เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
CHINESE BL REVIEWSarriettybb
รีวิว (别来无恙) หวังว่านายจะสบายดีนะ
  • 别来无恙 #หวังว่านายจะสบายดีนะ
    ผู้แต่ง : 北南 (เป่ยหนาน)
    สถานะ : 98 ตอน + 1 ตอนพิเศษ (จบแล้ว)
    Lilac ประกาศลิขสิทธิ์แปลไทย ปี 2022

    นิยาย Hope You’ve Been Well #หวังว่านายจะสบายดีนะ
    ความยาว 98+1 ตอน (จบแล้ว)

    ในช่วงวัยรุ่นที่สรรพสิ่งผลิบานที่สุด...

    กู้จัวเหยียนกับจวงฝานซินได้พานพบและกลายเป็นรักแรกของกันและกัน แต่หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความสุขเพียงชั่วอึดใจ น่าเสียดายที่พวกเขาจำต้องเลิกรา

    ด้วยระยะเวลานานนับสิบปีและระยะห่างที่ไกลเกินกว่าครึ่งซีกโลก เด็กหนุ่มที่เคยหลงอยู่ในห้วงรักในเวลานั้นต่างค่อยๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่—ตื่นจากความฝัน การกลับมาของจวงฝานซินทำให้ทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้งโดยบังเอิญ ระหว่างการนัดดูตัวของกู้จัวเหยียนกับใครคนอื่นกลางภัตตาคารหรู พวกเขาได้ค้นพบความจริงอันแสนโหดร้ายว่าต่างฝ่ายต่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

    เมื่อทั้งความทรงจำที่แสนสุขและระทมทุกข์ที่สุดในชีวิตของพวกเขาต่างก็เกิดขึ้นเพราะรักแรกในฤดูร้อนกลางปีนั้น หลังผ่านการหันหลังจากไปและการหวนคืนกลับมา ทั้งคู่ยังจะสามารถสานต่อในสิ่งที่เคยเริ่มต้นไว้ได้อยู่ไหมนะ?


    เกริ่นก่อนว่าเราหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาอ่าน 50% เป็นเพราะเพื่อนแนะนำค่ะ เหตุเกิดจากช่วงนี้ชีวิตเหนื่ิอยสุดๆ เลยรีเควสต์เรื่องที่อ่านแล้วเขินใจฟูมา กะไว้อ่านสบายๆ ระหว่างแช่น้ำหรือไม่ก็นั่งรถไฟฟ้า ส่วนอีก 50% คือโดนตกเพราะอาร์ตกับความดังของมัน เพราะนี่เป็นไม่กี่เรื่องที่นักเขียนเพิ่งแต่งจบไม่นานแต่สามารถไต่อันดับขึ้นมาอยู่ใน Top 50 ตลอดกาลของจิ้นเจียงได้

    แล้วพออ่านจบก็พบว่า oh my god นี่เราไปอยู่ที่ไหนมาถึงเพิ่งจะได้อ่านเรื่องนี้! นี่มันเป็นโคตรของโคตร hidden gem ความชอบพุ่งปรี๊ดแตะระดับ slice of life เบอร์ต้นๆ ในใจไปเลย t__t ชอบถึงขนาดที่ว่าเรื่องจบคนไม่จบ วนเวียนอยู่ในหัวมาหลายวันจนยุ่งให้ตายก็ยังต้องปลีกตัวมาเขียนถึงให้ได้ค่ะ!

    Hope You’ve Been well ประกาศลิขสิทธิ์แปลไทยแล้ว
    ชื่อเรื่อง #หวังว่านายจะสบายดีนะ
    ฉบับเล่มจะวางจำหน่ายหลังลงออนไลน์รายตอนที่ mareads จบ

    แต่ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหา ขอเตือนไว้ก่อนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สับขาหลอกคนอ่านหนักมาก ..... คือถ้าใครคิดจะอ่านเพราะนึกว่ามันเป็นแนวนุบนิบนุ่มฟู (แบบเรา) ก็พูดได้คำเดียวว่า คุณโดนหลอกแล้วจร้า 55555555 นี่เป็นนิยายฟีลกู้ดซ่อนมีดที่ไม่ (ค่อย) จะอ่านสบายเท่าไหร่เลยค่ะ

