เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
one shotmarchonMars
Han River-한강
  • เราเจอกันทุกครั้งที่ทางเดินเลียบแม่น้ำฮัน



    ในตอนแรกเราต่างก็คิดว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในวันวันหนึ่งเท่านั้น

    แต่เวลาผ่านไปหลังจากการพบเจอกันแบบบังเอิญเข้าอาทิตย์ที่สี่ เขาก็เริ่มเข้ามาคุยกับผม



    ไม่สิต้องบอกว่า เราเริ่มคุยกันต่างหาก



    แน่นอนว่าประโยคแรกที่เราทักกันคือ 'เราเจอกันอีกแล้วนะ'

    แล้วเรื่องสัพเพเหระก็ตามมาไม่หยุด บทสนทนาถูกเติมต่อไปเรื่อยๆ เหมือนสายน้ำในแม่น้ำ ที่ไหลไปเรื่อยๆเช่นกัน



    ส่วนใหญ่เขามักจะปรากฏตัวในชุดพร้อมออกกำลังกายและรองเท้าวิ่ง

    ส่วนผมมักจะสวมกางเกงวอร์มตัวหนาหน้าตาโทรมๆกันเสื้อฮู้ดสีดำและทุกครั้งต้องมีหูฟังเสียบอยู่เสมอ



    และ ใช่ ครั้งที่เราตัดสินใจคุยกัน คือครั้งที่ผมถอดหูฟังออกพอดีในช่วงที่เขากำลังจะผ่านมา







    หลังจากนั้นการเดินทอดน่องยามเย็นของผมก็น่าเบื่อน้อยลงไปนิดหน่อย เมื่อเกือบทุกครั้งจะมีเขามาเดินคุยไปเรื่อยๆด้วยในระยะทางสั้นๆ



    สั้นขนาดประมาณบทสนทนาหนึ่งที่หากเขียนออกมาคงไม่เกินหนึ่งย่อหน้าเล็กๆ

    และเมื่อบทสนทนาสั้นๆของเราจบลงเขาก็วิ่งออกไป ส่วนหูฟังของผมก็กลับมาอยู่ในที่เดิมของมัน



    กลายเป็นกิจวัตร







    เคยมีครั้งหนึ่งที่ผมถามเขา

    เขาบอก, เขาบอกผมว่า ช่วงเวลาสั้นๆนี้เหมือนเป็นการ'พักผ่อนจริงๆ' ของเขา



    พูดตามตรงนะผมก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่หรอก แต่เมื่อเขาทักออกมาผมถึงได้รู้ว่าตัวเองกำลังแอบยิ้มมุมปากอยู่



    แน่นอนว่าผมค่อยๆคลายรอยยิ้มนั่นอย่างแนบเนียนและต่อบทสนทนาไปเรื่องต่อไปอย่างลื่นไหล เขาเพียงแค่ยิ้มขำและยอมทำให้บทสนทนามันไหลไปเรื่อยๆ เหมือนน้ำในแม่น้ำฮัน



    -




    อ่า...ผมคงยังไม่ได้บอกคุณสินะ

    เหตุผลที่ผมมาเดินเรื่อยเปื่อยอยู่ริมแม่น้ำฮันเกือบทุกวันหรือเกือบทุกครั้งที่ว่างน่ะ



    จริงๆมันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอก ...คงเป็นเพราะในบางครั้งผมก็แค่ชอบอยู่กับความสงบและบรรยากาศดีๆก็เท่านั้นเอง



    ครั้งหนึ่งผมเคยบอกเขาไปแบบนี้เลยแหละ แต่สีหน้าของเขาดูจะไม่ค่อยเข้าใจแนวทางของผมเท่าไหร่ นั่นเป็นอีกครั้งที่ผมหลุดยิ้มมุมปากนั่นออกมา



    ยังดีที่เขาไม่ได้สังเกตเห็น เพราะตาที่หยีจนเป็นสระอิของเขานั่นน่ะ...





    ให้ตายสิผมจะ... ผมว่าผมไม่พูดดีกว่า ///



    -





    กิจวัตรเล็กๆของเราก็ยังอยู่แต่งแต้มเป็นความทรงจำในทุกๆวันหลังจากนั้น



    วันนี้พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตกและหลักฐานนั่นก็อยู่ไม่ไกลเลย

    เมฆฝนหน้าตาหนักอึ้งเเหมือนสำลีชุบน้ำกำลังเคลื่อนตัวอันมหึมาของมันมาทางนี้



    และ โอ้ เขาก็เช่นกัน





    ครั้งนี้บทสนทนาของเราไม่ยาวอย่างที่เคย

    เป็นไม่กี่ครั้งที่ผมเริ่มเปิดปากก่อน,

    'ไปหาที่หลบฝนกัน'

