinburgh พระสวามีของ Queen Elizabeth II นั่นเอง
(The Crown)
(Doctor Who ซึ่ง Jenna รับบทคู่หูของ The Doctor บทที่ส่งเธอให้โด่งดัง จุ๊ๆ เธอยังแอบโผล่มาใน Captain America ด้วยนะเออ เป็นคู่เดทของ Bucky)
ความท้าทายแรกของ Victoria คือการพยายามหนีให้พ้นกรงเล็บของพระมารดา และ Sir John Conroy คนสนิทของพระนาง คนหนึ่งต้องการตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน อีกคนก็ต้องการจะคั่วอำนาจในฐานะราชเลขานุการ (ในประวัติศาสตร์ Sir John Conroy เคยถึงกับบุกเข้าไปในห้องบรรทมสมัยเป็นเจ้าหญิงขณะที่ประชวรเพื่อบังคับให้เซ็นสัญญาแต่ตั้งเป็นว่าที่เลขานุการ แต่เจ้าหญิงก็ฝืนไว้ได้) การเลี้ยงดูแบบบีบบังคับ กดดัน และตัดขาด Victoria จากโลกภายนอกทำให้เด็กสาวรู้สึกแปลกแยกกับโลก อิสรภาพนั้นหนักอึ้งไม่แพ้โซ่ตรวน แต่ Victoria ก็ตั้งใจว่าจะไม่ตกอยู่ใต้อำนาจใคร ในขณะที่ท่านอา Duke of Cumberland ก็หมายตาบัลลังก์ของเธอทั้งๆที่ตัวเองได้เป็น King of Hanover (เพราะกฏมณเฑียรบาลของ Hanover ถือเอาแต่กษัตริย์ชาย)
Victoria ต้องต่อสู้กับการดูแคลนว่าเป็นแค่เด็กผู้หญิงที่ไม่เอาไหน เธอพยายามทำหน้าที่ของเธอแต่คนรอบตัวก็คอยแต่จะแซะ หรือจะบีบเธอไปในทางที่ต้องการ โดยเฉพาะเรื่องชีวิตส่วนตัวอย่างคู่ครอง แม้แต่พี่เลี้ยงที่เข้าข้างเธอตลอดก็พยายามบีบเธอให้เป็นไปตามที่วาดหวัง
(เจ้าหญิงอเล็กซานดริน่า วิคตอเรีย เมื่อทรงพระเยาว์กับเจ้า Dash)
นอกจากสุนัขที่รักคือ Dash พระราชินีสาวก็ไม่มีใครเลยที่พึ่งพาทางใจได้เลย กระทั่งได้พบกับ Lord Melbourne นายกรัฐมนตรีของพระนาง Lord Melbourne กลายเป็นทั้งที่ปรึกษาข้อราชการ การวางองค์ และจิตใจ เขามีทั้งสติปัญญา รูปโฉม และประสบการณ์การเมืองที่โชกโชน จึงเป็นพี่เลี้ยงให้แก่พระราชินีผู้อ่อนเยาว์ในช่วงแรกเริ่ม
(ตัวจริง กับ ในซีรีย์ หล่อสูสีๆ)
Queen Victoria พึ่งพา Lord Melbourne หรือที่ทรงเรียกว่า Lord M เสมอ โปรดให้เข้าเฝ้าบ่อยๆ ยามเย็นก็ร่วมโต๊ะเสวย จนคนเริ่มโพนทะนาว่า Lord M กำลังโปรยเสน่ห์หวังเด็ดดอกฟ้า เพราะในอดีต Lord M ก็เคยมีเรื่องอื้อฉาวกับสตรีทีั่สมรสแล้ว ( Lord Melbourne สนิทกับสุภาพสตรีชื่อ Lady Caroline Norton ที่เป็นนักเขียนและต่อสู้เรื่องสิทธิการเลี้ยงดูบุตร และสิทธิ์ในรายได้ที่หามาด้วยตัวเองของสตรี เนื่องจากเธอถูกสามีทารุณและยึดเอาทรัพย์สินเงินทองไปหมดสิ้น Lord Melbourne ที่ช่วยเหลือเธอก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นชู้ แม้จะพ้นข้อกล่าวหากันทั้งคู่แต่ก็เกือบล้มรัฐบาลเลยทีเดียว) Lord M แม้จะสูงวัยแต่ก็ยังรูปงามเพียบพร้อม แรกๆ Victoria ก็เห็นเขาเหมือนเป็นพ่อที่เธอไม่เคยมี แต่เมื่อนานวันเข้าเธอก็เริ่มหวั่นไหวและหลงใหลในความอ่อนโยน และน้ำใจของ Lord M จนกลายเป็นความรัก ส่วน Lord M ก็รักเธอเหมือนลูกสาว เพราะตัวเขานั้นเสียลูกๆไปตั้งแต่ยังเด็ก อีกทั้งภรรยาที่รักมากอย่าง Caroline Lamb ก็หนีตาม Lord Byron ไป (เป็นเรื่องอื้อฉาวอีกประการ Lord M ก็รักภรรยาจนนาทีสุดท้ายแม้เธอจะหลงใหล Lord Byron จนเสียสติก็ตาม) แต่เมื่อนานวันเข้าเขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่าตัวเองจะรู้สึกกับเด็กสาวอย่างไร แต่ในฐานะที่เป็นข้าแผ่นดินเขาก็รู้หน้าที่และฐานะตัวเองว่า ไม่เหมาะสมแม้แต่น้อย
