เพื่อให้ได้ทรงจมูกที่เรียวสวยดูหวานละมุน เสริมใบหน้าให้มีมิติและโดดเด่นยิ่งกว่าใครๆ นอกจากจะต้องเลือกทรงจมูกที่สวยรับกับรูปหน้าแล้วนั้น การเลือกวิธีเสริมจมูกก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกันปัจจุบันเทคนิคการผ่าตัดเสริมจมูกมีให้เลือกด้วยกัน 2 วิธีคือ การเสริมจมูกแบบปิด(Close Rhinoplasty) และการเสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty) การเสริมจมกแบบปิดและแบบโอเพ่นแตกต่างกันอย่างไร แบบไหนดีกว่ากันควรเลือกเสริมจมูกแบบไหนดี? มาดูคำตอบในบทความนี้กันได้เลย
การเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty)
เทคนิคการเสริมจมูกแบบปิด เป็นวิธีการเสริมจมูกที่ใช้ในวงการศัลยกรรมจมูกมาอย่างยาวนานวิธีนี้แพทย์จะทำการกรีดแผลที่มีขนาดเล็กภายในจมูก ซึ่งอาจจะกรีดเพียง 1 ข้างหรือกรีดทั้ง 2 ข้างตามความเหมาะสมในแต่ละเคสจากนั้นทำการเสริมจมูกด้วยการดแท่งซิลิโคนที่ได้เหลาตกแต่งทรงไว้แล้วเข้าไปทางรอยแผลที่กรีดไว้ซึ่งวิธีนี้สามารถเสริมซิลิโคนได้ตั้งแต่ช่วงสันจมูกถึงปลายจมูก
ข้อดี-ข้อเสีย การเสริมจมูกแบบปิด
ข้อดี
- สังเกตเห็นรอยแผลได้ยาก เพราะเป็นการกรีดด้านในของจมูก
- ไม่ต้องดมยาสลบ ใช้เวลาในการผ่าตัดเพียง 60-90 นาที
- แผลบวมน้อย ใช้เวลาในการพักฟื้นไม่นาน
- ค่าใช้จ่ายในการรักษาไม่แพง
ข้อเสีย
- วิธีนี้แพทย์จะไม่เห็นโครงสร้างภายในจมูก ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจมูกที่มีความซับซ้อนได้ เช่น จมูกสั้น จมูกเบี้ยวหรือเอียง จมูกงุ้ม ฯลฯ
- ไม่สามารถเสริมจมูกให้ดูโด่ง หรือทำให้ปลายดูเชิดสูงมากๆ ได้
- หากเสริมเกินกว่าเนื้อจมูกจะรับไหว หรือแพทย์ไม่มีความชำนาญ มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาจมูกทะลุ จมูกเอียงหรือเบี้ยวในอนาคต
การเสริมจมูกแบบปิดเหมาะกับใคร
เพราะเป็นการเสริมจมูกด้วยการกรีดเพื่อเปิดแผลเล็กๆ จากด้านในจมูก ทำให้แพทย์ไม่สามารถมองเห็นโครงสร้างโดยรวมของจมูก การเสริมจมูกแบบปิดจึงเหมาะกับคนที่จมูกมีปัญหาน้อย ไม่ซับซ้อนฐานจมูกเดิมดีอยู่แล้ว สันโด่ง มีเนื้อปลายจมูกค่อนข้างเยอะ แต่อยากเพิ่มความสูงของจมูก หรือยืดปลายจมูกให้ดูยาวขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
การเสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty)
การทำจมูกเทคนิคโอเพ่น เป็นการผ่าตัดเพื่อเปิดโครงสร้างของจมูกทั้งหมด นิยมใช้เพื่อการแก้จมูก โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดเพื่อเปิดแผลตั้งแต่ปีกจมูกซ้าย ไปจนถึงบริเวณปีกจมูกขวา ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้แพทย์มองเห็นโครงสร้างและปัญหาที่ต้องแก้ไขภายในจมูกได้อย่างชัดเจน เมื่อผ่าตัดเปิดแผลเรียบร้อยแล้วแพทย์จะทำการรักษาเพื่อแก้ไขปัญหาของจมูกอย่างตรงจุด เช่น เสริมจมูกและปลายจมูกให้ยาวมากขึ้นด้วยการใช้กระดูกอ่อนหลังใบหู กระดูกอ่อนซี่โครง เป็นต้น ในเคสที่จมูกมีฮัมพ์สูง แพทย์ก็จะทำการตะไบฮัมพ์ หรืออย่างในเคสที่มีปัญหาจมูกเอียง จมูกเบี้ยว แพทย์ก็จะทำการตอกฐานจมูก หรือผ่าตัดแก้ไขผนังกั้นจมูกเพื่อปรับให้จมูกดูตรงสวยมากยิ่งขึ้น
ข้อดี-ข้อเสีย การเสริมจมูกแบบโอเพ่น
ข้อดี
- เหมาะกับการแก้ไขปัญหาจมูกที่มีความซับซ้อน เช่น จมูกสั้น จมูกเอียงหรือเบี้ยว จมูกมีฮัมพ์ จมูกทะลุ รวมจนถึงในเคสของการแก้ทรงจมูกหลังการเสริมจมูก
- สามารถเสริมจมูกให้ดูสูงโด่ง และมีปลายเชิดมากๆ ได้
- ช่วยลดโอกาสการเกิดปัญหาจมูกเอียง จมูกเบี้ยว ซิลิโคนลอยและปัญหาจมุกทะลุในอนาคต
ข้อเสีย
- สังเกตเห็นรอยแผลได้ง่ายกว่า เพราะเป็นการกรีดแผลด้านนอกจมูก
- อาจมีอาการบวม หรือรอยเชียวช้ำเกิดขึ้นได้ใช้เวลาในการพักฟื้นประมาณ 7-14 วัน
- ค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูง
การเสริมจมูกแบบโอเพ่นเหมาะกับใคร?