    Hope You’ve Been Well  เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการตกหลุมรักครั้งแรกและการเลิกรา การห่างหายจากไปและการได้กลับมาพบกันใหม่อีกครั้ง โดยเรื่องจะแบ่งได้เป็น 2 พาร์ทหลักๆ คือพาร์ทแรก (ครึ่งแรกของเรื่อง) จะเล่าชีวิตในช่วงวัยรุ่น (อายุ 17) ที่พระนายเริ่มชอบกัน ส่วนพาร์ทหลังจะเล่าเรื่องในช่วงผู้ใหญ่ หรือตอนที่ทั้งคู่กลับมาเจอกันอีกครั้งหลังเวลาผ่านไป 10 ปี

    ดังนั้นถ้าใครบอกว่าเรื่องนี้เป็นแนวเขินบิดอ่านสบาย ให้รู้ไว้เลยว่าเขายังอ่านไม่จบค่ะ 5555555 /หัวเราะทั้งน้ำตา อ่านเรื่องนี้ตอนกำลังเหนื่อยๆ กะคือจะบ้าตาย แต่ก็หยุดไม่ได้เพราะว่ามัน! ดี! มาก!


    Disclaimer
    1. เราเป็นแฟนแนว slice of life ตัวยงค่ะ
    2. เราชอบเรื่องนี้มากกกกๆๆ รีวิวเลยมีแต่การอวยเป็นส่วนใหญ่ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
    3. รีวิวมีการสปอย แต่จะไม่พูดถึงจุดสำคัญ
    4. TW (สปอยหนัก คลุมดำเพื่อดู) : depression (โรคซึมเศร้า), suicidal thoughts (ความคิดฆ่าตัวตาย), self-harm (การทำร้ายตัวเอง)
    5. เรื่องย่อและบทพูดในบทความนี้เป็นเราแปลเองทั้งหมด อาจมีจุดผิดพลาดที่เกิดจากความทรงจำบ้าง ขอความกรุณาไม่นำไปใช้อ้างอิง และถ้ามีจุดไหนพลาดไปขออภัยไว้ ณ ที่นี้ค่ะ

    โอเคค่ะ งั้นก็มาเริ่มกันเร้ยยยยย


    เรื่องเปิดมาเป็นฉากที่นายเอก จวงฝานซิน กำลังวาดรูปอยู่ในห้อง แล้วคุณตาบ้านข้างๆ ก็มาเรียกให้ลงไปเล่นกับหมา เยอรมันเชพเพิร์ดสุดหล่อตัวใหญ่เบิ้ม ที่ชายแก่เปิดเผยว่าซื้อไว้ให้หลานชายที่กำลังจะย้ายเข้ามา

    จวงฝานซินอึ้งไปเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณตาคนนี้มีหลานชายด้วย ตัดสินจากการที่อีกฝ่ายอยู่ตัวคนเดียวมานานนับสิบปี เขารู้แค่ว่าชายชราดูท่าจะรวยไม่น้อย เพราะวันๆ ไม่ได้ทำงานอะไรก็มีกินมีใช้ไม่ขาด แถมยังชอบออกไปท่องเที่ยวอยู่บ่อยๆ

    รถออฟโรดแล่นเข้ามาจอดพร้อมกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งก้าวลงมา ฝานซินมองสำรวจอีกฝ่าย ตัวสูง รูปหล่อ มือข้างหนึ่งถือหูฟังเฮดโฟนส่วนอีกข้างหิ้วกระเป๋าให้น้องสาว สวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์กับรองเท้าผ้าใบธรรมดา แต่ไม่มีชิ้นไหนเลยที่ราคาต่ำกว่าสี่หลัก (ค่าเงินหยวนนะ ต้องคูณห้าด้วย XD) โดยเฉพาะนาฬิกานั่น ดูท่าจะพุ่งไปถึงหกหลักเลยทีเดียว

    จู่ๆ ผ้ากันเปื้อนเลอะๆ ที่เขาสวมอยู่ก็ดูไม่น่ามองขึ้นมา จวงฝานซินก้าวถอยหลังช้าๆ “เสี่ยวจวง นี่คือลูกชายของลูกสาวฉัน กู้จัวเหยียน” ชายชราแนะนำ

    แล้วเขาจะพูดอะไรได้อีกนอกจาก “สวัสดี ฉันชื่อจวงฝานซิน เป็นคนที่นี่”

