เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
จะอย่างไร...เจ็บร้าวคงไม่ต่างกันดาญา
แค่รอยฝัน A broken dreams
  •  ฝนเริ่มลงสายแล้ว เธอกดปุ่มที่ปัดนำ้ฝนสองสามทีก่อนที่จะปิดมันลง การจราจรบางตาไปมากแม้ในตอนกลางดึกของวันสุดท้ายแห่งปีเช่นนี้ ทว่าความกังวลของเธอกลับก่อตัวมากขึ้นทุกขณะ เขากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเบาะรถ สายตาที่จ้องจับผิดอยู่ทุกวินาทีนั้นทำให้เธอหายใจไม่ทั่วท้อง เธอขับรถพาเขาที่เมาเปรอะจากการสังสรรค์ในคืนส่งท้ายปีเก่ากลับบ้าน เธอไม่แน่ใจนักว่าเธอทำอะไรไม่ถูกใจเขาหรือพูดอะไรผิดหูเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาจึงตั้งตัวเป็นศัตรูและจับผิดเธอทุกการกระทำ

    "ทำไมไม่เปิดที่นำ้ฝนค้างไว้ แล้วเธอจะเห็นถนนได้ยังไง" เขาพูดตำหนิ
    เธอรีบกดเปิดที่ปัดนำ้ฝนเร็วรี่ด้วยความระวังตัว

    " จะคลานตามคันข้างหน้าไปทำไม แซงไปสิ แล้วเมื่อไหร่จะถึง"  อีกนาทีหนึ่งเขาเริ่มเสียงดัง
    เธอรีบเปลี่ยนเลนเพื่อแซงรถคันหน้า

    "นี่เธอไม่เห็นรถมอเตอร์ไซด์ข้างหลังใช่ไหม ทำไมไม่หันไม่มองก่อน เกือบฆ่าคนตายแล้วไหมล่ะ"เขาสำราก
    มือที่จับพวงมาลัยแน่นเริ่มชุ่มเหงื่อด้วยความกดดัน เธอมองกระจกด้านหน้าคนขับทุกๆหนึ่งหรือสองนาทีเพื่อไม่ให้คลาดสายตาจากพาหนะใดๆอีก เขายืดตัวตรง แล้วเสียงผรุสวาทนั้นก็ดังมากขึ้นเรื่อยๆ

    " ต้องให้ฉันบอกอีกสักกี่ครั้งกัน นี่มันเป็นสิ่งสามัญที่สุดที่คนควรจะมี เป็นสิ่งพื้นฐานที่ไม่ว่าใครจะโง่แค่ไหนก็ควรรู้ แต่ทำไมเธอถึงไม่รู้ ฉันทนไม่ได้จริงๆกับเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้เธอยังทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วแค่นจะบอกว่าอยากทำงานเอ็น จี โอ ช่วยเหลือมนุษยชาติ อยากเรียนจบดอกเตอร์เหรอ ไม่ต้องคิดเลย แค่นี้ยังทำไม่ได้" 

    เธอเหลือบมองกระจกหลังที่สะท้อนความมืดของรัตติกาล หัวใจของเธอบีบเร้ารุนแรงต่อคำถากถางจากผู้ที่เป็นสามี  เธอหายใจติดขัดและอยากจะออกไปจากพื้นที่อันคับแคบที่ความมุ่งร้ายของเขาทิ่มแทงเธออย่างไม่พลาดเป้านี้เสียที

    เขาเริ่มพล่ามเปรียบเทียบเธอกับคนอื่นๆ เขาบอกว่าเธอไม่ดีพอที่จะเทียบกับใครเลย เขาถามเธอว่าเธอได้โทรหาคนนั้นคนนี้เมื่อไหร่ เมื่อเธอไม่ตอบ เขาก็สรุปว่าก็เพราะอย่างนี้เธอถึงไม่มีเพื่อน ไม่มีใครอยากคบกับคนอย่างเธอ เธอมันล้มเหลวไปเสียทุกทาง