เทคนิคเสริมจมูกแบบโอเพ่นเป็นการเสริมจมูกที่แพทย์สามารถเห็นโครงสร้างภายในจมูกได้ทั้งหมด จึงเหมาะกับการเสริมจมูกทุกเคส ไม่ว่าจะเป็นเคสเสริมจมูกใหม่ หรือเคสแก้ทรงจมูกเหมาะกับคนที่มีปัญหาจมูกสั้น จมูกเอียงหรือเบี้ยว ปลายจมูกงุ้มผู้ที่มีเนื้อจมูกน้อยก็สามารถใช้วิธีการเสริมจมูกแบบโอเพ่นได้
ความแตกต่างระหว่างการเสริมจมูกแบบปิดและแบบโอเพ่น
จากข้อมูลที่ได้กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดสามารถสรุปความแตกต่างของการเสริมจมูกแบบปิดธรรมดา และการเสริมจมูกแบบโอเพ่น ได้ดังนี้
- การเสริมจมูกแบบโอเพ่นช่วยแก้ไขปัญหาทรงจมูกได้ครอบคลุมมากกว่าแพทย์สามารถวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาจมูกได้ละเอียดกว่าการเสริมแบบปิดใช้ได้กับทุกเคสไม่ว่าจะเป็นเคสใหม่ หรือเคสแก้ทรงจมูกเดิม
- การเสริมจมูกแบบโอเพ่นจะช่วยเสริมทรงจมูกให้โด่งขึ้นและเพิ่มปลายให้เชิดได้มากกว่าการเสริมแบบปิด
- การเสริมจมูกแบบปิดใช้เวลาในการรักษาและการพักฟื้นน้อยกว่าการเสริมแบบโอเพ่น
- การเสริมจมูกแบบปิดมีค่ารักษาน้อยกว่าการเสริมแบบโอเพ่น
- การเสริมจมูกแบบโอเพ่นจะช่วยลดโอกาสการเกิดปัญหาหลังการเสริมจมูกได้ดีกว่าเช่น จมูกเอียง จมูกเบี้ยว ซิลิโคนลอย หรือซิลิโคนทะลุ
ควรเลือกเสริมจมูกด้วยวิธีไหนดี?
การตัดสินใจเลือกว่าจะเสริมจมูกด้วยวิธีแบบปิดหรือแบบโอเพ่น หรือจะแก้จมูกที่ไหนดีนั้น ขึ้นอยู่กับโครงสร้างเดิม และปัญหาของจมูกของในแต่ละเคส หากมีปัญหาจมูกไม่เยอะ ฐานจมูกเดิมของคนไข้ดีอยู่แล้วก็อาจจะใช้การผ่าตัดแบบปิดเพื่อปรับเสริมจมูกให้ดูดีมากขึ้น หรือในเคสที่มีปัญหาจมูกค่อนข้างเยอะ คนไข้มีเนื้อจมูกค่อนข้างน้อยแบบนี้ก็จะเหมาะกับการเสริมจมูกแบบโอเพ่นมากกว่า ทั้งนี้แพทย์ผู้ทำการรักษาจะเป็นผู้ประเมินสภาพปัญหาจมูกร่วมกับความต้องการของคนไข้ และเลือกใช้วิธีการเสริมจมูกที่เหมาะสมมากที่สุด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in