    กู้จัวเหยียนมองตรงมา ไม่มีใครรู้ว่าการพบกันในครั้งนี้จะนำไปสู่พรหมลิขิตที่แสนยุ่งหยิง ก่อเกิดเป็นความทรงจำที่ทั้งสุขและเศร้าที่สุดในชีวิตของพวกเขาทั้งสอง

    “เขาเพิ่งมาใหม่ แล้วก็อายุเท่ากับเธอพอดี ตอนไหนที่เธอว่างก็พาเขาไปเยี่ยมชมรอบๆ หน่อยสิ”

    “ไม่มีปัญหา” จวงฝานซินรับปากพร้อมกับรอยยิ้ม

    การพบกันครั้งแรก (?) ของทั้งคู่
    เสื้อเหลืองนายเอก จวงฝานซิน
    เสื้อขาวพระเอก กู้จัวเหยียน

    แล้วพระเอกกับนายเอกก็ได้กลายเป็นเพื่อนบ้านกันด้วยประการฉะนี้

    ต่างจากความเป็นมิตรของจวงฝานซิน กู้จัวเหยียนในตอนแรกอยู่ในอารมณ์ติดลบสุดกู่ ย้ายจากเมืองใหญ่มาสู่ชนบทด้วยความไม่เต็มใจ เขานอนไม่หลับทั้งคืน และทันทีที่ตื่นขึ้นมาก็จัดการรื้อของในห้องที่ขัดหูขัดตาออกด้วยความหงุดหงิด ผ้าม่าน เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งที่คุณตาได้มาจากแอฟริกา—แล้วไงล่ะ ผมไม่ชอบของพวกนี้ ผมจะเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด

    เดือดร้อนคุณตาต้องไปขอให้เด็กข้างบ้านมาช่วย ซึ่งนายเอกก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยการวาดรูปเพียงคร่าวๆ ห้องใหม่ของพระเอกก็ถูกดีไซน์ออกมาอย่างเรียบง่ายถูกใจเจ้าตัว จนพระเอกต้องเปลี่ยนความคิด จากตอนแรกที่คิดว่าหมอนี่มีดีแค่หน้าตาแหละมั้ง ตั้งแต่ทรงผมที่ถูกดัดลอนแบบหยาบๆ รอยสักรูปหัวใจบนไหปลาร้างี่เง่า การเลือกกินที่ดูไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไหร่ จำตัวเลขแค่ห้าหลักก็ยังไม่ได้ (ใช่ค่ะ ฮีตั้งชื่อหมาตัวเองว่า PC39727 ความเบียวอยากเหมือนสุนัขตำรวจ 555555 นายเอกเรียกสามครั้งไม่เหมือนกันซักครั้ง) แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิดไปซะแล้ว

    นายเอกดูออกว่าพระเอกชอบดีไซน์ของตัวเอง แต่คนอย่างนี้ไม่มีทางยอมรับอะไรไปเฉยๆ แน่ เลยเสนอให้พระเอกช่วยทำการบ้านเลขให้ “นายคิดว่าตัวเองทำได้มากสุดกี่คะแนน” เขาถาม

    “มากได้เท่าที่นายต้องการ”

    จวงฝานซินไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ “งั้นฉันอยากได้คะแนนเต็ม”

    “ได้” กู้จัวเหยียนรับปาก

    จวงฝานซิน “เขาหล่อสุดๆ เลย”

    หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มเข้าใกล้กันมากขึ้น นายเอกแอบส่องโซเชียลพระเอกแล้วก็พบว่าหมอนี่น่ะของจริงสุดๆ ไปเที่ยวมาแล้วเกือบทุกประเทศทั่วโลก แข่งกีฬา เล่นกีตาร์ ขี่ม้า เรียนฟันดาบ โคตรรวยแล้วก็โคตรหล่อ ยังไม่รวมความประทับใจต่อจากนั้นที่ได้รู้ว่าจริงๆ พระเอกเป็นคนไม่ค่อยชอบโพสต์อะไรลงโซเชียล แต่ที่ลงรูปพวกนั้นก็เพื่อให้คุณตาที่อยู่ไกลได้เห็น

