และถึงเวลาอันสมควรแล้วค่ะ นั่นก็คือ อาทิตย์แรกของการฝึกงานนั่นเอง โดยเริ่มจาก วันที่ 22 พ.ค. 66 เราจะไปเล่านิทานที่ชั้นอนุบาล 3/1 เราทั้งกังวล และตื่นเต้นสุดๆ หลังจากที่ไปถึงโรงเรียนแล้วคุณครูก็พาไปที่ห้องอนุบาล 3/1 คุณครูและพี่เลี้ยงบอกว่าให้ทำตัวตามสบาย แต่ว่าเรานั่งเป็นพระพุทธรูปเลยค่ะ นั่งนิ่ง ไม่พูดไม่จา ไม่หือไม่อือเลย5555555555 เด็กๆ ทยอยเข้าห้องมาพร้อมกับสายตาที่จับจ้องมาที่เรา (คงจะคิดว่าคนแปลกหน้านี่เป็นใครกันนะ) ยังไม่มีเด็กคนไหนกล้าเข้ามาเล่นหรือเข้ามาคุยกับเราค่ะ น้องจะแอบมองกัน พอยิ้มให้ก็รีบหันหน้าหนีทันที(น่ารักมาก) เมื่อถึงเวลาเข้าแถวก็พาเด็กๆ ไปเข้าแถวข้างล่างพร้อมกัน กิจกรรมในตอนเช้าของที่โรงเรียนจะมีเข้าแถวเคารพธงชาติ ไหว้พระ สวดมนต์ ออกกำลังกาย นั่งสมาธิพร้อมกับทำท่าทางประกอบเพลงดั่งดอกไม้บาน เนื่องจากเป็นอาทิตย์แรกๆ ของการเปิดเทอม เด็กบางคนก็ยังไม่ชินกับที่โรงเรียน โดยเฉพาะน้องอนุบาล 1 ที่ร้องไห้กันเป็นระนาวเลยค่ะ เสียงดังทั่วลานสีฟ้าที่เข้าแถวเลย เมื่อทำกิจกรรมตอนเช้าเสร็จ เด็กๆ จะขึ้นห้องเพื่อไปดื่มนมและเตรียมตัวเรียน โดยเราตกลงกับคุณครูว่าจะเล่านิทานทั้งหมดสองรอบ คือ ตอนเช้าก่อนเริ่มเรียนหนึ่งรอบและตอนบ่ายก่อนกลับบ้านอีกหนึ่งรอบ โดยตอนเช้าที่เล่านิทานบอกตามตรงเลยว่าเละค่ะ เราตื่นเต้นจนเล่าผิดเล่าถูกบ้าง ลิ้นพันบ้าง (อย่างว่าเป็นครั้งแรกก็จะผิดพลาดอยู่บ้างใช่ไหมคะ55555555555555) เด็กๆ ตั้งใจฟังนิทานมาก ถามอะไรก็ตอบได้ น่ารักที่สุด พอเล่านิทานเสร็จแล้วก็จะเป็นหน้าที่ของคุณครูประจำชั้นที่จะเริ่มสอนและให้เด็กทำงาน ในระหว่างที่เด็กทำงานก็มีเรื่องประหลาดใจสำหรับเรามากค่ะ เพราะเด็กบางคนสามารถเขียนชื่อจริงและนามสกุลตัวเองโดยไม่ต้องดูป้ายชื่อได้แล้ว (เราไม่รู้ว่าเป็นเรื่องปกติไหม แต่เป็นเรื่องที่ประหลาดใจสำหรับเรามาก) เมื่อทำงานเสร็จแล้วเด็กอนุบาลสามจะลงไปกินข้าวเที่ยงประมาณสิบเอ็ดโมง อาหารที่นี่อร่อยมากเลยค่ะ มีหวังเจริญอาหารทุกวันแน่ๆ เลย เด็กน้อยกินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย แถมยังมีผลไม้อีกด้วย บางวันก็จะมีผู้ใหญ่ใจดีมาเลี้ยงขนมนมเนยด้วยแหละ พอกินข้าวเสร็จเด็กจะต้องแปรงฟัน เข้าห้องน้ำ และเตรียมตัวขึ้นนอน หลังจากตื่นนอนแล้วเด็กจะเตรียมตัวกลับบ้าน โดยจะพาลงไปรอผู้ปกครองตั้งแต่เวลาประมาณบ่ายสามโมง นี่แหละค่ะเป็นหนึ่งวันของเด็กๆ ที่โรงเรียน และที่โรงเรียนเด็กจะจำสัตว์ประจำห้องกันมากกว่า เช่น อ.3/1 ห้องลูกกวาง, อ.3/2 ห้องลูกแมว, อ.3/3 ห้องลูกนก, อ.3/4 ห้องลูกปลา ถัดมาเป็นเด็ก อ.2/1 ห้องลูกกระต่าย, อ.2/2 ห้องลูกเป็ด, อ.2/3 ห้องลูกช้าง, อ.2/4 ห้องลูกกบ, อ.1/1 ห้องลูกปู, อ.1/2 ห้องลูกมด, อ.1/3 ห้องลูกเสือ, อ.1/4 ห้องลูกหมู ช่วงแรกเรายังจำไม่ได้ค่ะว่าห้องไหนเป็นลูกอะไร ต้องคอยดูป้ายหน้าห้องตลอดเลย แถมเราเคยลักพาตัวเด็กด้วยนะคะ5555555555555555 เรื่องมีอยู่ว่าตอนนั้นเราอยู่ อ.2/3 เป็นช่วงหลังตื่นนอน แล้วพาเด็กๆ ไปล้างหน้า พอขึ้นห้องมาครูประจำชั้นก็ทักว่ามีเด็กอนุบาล 1 หลงมาด้วย เด็กคนนั้นเราเป็นคนจูงมือมาที่แถวเองเลยด้วย ครูประจำชั้นหัวเราะใหญ่เลย
