You’re On Your Own, Kid เป็น track 5 ในอัลบั้ม Midnight ของเทย์เลอร์ และเป็นหนึ่งในเพลงที่เราชอบมากที่สุด (track 5 always hit me hard TTTT) เราคิดว่าเพลงนี้เทย์พูดถึงตั้งแต่สมัยตอนยังอยู่ที่เพนซิลเวเนีย นั่นก็คือตอนที่เธอยังเป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่ตกหลุมรักเพื่อนผู้ชาย และแต่งเพลงในห้อง ก่อนสุดท้ายจะย้ายเมืองไปตามความฝันการเป็นนักร้องจนสุดท้ายต้องสูญเสียตัวตนตัวเองไป you're on your own ก็เป็น speech ที่เทย์พูดที่ NYU ที่พูดถึงตัวเองตอนผ่านช่วงเวลาที่โดนถล่ม โดนหักหลัง การสูญเสียเพื่อน สูญเสียตัวตนเพื่อสุดท้ายได้รู้ว่ามีแต่ตัวเราเองเท่านั้นที่ยังอยู่กับเรา
อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่เทย์พูดถึง insecurity, low self-esteem เยอะมาก ๆ และก็รู้สึกว่าเป็นบั้มที่โตขึ้นมากกกกจากเมื่อก่อน ไม่ได้พรรณนาถึงความรัก การอกหัก ความรู้สึกที่แตกสลายเท่าบั้มที่ผ่านมา ๆ แต่เป็นการหวนนึกถึงทุกสิ่งที่ผ่านมา การยอมรับสิ่งที่ผ่านไปแล้วและเดินหน้าต่อไปอย่างแข็งแกร่งกว่าเดิม เพราะตอนนี้เราได้พบสิ่งที่สำคัญกับตัวเราแล้วจริง ๆ
ปล. รูปปกมาจากภาพยนตร์เรื่อง Lady Bird (2017) ซึ่งเราคิดว่าหนังเรื่องนี้เหมือนกับเพลงนี้มาก you're on your own kids, you always have been T___T
Summer went away, still, the yearning stays
I play it cool with the best of them
I wait patiently, he's gonna notice me
It's okay, we're the best of friends
Anyway
ฤดูร้อนผ่านพ้นไปแล้ว ทว่าความโหยหายังคงอยู่
ฉันแกล้งทำตัวเฉย ๆ เหมือนกับพวกเขา
ฉันเฝ้ารออย่างใจเย็น เขาจะต้องสังเกตเห็นฉันแน่นอน
ไม่เป็นไรหรอก ก็เราเป็นเพื่อนสนิทกันนี่นา
ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
I hear it in your voice, you're smoking with your boys
I touch my phone as if it's your face
I didn't choose this town, I dream of getting out
There's just one who could make me stay
All my days
ฉันยังได้ยินจากเสียงของเธอ เธอกำลังสูบบุหรี่อยู่กับเพื่อน ๆ ของเธอ
ฉันแตะโทรศัพท์ของฉันราวกับได้สัมผัสใบหน้าของเธอ
ฉันไม่ได้เลือกที่จะอยู่เมืองนี้ และฝันที่จะหนีออกไป
แต่ก็มีอยู่คนหนึ่งที่รั้งให้ฉันยังคงอยู่ที่นี่
อยู่ได้ตลอดทั้งวันเลยล่ะ
From sprinkler splashes to fireplace ashes
I waited ages to see you there
I search the party of better bodies
Just to learn that you never cared
You're on your own, kid
You always have been
จากสปริงเกอร์ที่สาดละอองน้ำ สู่เถ้าธุลีจากเตาผิง
ฉันรอคอยมาเนิ่นนานเพื่อที่จะได้เจอเธอที่นั่น
ฉันตามหางานเลี้ยงของผู้คนที่หุ่นดี
เพื่อได้รู้ว่าเธอไม่เคยสนใจฉันเลย
เธออยู่ตัวคนเดียว เด็กน้อย
และมันก็เป็นเช่นนั้นมาตลอด
- From sprinkler splashes to fireplace ashes อาจหมายถึงการเปลี่ยนผ่านฤดู สปริงเกอร์มักถูกใช้ในฤดูร้อน ในขณะที่เตาผิงใช้ในฤดูหนาว ซึ่งอาจหมายถึงจุดเริ่มต้นในวัยเยาว์ จนถึงจุดจบก็คือตอนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วนั่นเอง
- better bodies อาจพูดถึงสมัยก่อนที่เทย์ต้องพยายามปรับตัวเข้ากับวงการบันเทิงที่วิพากษ์วิจารณ์รูปร่างหน้าตาผู้หญิงกับความสามารถด้านดนตรี
I see the great escape, so long, Daisy Mae
I picked the petals, he loves me not
Something different bloomed, writing in my room
I play my songs in the parking lot
I'll run away
ฉันเห็นทางออกไปจากที่นี่แล้ว ลาก่อนนะ เดซี่เม
ฉันเด็ดกลีบดอกไม้เสี่ยงดวง และก็ได้รู้ว่าเขาไม่ได้รักฉัน
แต่บางสิ่งที่ต่างออกไปกลับบานสะพรั่ง ฉันแต่งเพลงในห้อง