    สุดท้ายเราก็เข้ามาหลบอยู่ในคาเฟ่เล็กๆไม่ไกลจากทางออกสวนสาธารณะนั้นมากนัก, สวนที่มีทางเดินริมแม่น้ำฮันของผม--ของเราอยู่



    อันที่จริงคาเฟ่นี้อยู่ห่างจากหอพักของผมแค่ไม่กี่บล็อกเท่านั้นเองแต่ว่า เรามาอยู่ที่คาเฟ่เล็กๆนี่แหละดีแล้ว







    ยังไม่ถึงห้านาทีดีฝนก็เทลงมาตามที่คาดไว้ และพนักงานเริ่มเข้ามารับออเดอร์ของเราพอดี



    เขาคงเป็นคนขี้หนาวถึงได้สั่งโกโก้ร้อน



    อันที่จริงผมแค่เดาเล่นๆน่ะ แต่เมื่อจบประโยคสั่งเครื่องดื่มของผมเขาก็พูดว่า 'จริงๆผมขี้หนาวน่ะเลยต้องสั่งของร้อนมากิน'ตามด้วยประโยคขอบคุณที่ผมชักชวนเขามาที่นี่ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะแย่แน่ๆ



    ผมเลยบอกเขาไปบ้างว่าจริงๆผมไม่ค่อยได้ใส่ใจสภาพอากาศเท่าไหร่ แต่อากาศเย็นๆจากฝนตกนี่มันก็เหมาะกับโกโก้ร้อนสำหรับผมเหมือนกัน



    เขาไม่ได้ตอบอะไรมากหลังจากประโยคนั้นมีแค่ยิ้มจางๆ และเบนสายตามองออกไปนอกร้าน



    ผมอดที่จะมองตามไปไม่ได้





    มีหลายอย่างที่ผมเพิ่งจะสังเกตเห็นหลังจากที่เดินทางไปมาและอาศัยในละแวกนี้มาซักพัก รายละเอียดเล็กๆน้อยๆบางจุดที่ผมไม่เคยได้ใส่ใจอย่างจริงจัง



    เหมือนเขาก็สังเกตเห็นเหมือนกันแต่เราก็ไม่ได้พูดอะไร



    สายฝนเทยังเทลงมาและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เพียงแค่แผ่วลงเหมือนเมฆค่อยๆผ่อนแรงเท่านั้น



    น้ำฝนไหลรวมกันไม่ได้เจิ่งนองที่ไหนนาน มันค่อยๆไหลลงไปตามความลาดเอียงของพื้นถนนมีบ้างที่สุดท้ายก็ไหลลงท่อระบายน้ำใต้ทางเท้า



    เขาคงกำลังมองน้ำฝนที่ไหลจากเส้นสีเหลืองซีดบนถนนไปสู่เส้นสีเหลืองสีซีดเส้นต่อไป ผมก็ไม่แน่ใจนักเพราะผมดันหันหน้ามามองเขาเสียก่อน





    ยังดีที่เสื้อกีฬาของเขาไม่ได้เปียกเหงื่อมากเหมือนทุกวันไม่อย่างนั้นเขาคงจะหนาวตาย แต่ผมก็ลองเสนอเสื้อฮู้ดของผมให้เขาไป



    'คุณเอาเสื้อฮู้ดผมไหม'



    '...หืม?'



    'อืม ผมว่าคุณเอาเสื้อฮู้ดผมไปสวมก่อนดีกว่า อากาศมันเย็นนะคุณ เสื้อคุณมันน่าจะบางด้วย'



    'จริงๆผมก็เกรงใจนะ แต่ผมไม่ปฏิเสธแล้วกัน'



    เขายิ้มให้ผมเล็กน้อยและสุดท้ายก็สวมฮู้ดสีดำที่ผมเพิ่งจะรู้ว่ามันตัวใหญ่กว่าตัวเขาไม่น้อยทับเสื้อกีฬาไว้



    คุณคงคิดว่าแปลกสินะที่เรารู้จักกัน, คงจะใช้คำนี้ได้นะ, แต่ดันไม่รู้ชื่อกันเสียอย่างนั้น



    บางทีเราก็ลืมอะไรเล็กๆน้อยๆแบบนี้ไปบ้างนั่นแหละ



    'ขอบคุณนะครับ'



    'ยินดี ผมว่าคุณต้องใช้มันมากกว่าผมน่ะ' เขาขำ และต่อด้วยประโยคที่ว่า



    'จริงสิ เรายังไม่รู้จักชื่อกันเลยนี่นา'



    ใครจะไปรู้ว่านั่นเป็นประโยคที่ผมรอคอยมานานทีเดียว

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in