    นำ้ตาของเธอไหลรินเงียบๆกับคำก่นว่าและดูแคลนนั้นด้วยความเจ็บปวด คำกล่าวหาที่มุ่งร้ายนั้นกรีดลงไปกลางใจ มันเจ็บจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดใดๆได้ เธอตั้งคำถามในตัวตนตลอดมาว่าสิ่งที่เธอเป็น สิ่งที่เธอทำมันดีพอหรือยัง  แต่คนที่ใกล้ตัวที่สุด คนที่น่าจะเข้าใจเธอมากที่สุดกลับให้คำตอบว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าฝุ่นผงที่ปลิวในอากาศ ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครให้ราคา และเปล่าประโยชน์


  • เมื่อไหร่กันที่เธอยอมให้เขามามีอิทธิพลเหนือกว่า เมื่อไหร่กันที่เธอยอมให้เขาเป็นผู้บงการชีวิต เมื่อไหร่กันที่เขามายึดหัวหาดเป็นผู้ตัดสินชะตาชีวิตของเธอ เขาประเมิณคุณค่าภรรยาของเขาเองตำ่เตี้ยเรี่ยดินยิ่งกว่าอะไรทั้งปวง

    เธอรู้ว่าเธอไม่ใช่คนสมบูรณ์พร้อม แต่เธอก็พยายาม เธอไม่ได้ผูกสมัครมิตรกับใครๆง่ายนัก เธอมีเพื่อนสนิทแทบจะนับนิ้วมือได้  คงไม่เหมือนกับเขาสินะ คงจะไม่เหมือนใครๆในสังคมของเขา เธอถูกนำไปเปรียบเทียบกับมนุษย์ในชีวิตของเธอทุกคนเพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่า เธอนั้นมันไม่ได้ความอย่างที่สุด เธอทำความสะอาดบ้านไม่เป็น เธอทำอาหารไม่ได้เรื่อง เธอขับรถห่วยแตก งานของเธอมันไม่สลักสำคัญอะไรกับใคร เธอพูดภาษาของเขาไม่คล่อง เธอมีเพื่อนเท่าหยิบมือเพราะเข้าสังคมไม่เก่ง เธอไม่ปฏิบัติหน้าที่ในการเป็นภรรยาที่ดี เธอไม่หลับนอนกับเขาเพียงพอและทุกวันนี้ชีวิตของเขาไร้สุขเพียงใด อีกสารพัดสิ่งที่เหมือนเขาเอานำ้เกลือมาราดรดบนแผลสดๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า 
     เธอคิดว่าเธอไม่ได้เปลี่ยนไปสักกระผีกตั้งแต่พบกับเขา เธอกับเขาใช้เวลาหลายปีศึกษานิสัยใจคอกว่าที่จะตกลงปลงใจอยู่ด้วยกัน แต่ในเวลานี้เขากลับอยากให้เธอเป็นเช่นใครคนหนึ่งที่เธอไม่เคยเป็น

    "สรุปว่าฉันไม่ดีพอ ฉันทำอะไรก็ผิดหมดสินะ" เธอพูดกลั้วเสียงสะอื้น 
    " ถ้าพูดได้แค่นี้ ก็ไม่ต้องพูดดีกว่า" เขาหันมามองเธออย่างอยากจะกินเลือดกินเนื้อ

    เธอปล่อยโฮอย่างเหลืออด เธอไม่เข้าใจว่าเขาจะมาหาเรื่องทุกสิ่งอย่างแบบนี้ทำไม เธอสับสนว่าเขาโกรธอะไรเธอมากมายขนาดนี้   เธอพยายามระวังตัวทุกฝีก้าวไม่ให้ทุกอย่างขาดตกบกพร่อง ทั้งเรื่องในบ้านและนอกบ้าน แต่มันก็ยังไม่ได้ดังใจเขา เธอต้องพยายามมากแค่ไหนกัน พยายามที่จะทำให้เขาพอใจจนกลัวลนลานเมื่อทำอะไรผิดพลาด ชีวิตการแต่งงานไม่ควรเป็นเช่นนี้ ไม่ควรที่ใครจะต้องเกรงกลัวใครอีกคนขนาดนี้  ไม่ควรที่ใครจะมีอำนาจต่อรองมากมายขนาดนี้
      บางที .....บางที...  จริงๆแล้วอาจจะเป็นตัวเธอที่ผิดจริงๆ เธอคงไม่มีค่าอะไรจริงๆนั่นแหละ มันก็เห็นอยู่แล้วว่าเธอไม่เคยทำอะไรสำเร็จสักอย่างในชีวิต เธอไม่เคยได้รับคำชมเชยจากใครแม้แต่พ่อแม่ของเธอ เธอไม่เคยรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเลยสักครั้ง 