    จวงฝานซินช่วยให้กู้จัวเหยียนปรับตัวกับบ้านใหม่ได้เร็วขึ้น พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ้างเป็นครั้งคราว ความรวยและความฉลาดของพระเอกทำนายเอกอะเมซิ่งหลายครั้ง โดยเฉพาะตอนที่คุณครูตรวจการบ้านเลขสุดยากฉบับนั้น และผลออกมาว่าเขาได้คะแนนเต็ม

    ครูก็ชมใหญ่ว่าเก่งมาก เพราะการบ้านชุดนี้ยากจนมีแค่คนเดียวที่ได้เต็ม แล้วก็สั่งด้วยความหวังดีให้ไปอธิบายข้อที่ยากที่สุดให้เพื่อนๆ ฟังหน้าชั้น 5555555 นายเอกก็คือ จะบ้าเหรออออ ขนาดโจทย์ยังอ่านไม่รู้เรื่องเลย (โว้ย) แต่หลังจากนั้นพอไปบอกพระเอกว่าการบ้านที่นายทำให้ฉันได้คะแนนเต็มจริงๆ แหละ พระเอกก็ตอบกลับมาแค่ “อ้อ” เหมือนมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาสุดๆ...

    แล้วหลังจากนั้นนายเอกก็ได้รู้อีกว่าพระเอกจะอยู่ที่เมืองนี้หนึ่งปีเต็ม แถมกำลังจะย้ายเข้าโรงเรียนที่เขาอยู่ด้วย!

    “ถ้านายรู้แล้วว่าจะได้อยู่ห้องไหนก็บอกฉันด้วยนะ” จวงฝานซินกำชับ “ฉันอยู่สายวิทย์ห้องสาม พวกเราไม่ได้ไฟแรงเท่าไหร่ แต่เพื่อนๆ ทุกคนในห้องเป็นคนดีมาก”

    เย็นวันนั้นกู้จัวเหยียนได้รับโทรศัพท์จากพ่อที่โทรมาถามข่าวคราว รวมถึงกำชับไม่ให้เขาสร้างปัญหา ซึ่งเรื่องก็จะเปิดเผยในตอนนั้นว่า ‘ปัญหา’ ที่คุณพ่อพูดถึงก็คือการคบหาดูใจกับเพศเดียวกัน ที่แท้กู้จัวเหยียนก็ถูกบังคับให้มาอยู่ชนบทเพราะเขาเปิดเผยรสนิยมทางเพศว่าตัวเองเป็นเกย์ต่อหน้าคนทั้งโรงเรียน!

    ความหงุดหงิดในใจที่กู้จัวเหยียนพยายามกดข่มไว้ระเบิดออกมาอีกครั้ง เป็นเกย์แล้วมันผิดตรงไหน? เขานึกถึงเพื่อนบ้านที่ดูไม่เลวคนนั้นขึ้นมา พร้อมกับความคิดแบบเด็กๆ ในหัวว่าอยากคบจวงฝานซินประชดพ่อแม่

    ไม่อยากให้มีแฟนเพศเดียวกัน? เหอะ ทีนี้เขาเลยโคตรอยากจะมีเลย

    “คุณจะจัดการทุกอย่างให้ผมจริงๆ?” เขาถามย้ำ

    “ตราบใดที่แกทำตัวดีและไม่สร้างปัญหา”

    “งั้นทำให้ผมได้อยู่สายวิทย์ห้องสาม” กู้จัวเหยียนพูด

    กู้จัวเหยียนคิดในใจ เขาจะคบผู้ชายให้พ่อกับแม่บ้าตายไปเลย!

    วี้หว่อ วี้หว่อ นี่เป็นสัญญาณเตือนให้เลี้ยวกลับมาค่ะ!! ถ้าใครคิดว่านี่จะเป็นบ่อเกิดของดราม่าใหญ่ ก็จะบอกว่าคุณคิดผิดแล้ว ยังไม่ช่ายยย เพราะหลังจากนี้มันจะเป็นช่วงของความบ้าบอน่ารักแบบ overload จนน่าแปลกใจ ...

