21 - 25
สัปดาห์นี้เปิดมาด้วยการได้ขึ้นไปช่วยงานถ่ายพอดแคสต์ของห้องสมุด
วันอังคารเราได้ขึ้นไปดูและไปช่วยการจัดเตรียมสถานที่และฉากในการถ่ายทำ ตอนแรกโต๊ะที่มีอยู่ในห้องเป็นโต๊ะและเก้าอี้ที่ใช้ในประชุม ซึ่งถ่ายออกมาแล้วจะดูเหมือนการสัมภาษณ์ที่จริงจังมากเกินไป ทำให้ต้องนำโต๊ะและเก้าอี้จากห้องสมุดขึ้นมาเปลี่ยนแทน เป็นโต๊ะกลมและเก้าอี้มน ๆ ให้บรรยากาศดูเป็นการนั่งคุยสบาย ๆ มากขึ้นกว่าเดิม จากนั้นก็ไปช่วยนั่งเป็นแบบให้กับพี่ตากล้องเพื่อเช็คแสงและอุปกรณ์ในการอัดเสียง แม้จะดูเป็นการจัดเตรียมที่ไม่มีอะไรมากแต่ก็ใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจากการถ่ายพอดแคสต์จะเชิญพิธีกรและนักเขียนจากข้างนอกเข้ามา ทำให้การเตรียมงานต้องเช็คทุกอย่างให้เข้าที่มากที่สุด ซึ่งการเตรียมงานในครั้งนี้ก็มีอุปสรรคเป็นแบตเตอรี่ของกล้อง(ที่เสื่อมหมดทุกอัน) ทำให้ตัดสินใจกันอยู่นานว่าจะทำอย่างไรดี เพราะการถ่ายทำต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง หากแบ่งเป็นช่วง ๆ ก็อาจจะทำให้ตัดต่อออกมาไม่ไหลลื่นเท่าไหร่ และถ้าหากแบตเตอรี่ของกล้องหมดขณะถ่ายอยู่อาจจะทำให้การถ่ายสะดุดได้
สุดท้ายจึงได้ข้อสรุปว่าต้องเปลี่ยนไปใช้กล้องเก่าที่เป็นกล้องเสียบปลั๊กแทน เพราะแบตเตอรี่คงไม่ไหว
วันพุธ ถ่ายทำจริง
วันนี้เป็นวันที่ถ่ายทำจริง ๆ ซึ่งต้องขึ้นไปที่ห้องในเวลา 13.30 น. เพื่อเช็คความเรียบร้อยอีกคร้้ง ช่วยพี่ผึ้งจัดเตรียมของต่าง ๆ และลงไปซื้อกาแฟเพื่อนำมาเตรียมให้กับคุณพิธีกรและคุณนักเขียน แต่ในขณะถ่ายทำเราไม่ได้นั่งดูอยู่ข้างในT-T เนื่องจากได้รับหน้าที่เฝ้าหน้าห้อง เพราะเกรงว่าจะมีคนมาเคาะหรือมาเปิดประตูห้อง ใช้เวลาไม่นานก็ได้กลับเข้าไปในห้องอีกครั้งเพื่อไปพูดคุยและร่วมถ่ายรูปกับทุกคน จากนั้นก็เก็บของกลับห้องสมุด
เรามาที่หอศิลป์อีกครั้งในวันเสาร์ เนื่องจากในสัปดาห์นี้มีการจัดกิจกรรม kid’s calendar ขึ้นอีกครั้ง รอบนี้เป็นกิจกรรมเล่านิทานเรื่อง สามสหายพิทักษ์โลก และประดิษฐ์พวงกุญแจลูกปัดอัดร้อน
ก่อนจะถึงเวลากิจกรรมเราก็เตรียมกระดาษและดินสอสีไปวางไว้ตามโต๊ะเพื่อให้เด็ก ๆ ใช้ระหว่างรอกิจกรรม
ใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการเหลาดินสอสีทั้งหมด!
จากนั้นไปประจำที่จุดลงทะเบียน คอยต้อนรับและตอบคำถามต่าง ๆ ให้ผู้ปกครองที่พาเด็ก ๆ มาร่วมกิจกรรม พอถึงเวลาเริ่มกิจกรรมก็ได้รับหน้าที่เป็นพิธีกรร่วมกับพี่ผึ้ง หลังจากนั้นเป็นหน้าที่ของพี่ ๆ ผู้เล่านิทาน ซึ่งก่อนเล่ามีกิจกรรมเล็กน้อย ซึ่งทำให้ได้เห็นว่าพี่ ๆ ที่ทำงานในด้านนี้จริง ๆ เขามีการทำงานกันยังไง เริ่มกิจกรรมแบบไหน พูดหรือเล่นแบบไหนให้เด็ก ๆ ที่มาเข้าร่วมกิจกรรมรู้สึกสนุกสนานและกล้าที่จะพูดหรือตอบคำถามต่าง ๆ
ช่วงเวลาของนิทาน
นิทานในครั้งนี้จะเป็นการใช้คนแสดงจริง ๆ โดยพี่ ๆ จะใส่ชุดสัตว์ เต้นและแสดงประกอบเสียง ในขณะแสดงก็มีทั้งช่วงที่เป็นบทสนทนา ช่วงเต้นและร้องเพลง มีการใช้อุปกรณ์ประกอบฉากที่เป็นของจริงเพื่อดึงดูความสนใจของเด็ก ๆ เช่น พลุ เต๊นท์ กระถางต้นไม้ ระหว่างการแสดง พี่ ๆ ที่ใส่ชุดสัตว์ก็มีการเดินเข้ามาแปะมือกับเด็ก ๆ ซึ่งเด็ก ๆ ชอบมาก ๆ
หลังจากนิทานจบมีการตอบคำถามแจกรางวัล ซึ่งเด็ก ๆ ที่มาร่วมกิจกรรมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อาจจะเป็นเพราะว่าในครั้งนี้มีผู้ปกครองนั่งอยู่ด้วย เมื่อเทียบกับกิจกรรมรอบที่แล้วที่ให้เด็ก ๆ นั่งอยู่ที่โต๊ะคนเดียว (เนื่องจากมาตรการโควิด-19)
และแล้วช่วงเวลาโปรดของเด็ก ๆ ก็มาถึง!
กิจกรรมการประดิษฐ์ถือว่าเป็นช่วงที่เด็ก ๆ รอคอยมาก หลังจากพี่ ๆ แจกอุปกรณ์และอธิบายวิธีการทำ ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบสงบ เพราะทุกคนตั้งหน้าตั้งตาลงมือทำชิ้นงานของตัวเอง
กิจกรรมครั้งนี้ถือว่าใช้สมาธิและทักษะของมือพอสมควร เพราะต้องคีบลูกปัดเล็ก ๆ ไปเรียงกันบนแผ่นพลาสติกให้เป็นภาพต่าง ๆ ตามที่ต้องการ จากนั้นต้องถือไปให้พี่ ๆ ใช้เตารีดรีดชิ้นงานและใส่พวงกุญแจให้ พอเด็ก ๆ ทำชิ้นแรกเสร็จสมบูรณ์ก็จะเริ่มทำชิ้นต่อไปไม่หยุด เป็นภาพที่น่ารักมาก ๆ T-T สุดท้ายก็ได้พวงกุญแจกลับบ้านไปคนละสองสามชิ้นเลย
หลังจากกิจกรรมจบลง เราช่วยกันกับพี่ผึ้ง เก็บของต่าง ๆ และกลับไปที่ห้องสมุด
แต่ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เรายังมีงานอีกชิ้นที่ตัองทำก่อนที่จะทำคลิป DIY นั่นก็คือการทำโปสเตอร์เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมเล่านิทานใน kid’s corner ที่เราจะมาประจำอยู่ในวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in