    เธอจอดรถไว้หน้าบ้าน เขาเปิดหน้าต่าง และขว้างขวดเบียร์เปล่าไปยังที่รกร้างข้างๆ พลางถ่มนำ้ลาย เธอก้มหน้ากับพวงมาลัย เธออยากจะหนีไปจากตรงนี้ เธอไม่อยากจะเห็นหน้าเขาอีกแม้แต่วินาทีเดียว แต่เหมือนร่างกายของเขาขยายใหญ่โตมากจนกระทั่งไม่เหลือพื้นที่ให้เธอหลีกลี้ไปได้แม้แต่กระผีกริ้น 

    "ทำไมต้องทำอะไรผิดพลาดไปหมดอย่างนี้ คิดสิ ว่าตัวเองมีอะไรดีบ้าง คิดสิว่าฉันทนอยู่กับเธอได้ยังไงตั้งสิบปี"  เขาตะโกนใส่หน้าเธอ
    เธอหายใจเข้าปอดลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ นำ้ตายังหยาดหยดลงจากแก้มแข่งกับเม็ดฝนข้างนอกนั่น
    "ฉันขอโทษ ขอโทษ ๆๆๆ ฉันมันไม่ดีพอ ฉันทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง"  เสียงสั่นเครือนั้นแพ้พ่าย ยับเยิน เธอเลือกที่จะศิโราบอีกครั้ง เธอหวังว่าคืนนี้มันจะผ่านไปได้และพรุ่งนี้มันอาจจะดีขึ้น เขาอาจจะให้อภัยเธอ

  • ทว่าเขาจ้องเธอด้วยสายตาที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน เขาคำรามดังลั่น ก่อนที่จะชกเข้ามาตรงเบาะที่นั่งของเธอและมือที่กำมัดแน่นนั้นก็ชกเข้าที่ข้างหน้าผากของเธอด้วย
    ทุกอย่างนิ่งเงียบไปชั่วขณะ  สำหรับเธอ โลกทั้งโลกได้หยุดเวลาลงตรงหน้า ทุกอย่างเลือนลางกึ่งฝันกึ่งจริง คลับคล้ายกับตอนที่เธอเจอเขา ต่างกันที่ว่า ครั้งแรกเธอคิดว่าโชคชะตาพาเธอพาพบกับผู้ชายที่ดีที่สุดเท่าที่เธอเคยพบ แต่ครั้งนี้การตัดสินใจเลือกที่จะอยู่กับคนที่เธอคิดว่าดีที่สุดนั้นผิดเสียแล้ว

    มือของเธอกุมหน้าผากที่รอยประทับนั้นยังความปวดร้าวมากกว่าที่เห็นมากนัก เธอเอาแต่มองเขาโดยไม่มีคำพูดใดอยู่ชั่ววินาที ก่อนที่จะพึมพำกับว่า 
    "เธอต่อยฉัน"  เธอมองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อสายตา เธอไม่อยากเชื่อว่า มันเกิดอะไรขึ้น แต่รอยแผลปวดตุบนั้นยำ้เตือนว่า เขาเป็นคนก่อบาดแผลนั้นขึ้นเอง เธอไม่ได้รอให้เขาพูดคำใดๆออกมา ไม่ว่ามันจะเป็นผรุสวาจา คำด่าไล่หลังหรือคำขอโทษ เธอไม่รอให้มือหนาหนักที่ทำร้ายเธอได้แตะต้องส่วนใดของร่างกายเธออีก เธอไม่รอให้สายตาที่ไม่ว่าจะคมกริบราวกับจะเชือนเนื้อหรือมันจะอ่อนแสงแสดงความสำนึกผิดนั้นได้มองเธออีก  เธอไม่อยากแม้แต่กระทั่งจะหายใจร่วมกับเขา เธอคิดว่าความอดทนของเธอได้สิ้นสุดแล้ว
    เธอเปิดประตูรถ แล้วเดินจากไป .....

    เธอกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปจากบริเวณหน้าบ้านโดยไม่กล้าแม้แต่จะมองกลับไปหาเขา เธอเดินตามทางเท้ามีเพียงไฟกิ่งสลัวให้ความสว่างเป็นระยะเท่านั้น  เธอไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลย มีเพียงแจ็คเกตบางๆที่พอจะต้านลมได้บ้าง บ้านเรือนตามรายทางปิดไฟมืดเสียส่วนใหญ่ มีเพียงบางบ้านที่มีแสงไฟและเสียงเพลงดังกระหื่มจากลำโพง  คนส่วนมากคงออกไปสังสรรค์ส่งท้ายปีเก่ากันในเมือง เธอปิดปากตัวเองเมื่อเสียงสะอื้นเริ่มลอดออกมา

    เธอจะไปที่ไหนได้ เธอไม่มีแม้กระทั่งกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือ ถึงแม้เธอจะเดินไปจนถึงสถานีรถไฟที่อยู่ไกลออกไปประมาณ2 กิโลเมตร ทว่าหลังจากนั้นเธอจะทำอะไรต่อ เธออาจจะเจอใครสักคนแล้วยืมโทรศัพท์โทรหาเพื่อน แต่จะโทรหาใครในภาวะที่สองปั่นป่วนเช่นนี้เธอคงนึกเบอร์โทรศัพท์ของใครไม่ออก  การพึ่งตำรวจคือหนทางสุดท้ายที่เธออยากจะทำ สองขาของเธอเดินไปเรื่อยๆจนมาถึงสนามเด็กเล่น เธอมุดตัวลงไปนั่งคุดคู้ในอุโมงลอดเล็กๆ เธอนั่งก้มหน้ากอดเข่า  ในเวลาเช่นนี้เธออยากกอดตัวเองเป็นที่สุด

    เธอไม่รู้ว่าคนเราสามารถที่จะมีนำ้ตามากมายมหาศาลอย่างนี้ได้อย่างไร มันคงเป็นทางเดียวที่จะระบายความเจ็บที่จุกในอกใจออกมาได้บ้าง ไม่อย่างนั้นริ้วแปลบๆที่มันทิ่มแทงอยู่คงอาจจะทำให้เธอสิ้นชีวิตไปแล้วก็ได้  เธอยกมือกุมหัวใจที่เต้นตุบๆอย่างอ้อนล้า รวดร้าวเอาไว้ อีกมือหนึ่งก็สำรวจหน้าผากปูนโปน เธอสะอึ้นฮักผสมกับเสียงร้องที่เปล่งออกมาราวกับสัตว์ที่ต้องธนูอาบยาพิษ


  • เสียงผู้คนที่ดื่มกินสังสรรค์เริ่มดังขึ้น พร้อมกับการนับถอยหลัง  เพื่อเตรียมต้อนรับปีใหม่ เธอซุกตัวเข้าไปในอุโมงค์ให้ลึกอีกนิดราวกับว่าจะกลัวใครมาเห็น  ห้า...สี่...สาม...สอง...หนึ่ง
    พลุหลายสายสว่างวาบบนท้องฟ้า พร้อมๆกับเสียงดังปุงปัง เสียงแก้วชนกัน เสียงสรวลเสเฮฮา ตะโกนต้อนรับวันแรกของปี  วันแรกที่เป็นจุดการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆสำหรับใครหลายคน  เธอรู้สึกอ้างว้างอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต   เธอเงยหน้าขึ้นมองฟ้าที่มืดสนิทจากปลายอุโมค์ด้านหนึ่ง เธอไม่เห็นอะไรอื่นเลยนอกจากพรายหยาดนำ้เต็มสองตา เธอรู้สึกว่าความเชื่อ ความฝัน ความศรัทธาที่เคยมีมันล่มสลายลงตรงหน้า ในห้วงเวลาที่สิ่งใหม่ๆกำลังเริ่มต้น ทว่าสำหรับเธอแล้วมันเป็นห้วงเวลาของความแตกดับที่ไม่อาจหวนคืน เธอรักษาอะไรไว้ไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความหวัง คู่ชีวิตหรือแม้กระทั่งตัวเอง

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in