    มันเริ่มจากความคิดแบบเด็กๆ ที่อยากแก้แค้น สู่ความอบอุ่นที่ค่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่หัวใจทีละเล็กทีละน้อย จวงฝานซินเป็นคนแรกที่บอกกับเด็กที่เก่งที่สุดในรุ่นอย่างเขาก่อนสอบว่าอย่าเครียดไป ถึงนายจะทำได้ไม่ดีก็ไม่เป็นไรหรอก กู้จัวเหยียนเริ่มจมลงไปในหลุมที่ตัวเองขุดไว้อย่างช้าๆ

    แล้ววันหนึ่งหลังจากเพื่อนเก่ามาเยี่ยม กู้จัวเหยียนก็สังเกตเห็นว่าจวงฝานซินเริ่มมีท่าทีแปลกไป หรือไอ้พวกเพื่อนตัวดีมันจะบอกหมอนั่นแล้วว่าที่เขาถูกไล่มาที่นี่มันเป็นเพราะอะไร? งั้นที่จวงฝานซินชอบมาเข้าใกล้ (นัวเนียแนบชิด) เขา ก็เพราะมีใจสินะ!?

    จวงฝานซินมุดเข้ามาในเสื้อเขาขณะซ้อนท้ายจักรยานตอนฝนตก จวงฝานซินกอดเขาตอนที่เขามองคู่รักชายหญิงด้วยความอิจฉาที่พวก straight สามารถแสดงความรักกันได้ง่ายๆ ในที่สาธารณะ พร้อมกับบอกเขาว่า นายยังมีฉันนะ จวงฝานซินถามเขาว่าตอนนี้เขายังโสดหรือเปล่า ถ้าหมอนั่นรู้ว่าเขาเป็นเกย์ ก็คือจวงฝานซินกำลังอ่อยเขาอยู่สินะ!?

    แล้วเขาก็เหมือนจะอยากเล่นด้วยอยู่เหมือนกันแฮะ...

    กู้จัวเหยียนตอบสนองทุกการ (คิดไปเองว่าเขา) อ่อยของจวงฝานซินด้วยการเฟลิทกลับ มีความสุขกับการ (คิดไปเองว่าเขา) มีใจของอีกฝ่าย ดำดิ่งลงไปด้วยความเต็มใจ กู้จัวเหยียนรู้ตัวว่าตัวเองเริ่มชอบจวงฝานซินอย่างจริงจังเข้าเสียแล้ว เขากังวลเมื่อเห็นเพื่อนคนนี้ไม่สบายใจ มีความสุขเมื่อเห็นอีกฝ่ายหัวเราะ แต่ก็ไม่เห็นเป็นไร

    ในเมื่อเป็นความรู้สึกที่ตรงกันทั้งสองฝ่าย จะมีอะไรให้ต้องกังวลล่ะ? ช่างหัวการแก้แค้นพ่อแม่ที่โคตรไร้สาระนั่น ยังจะมีอะไรสำคัญไปกว่าการได้คบกับจวงฝานซินที่เขาชอบอีก

    เขาวางแผนการสารภาพรักด้วยความยินดี หลังจากตัวเองกลับมาจากการแข่งขันวิชาการและจวงฝานซินกลับมาจากการแข่งขันออกแบบเครื่องประดับที่ต่างประเทศ จวงฝานซินจะตอบรับเขาด้วยความดีอกดีใจ และพวกเขาก็จะกลายเป็นคู่รักที่มีความสุขที่สุดในโลก what a perfect plan!

    กู้จัวเหยียนเฝ้ารอวันนั้นด้วยความใจจดใจจ่อ!
    .
    .
    .
    .
    .
    แต่ความจริงคือจวงฝานซินไม่ได้รู้เรื่องอะไรซักอย่าง!

    มีแต่พระเจ้าที่รู้ว่าในตอนนั้นพวกเพื่อนๆ ของกู้จัวเหยียนแอบบอกอะไรเขา พวกนั้นทำหน้ากรุ้มกริ่มบอกให้เขาดูแลกู้จัวเหยียนให้ดี บอกเขาว่ากู้จัวเหยียนเหงามาก เขาคิดว่าเขารู้สาเหตุที่กู้จัวเหยียนถูกครอบครัวไล่มาที่นี่แล้ว จะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจากครอบครัวเศรษฐีกีดกันไม่ให้ลูกมีแฟนสาวในวัยเรียน!