แต่ Victoria ก็ยังโหยหาเขาให้เป็นเพื่อนคู่ใจ คอยมองหาเสมอ และ Lord M ก็คอยเตือนว่า "เก็บใจเอาไว้ให้ชายที่ใช่เถิด" ซึ่งเธอตอบว่า "ท่านได้ใจของฉันไปแล้ว"
วูบหนึ่งของ Victoria เธอคิดว่าในเมื่อไม่ได้สมรสกับชายที่พอใจก็สู้ครองตัวเป็นราชินีพรหมจรรย์ตามเยี่ยงอย่าง Queen Elizabeth ดีหรือไม่ ความคิดนี้มาจากบทสนทนากับ Lord M ว่า Queen Elizabeth I ทรงเหงาบ้างไหมที่ไร้คู่ ซึ่ง Lord M ตอบว่า "พระนางก็พอจะมี...เหล่าผู้รู้ใจ" ในงานเลี้ยงที่จัดต้อนรับ King Leopold ซึ่งเป็นน้าของเธอ Queen Victoria แต่งองค์เป็น Queen Elizabeth I ในขณะที่ Lord M แต่งเป็น Robert Dudley, Earl of Leicester ที่เป็น "คนรู้พระทัย" (จริงๆก็เป็นคู่หมาย คู่รักของพระนางตั้งแต่สาวแหละนะ) ดูเป็นการส่งสาส์นบางอย่างแก่พระนางว่า เขาอาจไม่สามารถเป็นพระสวามีได้ แต่ก็สามารถเป็น "ผู้รู้พระทัย" ได้ แต่ Lord M ก็ไม่ได้แสดงท่าทีประการใดมากไปกว่านั้น เพียงแต่เขาก็เฝ้าส่งดอกไม้สวยงามที่เลี้ยงไว้ที่เรือนกระจก Brocket Hall ซึ่งเป็นคฤหาสถ์ชนบทของตระกูล เดิมทีหลังภรรยาเสียชีวิต Lord M ก็ปิดตายเรือนกระจกนั้น ไม่ค่อยกลับไป แต่เมื่อ Queen Victoria โปรดดอกไม้ก็คอยให้ส่งดอกไม้สวยๆจากที่นั่นมาถวายเรื่อยๆ
ในขณะเดียวกัน ความพยายามที่จะบีบให้ Queen Victoria เร่งอภิเษกและมีรัชทายาทได้ดำเนินไปอย่างไม่เงียบแม้แต่น้อย มีชายหนุ่มสูงศักดิ์และรุ่นราวคราวเดียวกันดาหน้าเข้ามา ทั้งรัชทายาทแห่งจักรวรรดิรัสเซีย และเจ้าชายในราชวงศ์อังกฤษที่ถูกวางตัวเอาไว้ ฝ่ายข้างพระมารดาก็เลือกเอาเจ้าชายองค์รองไร้ความสำคัญอย่าง Albert มาเป็นตัวเต็ง ซึ่ง Victoria ก็ไม่โปรดสักคน โดยเฉพาะ Albert ที่เธอเห็นว่าน่าเบื่อเกินไป ตอนเจอกันครั้งสุดท้ายยังมาโงกหลับต่อหน้า เต้นรำหรือก็ไม่ยอมเต้น เคร่งเครียดขรึม พูดน้อย น่าเบื่อ น่ารำคาญ ส่วน Albert ก็ไม่ค่อยจะประทับใจ Victoria ตั้งแต่เมื่อก่อน แต่เพราะถูกทั้งครอบครัวบังคับก็ต้องมาอังกฤษเพื่อให้ทรงดูตัว
(เจ้าชาย Albert of Saxe-Coburg-Gotha)
Albert ที่เป็นคนขรึม หัวเคร่งครัด และ พูดน้อย แต่พูดตรง แบบฉบับเยอรมัน ก็ไม่ทำให้ Victoria ประทับใจเท่าไหร่ แถมเขายังเกร็งไปกับทุกอย่าง Albert มีบาดแผลทางใจในเรื่องแม่ เรื่องจากครอบครัวแตกแยกขั้นรุนแรง ผู้ที่ชักใยให้ทั้งสองได้ลงเอยกันคือ King Leopold ผู้ทะเยอทะยาน ต้องการให้ตระกูล Coburg ได้ลืมตาอ้าปากในยุโรป เมื่อครั้งเป็นเจ้าชาย Leopold เคยเกือบจะได้อยู่ในฐานะสวามีของสมเด็จพระราชินี เพราะเขาอภิเษกครั้งแรกกับเจ้าหญิง Charlotte ลูกพี่ลูกน้องของ Queen Victoria ที่สิ้นพระชนม์ขณะมีประสูติกาล (ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ Queen Victoria ได้เกิดมา เพราะพระบิดาคือ Duke of Kent ต้องรีบแต่งงานเพื่อมีทายาทสืบบัลลังก์ เพราะในขณะนั้นราชวงศ์ขาดทายาทอย่างมาก)
