Tranquil
เงียบสงบ
(หน้าหนึ่งของบันทึกหนังสีน้ำเงิน ช่างภาพผู้ออกเดินทาง)
วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ฉันออกเดินทาง ฉันกระชับกระเป๋าเป้สัมภาระใบโตขึ้นหลัง เท้าสวมรองเท้าบูตก้าวออกเดินไปตามถนนหนทางเบื้องหน้าซึ่งไม่ได้เป็นคอนกรีต แต่เป็นพื้นดินลูกรังซึ่งสามารถพบได้ในเขตติดพรมแดนธรรมชาติ
มีคนถามเสมอว่าด้วยความสามารถของฉัน ทำไมไม่ไปทำงานเป็นช่างภาพของบริษัทสักแห่ง หรือรับงานอะไรที่มันง่ายกว่านี้ เงินดีกว่านี้ ไม่ต้องลำบากถ่อมาไกลถึงอีกซีกโลก ฉันจำได้ว่าตอนนั้นฉันแค่ยิ้มตอบเขาไปไม่พูดอะไร แม้ในใจจะบอก "None of your bussiness" คำโต
สภาพอากาศวันนี้ไม่อบอ้าวเหมือนหลายวันก่อนหน้าที่ผ่านมา และถือว่าค่อนข้างเย็นสบายสำหรับคนมาจากภูมิประเทศเมืองหนาวหรือคนพื้นที่ ส่วนสำหรับคนจากภูมิประเทศเขตร้อน ฉันคิดว่ามันอาจจะหนาวเกินไปสักเล็กน้อย กระนั้นก็ไม่ได้ลำบากเกินไป แค่สวมเสื้อผ้า เตรียมอุปกรณ์กันหนาวมาพร้อมย่อมสามารถอยู่ได้สบาย ๆ
ขณะกำลังเขียนบันทึกหน้านี้ ฉันถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพและราบรื่นดี ลมภูเขาพัดปะทะหน้าจนผมฉันปลิวสยายเป็นนางเอกเอมวีเชียว ภารกิจครั้งนี้ของฉัน จะว่าคุ้มก็คุ้ม จะว่าไม่คุ้มก็ไม่คุ้ม ที่ไม่คุ้มคงเพราะมันไม่ได้ค่าเหนื่อยสักแดงนั่นแหละ
แต่มันถูกจ่ายด้วยวิวทิวทัศน์บนยอดเขาหลังคาโลกที่สวยสดงดงาม ถ้าคุณคิดว่าเห็นจากรูปถ่านสวยแล้ว ฉันบอกเลยว่าของจริงมันสวยกันแบบเทียบไม่ติดเลย
พระอาทิตย์กำลังขึ้น กลิ่นเขียวหอมสดชื่นผสมกับความเย็นปะทะกับทุกประสาทสัมผัสของฉัน ฉันมองออกไกล พลางลุกขึ้นยืน ฉันกอดโถใบหนึ่งไว้ ก่อนเปิดมัน ใช้มือขาวซีดอันเปลือยเปล่าหยิบส่วนสุดท้ายของชีวิตคนสำคัญโปรยออกไปกับสายลม ปลิวไปสู่สถานที่ที่เธอควรไปเริ่มต้นใหม่
เริ่มต้นใหม่โดยที่ไม่มีฉัน และเราอาจไม่ได้พบกันอีก แค่คิดน้ำอุ่น ๆ พลันไหลอาบแก้มของฉัน บอกไม่ได้หรอกว่ามันเสียใจ โล่งใจ หรืออะไรกันแน่ รู้แค่มันกำลังคับแน่นอยู่ข้างใน
ฉันยืนอยู่เดียวดายเพียงลำพัง มองลมและเถ้าที่สลายปลิวหายไปจนลับสายตา
ณ ที่แห่งนี้ เธอคนนั้นได้นอนหลับอย่างสงบแล้ว
จากธุลีกลับคืนสู่ผืนดิน
ภารกิจของฉันสำเร็จแล้วล่ะ ไว้ถึงเวลาของฉันเมื่อไหร่
หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้งนะ
Oct 2nd 2018
(หลังจากนั้นสมุดก็ถูกปิดลง และวางทิ้งไว้บนโขดหินข้างกันกับโถอัฐิ ราวกับบอกว่าวันหนึ่งเธออาจจะกลับยังที่แห่งนี้อีกครา แต่เธอก็ไม่เคยกลับมา)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in