และเปิดเพลงของฉันในลานจอดรถ
ฉันจะหนีไปจากที่นี่
- the great escape การหนีไปจากบางสิ่งที่กักขังเราไว้
- Daisy Mae เป็นตัวละครหนึ่งในคอมิค Li'l Abner และเกม Animal Crossing แต่ก็ยังไม่ชัดว่าเทย์หมายถึงใครกันแน่ ทั้งนี้เราคิดว่าเทย์อาจจะหมายถึงการบอกลาตัวตนตัวเองในอดีตที่ยังเป็นสาวน้อยใสซื่อและยังเยาว์วัยมาตามหาความฝัน ซึ่ง From sprinkler splashes to fireplace ashes ก็อาจจะหมายถึงการย้ายเมืองจนสุดท้ายมาอยู่ที่นิวยอร์ก / LA ที่มีเตาผิง
- picked the petals, he loves me not เกมเสี่ยงดวงเด็ดกลีบดอกไม้ว่า he loves me (เขารัก), he loves me not (หรือไม่รักฉัน) ซึ่งเทย์ก็ได้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นที่ทำให้เทย์ยังอยู่ในเมืองนี้ไม่ได้รักเธอตอบ เธอเลยตัดสินใจหนีไปจากที่นี่ได้สำเร็จ
From sprinkler splashes to fireplace ashes
I called a taxi to take me there
I search the party of better bodies
Just to learn that my dreams aren't rare
You're on your own, kid
You always have been
จากสปริงเกอร์ที่สาดละอองน้ำ สู่เถ้าธุลีจากเตาผิง
ฉันโบกแท็กซี่เพื่อพาฉันไปที่นั่น
ฉันตามหางานเลี้ยงของผู้คนที่หุ่นดี
เพื่อได้รู้ว่าความฝันของฉันไม่ได้พิเศษขนาดนั้น
เด็กน้อยเอ๋ย เหลือเพียงแต่ตัวเธอเองเท่านั้น
และมันก็เป็นเช่นนั้นมาตลอด
From sprinkler splashes to fireplace ashes
I gave my blood, sweat, and tears for this
I hosted parties and starved my body
Like I'd be saved by a perfect kiss
The jokes weren't funny, I took the money
My friends from home don't know what to say
I looked around in a blood-soaked gown
And I saw something they can't take away
'Cause there were pages turned with the bridges burned
Everything you lose is a step you take
So, make the friendship bracelets, take the moment and taste it
You've got no reason to be afraid
จากสปริงเกอร์ที่สาดละอองน้ำ สู่เถ้าธุลีจากเตาผิง
ฉันอุทิศเลือดเนืื้อ หยาดเหงื่อ และน้ำตาให้กับสิ่งนี้
ฉันจัดปาร์ตี้ และยอมอดอาหาร
ราวกับว่าจูบอันแสนเพอร์เฟ็คจะช่วยให้ฉันรอดตายได้
มุกของฉันไม่ตลกเลย แต่ฉันก็ยอมเพื่อเงินเหล่านั้น
เพื่อน ๆ จากบ้านเกิดของฉันไม่รู้จะพูดอะไรถึงตัวฉันดี
ฉันมองไปรอบกายในชุดราตรีที่ชุ่มเลือด
และฉันก็เห็นบางสิ่งที่พวกเขาเอาไปจากฉันไม่ได้
เพราะบทใหม่ของชีวิตได้เริ่มขึ้นแล้วพร้อมกับสะพานรักที่มอดไหม้
ทุกสิ่งที่เธอเสียไปก็คือก้าวต่อไปที่เธอต้องเดินหน้า
เพราะงั้นทำสร้อยข้อมือมิตรภาพ และดื่มด่ำกับช่วงเวลาเหล่านั้นเถอะ
ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอต้องกลัว
- starved my body เทย์เคยพูดเรื่องตัวเองอดอาหารใน Miss Americana เพราะเสียงวิพากษ์วิจารณ์
- The jokes weren't funny, I took the money เทย์เคยเขียนเรื่องมุกใน all too well (10 minute version) 'And I was never good at telling jokes' ว่าตัวเองเล่นมุกไม่เก่ง ดังนั้นอาจหมายถึงว่าที่ผ่านมาเธอยอมทำในสิ่งที่เธอไม่ได้อยากทำ ทั้งอดอาหาร เล่นมุก ปั้นหน้ายิ้ม เฮฮาก็เพื่อที่จะได้เงินและชื่อเสียง
- My friends from home don't know what to say อาจหมายถึงเพื่อนสมัยเด็กของเทย์ไม่รู้แล้วว่าตอนนี้เทย์เป็นคนยังไงเพราะตอนนี้เทย์กลายเป็นคนมีชื่อเสียง
You're on your own, kid
Yeah, you can face this
You're on your own, kid
You always have been
มีแต่ตัวเธอเองที่พึ่งได้เท่านั้น เด็กน้อย
ใช่ เธอเผชิญกับมันได้อยู่แล้ว
มีแต่ตัวเธอเองเท่านั้น
และมันก็เป็นเช่นนั้นมาตลอด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in