[ตามความเป็นจริง Victoria ประทับใจ Albert อย่างมาก และ King Leopold เป็นท่านน้าที่ทรงรักมากถึงกับตั้งนามพระโอรสตาม ทรงเป็นที่ปรึกษาที่ดีเสมอมา]
ตอนนี้ดูถึงฉากงานเลี้ยงที่ทั้งสองเต้นรำกัน Lord M เข้ามาจะขอเต้นรำกับ Queen Victoria ส่วน Albert ก็เอาแต่หลบมุมงุดโดนพี่ชายยุ ในจุดนี้ Albert ถึงจะรำคาญ Victoria แต่ก็รู้สึกถึงความเป็นเด็กสาวอ่อนไหวที่ซ่อนใต้เครื่องทรงราชินี และทั้งสองก็เริ่มรู้สึกว่าต่างเป็นคนที่ "ขาดความอบอุ่น"
ก่อนหน้าขณะเดินเล่นในสวน ทั้งสองได้ปะทะคารมกัน Albert บอกว่า Duchess of Kent เป็นแม่ที่รักลูกจริงๆ ซึ่งVictoria ก็เถียงว่า ไม่ใช่ พอตอกหน้า Albert เข้าไปว่าไม่รู้อะไรก็อย่ามาพูด Albert ก็ตอบอย่างนิ่งขรึมและหม่นหมองว่า "แต่กระหม่อมรู้ว่าการโตมาโดยขาดมารดาเป็นเช่นไร" ทำเอา Victoria อึ้งไป
ใจของ Albert ก็เริ่มหวั่นไหวกับหญิงสาวที่งดงาม เขาจึงกล้าพุ่งเข้าไปตัดหน้าขอเต้นรำ Victoria ก็เพิ่งรู้สึกถึงไออุ่นจากเขา (จุดนี้ยกป้ายไฟค่ะ) Albert ก็ยังมีความ awkward คือ ขี้อาย รู้สึกเกร็ง กลัว ทำอะไรไม่ถูก แต่ก็เต้นรำได้งดงาม
แล้ว Albert ก็เพิ่งรู้ตัวว่าก้มมองพระนางนิ่งนานไป เอ่ยขึ้นว่า "ขอทรงอภัย....." (ฮั่นแน่ มองหน่มน้มสินะ) "ดอกไม้ประดับอุระของพระองค์ ทำให้หม่อมฉันนึกถึงท่านแม่ ท่านจะประดับดอกไม้แบบนี้ที่เรือนผมตอนมาจุมพิตอำลาก่อนไปงานเลี้ยง" Queen Victoria จึงปลดดอกไม้ซึ่ง Lord M ได้ส่งมาให้ดังเคย ออกให้แก่ Albert "เช่นนั้นเธอก็รับไป เรามอบให้ เพื่อเธอจะระลึกถึงมารดา" แล้วประคองมือของเขาขึ้นมารับดอกไม้ขาวนั้น
ด้วยสายตาของชายที่ตกเป็นทาสรักโดยสมบูรณ์ที่ไม่อาจละจากดวงตาของหญิงสาวที่หมายปอง Albert กล่าวว่า "หม่อมฉันไม่มีที่เก็บดอกไม้นี้" แล้วหยิบมีดพกออกมา ดึงคอเสื้อออกแล้วเอามีดกรีดเสื้อตัวในเป็นช่อง "หม่อมฉันจักเก็บไว้ที่นี่...แนบดวงหฤทัย"
จุดนี้ดิฉันฟินตัวแตกคร้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
จุดอื่นๆของเรื่องนั้นก็จะมีความเป็นเป็นของคน "ใต้บันใด" หรือเหล่าข้ารับใช้ ที่พยายามเอาตัวรอด และหาทางได้ประโยชน์จากหน้าที่การงาน ที่น่าติดตามอีกอย่างคือ การเติบโตของ Albert ที่ต้องดิ้นรนอยู่ระหว่างการเป็นสวามีของราชินีนาถ ความเป็นพ่อ และตัวตนของเขาที่เป็น Albert ในสังคมที่ชายเป็นใหญ่ แต่เขาเป็นชายคนเดียวที่ต้องก้มหัวยอมภรรยาทุกประการ เขาจะยอมเพื่อรักได้หรือไม่? ขอไปดูตอนต่อๆไปก่อนนะเคอะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in