และหลังจากที่ได้ฝึกงานมาแล้วสองอาทิตย์ ที่โรงเรียนเราได้เจอเด็กหลายแบบเลยค่ะ ไม่ว่าจะเด็กที่มาจากประเทศอื่น เช่น ประเทศพม่า ฟิลิปปินส์ เนปาล อินโดนีเซีย หรือลูกครึ่งญี่ปุ่น เป็นต้น คุณครูพี่เลี้ยงของเราเป็นครูประจำชั้น อ.2/2 และเป็นครูวิชาการด้วยค่ะ ช่วงที่ฝึกงานแรกๆ เราใช้เวลาปรับตัวเกือบสองอาทิตย์เลย เพราะว่าเป็นการเจอกันครั้งแรกทั้งของเรากับเด็ก กับคุณครู และกับพี่เลี้ยง เราเป็นคนประเภทที่ถ้าไม่สนิทหรือเพิ่งเจอกันเราจะไม่ค่อยพูด เงียบเป็นเป่าสากเลยทีเดียว แต่ถ้าได้พูดคุยกันแล้ว เราคิดว่าเราเป็นคนที่คุยเก่งในระดับนึง (เพื่อนๆ มักจะบอกว่าเราเป็นคนพูดมากแหละ5555555555) ในสองอาทิตย์แรกเราจะได้เจอกับเด็กอนุบาลสามและอนุบาลสองค่ะ พี่อนุบาลสามแต่ละห้องจะมีจำนวนเด็กไม่ค่อยเยอะ เยอะสุดประมาณ 25 คน แต่ว่าน้องอนุบาลสองจะมีจำนวนเด็กเยอะกว่า ห้องที่เยอะสุดประมาณ 34 คนเลย เวลานอนก็จะแออัดนิดนึง ที่โรงเรียนจะแบ่งเวลาอาหารกลางวัน 3 เวลา คือ อนุบาล 1 กินข้าวเที่ยงตอน 10:00 น. อนุบาล 2 กินข้าวเที่ยงตอน 10:30 น. และอนุบาล 3 กินข้าวเที่ยงตอน 11:00 น. และที่โรงเรียนมีนักศึกษาฝึกสอนจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงด้วยค่ะ ทั้งหมด 7 คน ประจำอนุบาล 1 จำนวน 4 คน และอนุบาล 2 อีก 3 คน โดยจะประจำห้องที่มีเด็กเยอะ คือ อ.2/2 - อ.2/4 ค่ะ ช่วงแรกที่เจอเด็กอนุบาลสองและอนุบาลสาม เราตาลายเลยค่ะ เนื่องจากเราต้องวนและเจอเด็กทุกห้อง จำหน้าเด็กไม่ได้เลยค่ะ เรียกถูกเรียกผิดไปหมด และด้วยความที่โรงเรียนมีเด็กหลายแบบ เราเลยต้องรีบปรับตัวให้ได้ อย่างเด็กพม่าบางคนพูดไทยได้ บางคนฟังไทยออก บางคนพูดไทยไม่ได้ฟังไม่ออกก็มีค่ะ บางทีเจอเด็กที่ไม่พูดก็มีค่ะ ฟังไทยออก แต่เขาไม่ยอมพูดเอง เราถามคุณครูว่าทำไมเด็กไม่ยอมพูด ครูตอบว่า บางคนก็เขิน บางคนก็ไม่ชินกับที่โรงเรียน เพราะว่าเด็กบางคนเป็นเด็กที่เคยไปโรงเรียนหรือเรียนมาตั้งแต่อนุบาล 1 แล้ว และเด็กบางคนก็ยังไม่เคยไปโรงเรียนมาก่อน แต่ว่าอายุถึงเกณฑ์ที่กำหนดไว้เลยได้ข้ามมาอยู่อนุบาล 2 และ 3 เลยก็มีค่ะ บางทีเจอเด็กพม่าที่น้องพูดแต่ภาษาอังกฤษยังมีเลยค่ะ งานนี้ปาดเหงื่อวันละหลายๆ รอบเลยค่ะ
บรรยากาศตอนที่เราไปเล่านิทานที่ห้อง อ.2/4 ครั้งแรกค่ะ เด็กๆ ตั้งใจฟังมาก ถามอะไรตอบได้หมดเลย ห้องนี้เด็กเยอะมากกกกกกก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in