    55555555555555555555555555

    ด้วยความไม่คิดอะไร เขามุดเข้าไปในเสื้อของกู้จัวเหยียนขณะซ้อนท้ายจักรยานตอนฝนตก เหมือนที่เคยทำกับเพื่อนคนอื่นๆ

    ด้วยความกังวลว่ากู้จัวเหยียนจะคิดถึงแฟนเก่าตอนมองคู่รักชายหญิงจู๋จี๋กัน เขากอดอีกฝ่ายไว้ พร้อมกับพูดปลอบใจอย่างอ่อนโยนว่า นายยังมีฉันนะ

    ด้วยความอยากรู้ว่าตอนนี้กู้จัวเหยียนกำลังทรมานกับการแอบคบกับแฟนสาวระยะไกลอยู่มั้ย เขาจึงถามอีกฝ่ายออกไป ตอนนี้นายโสดอยู่หรือเปล่า...

    พยายามกดความรู้สึกแปลกๆ เมื่อกู้จัวเหยียนบอกเขาว่ามีคนที่ชอบแล้วกลับไป ตอนที่อีกฝ่ายบอกใบ้ว่าคนคนนั้นเป็นตัวแทนวิชาการในห้อง จวงฝานซินครุ่นคิดอย่างหนัก ถ้าตัดเขาที่เป็นตัวแทนวิชาภาษาอังกฤษออก ตัดพวกที่เป็นผู้ชายทิ้งด้วยเพราะกู้จัวเหยียนเป็นชายแท้...ในบรรดาตัวแทนผู้หญิงที่เหลืออยู่ กู้จัวเหยียนชอบใครกันนะ?

    เขาไม่ชอบความรู้สึกในตอนนี้เลย แต่มันเป็นเพราะอะไรกันแน่นะ?


    ก็อย่างที่เคยบอกว่าช่วงแรกๆ โทนเรื่องมันจะเต็มไปด้วยความสดใสค่ะ พระเอกกับนายเอกมีนิสัยน่าเอ็นดูทั้งคู่แล้วเรื่องก็เล่าออกมาได้ตลกปนน่ารัก ทั้งความเข้าใจผิดที่ไร้สาระของพระเอก ความว้าวุ่นใจของนายเอกตอนที่คิดว่าพระเอกชอบผู้หญิงในห้องแต่ยังไม่รู้ตัวว่าเพราะอะไร ตั้งแต่การคุยกันแบบโง่ๆ ไปจนถึงฉากสารภาพรัก เรื่องนี้ทำเราเขินทั้งหมด มันฟีลกู้ดด้วยทัศนคติด้านบวกของตัวละครในเรื่อง แล้วก็เขียนออกมาได้เป็นธรรมชาติสุดๆ

    มีฉากนึงที่เราชอบมาก คือตอนที่นายเอกอวดรอยสักที่ไหปลาร้าให้ทุกคนในห้องดู พระเอกเห็นแล้วรู้สึกหวง (ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเพิ่งอยู่ในช่วงที่คิดจะจีบเขาประชดพ่อแม่เองนะ ถถถถ) ตอนเห็นครูเข้ามาในห้องเลยไม่เตือนนายเอกทั้งที่สามารถเตือนทัน จนสุดท้ายนายเอกโดนครูด่าหนักกว่าที่คาด แล้วด้วยความเป็นคนหน้าบาง ไม่ชอบการตกเป็นจุดสนใจในเรื่องไม่ดี นายเอกก็เลยเครียดอยู่ทั้งวัน

    เราอ่านตรงนี้แล้วโมโหนิดๆ เพราะไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้ ประมาณว่าเพราะความงี่เง่าส่วนตัวก็เลยทำให้คนเขาต้องขายหน้า แต่สิ่งที่พระเอกทำหลังจากรู้สึกผิดก็ทำให้ความโมโหเราหายเกลี้ยงเลยค่ะ

    คือจู่ๆ ฮีก็กางร่มในห้อง แล้วพอครูถามว่าทำอะไรก็ตอบว่ากำลังท่องจำกลอนบทนึงที่เกี่ยวกับฝน 555555555 มันตลกจนหลังร่ายจบทุกคนในห้องคือขำก๊ากกันหมด ขนาดนายเอกที่กำลังอารมณ์ไม่ดียังเผลอหลุดกึก

    .

    โทรศัพท์ในกระเป๋าสั่น จวงฝานซินแอบหยิบออกมาดู มันเป็นข้อความจากกู้จัวเหยียน—นายรู้สึกดีขึ้นแล้วหรือยัง?

    .

    “นายทำแบบนั้นในห้องเรียนเพื่อจะทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นเหรอ?” จวงฝานซินถามหลังเลิกเรียน

    “ความจริงฉันเห็นตอนที่ครูเดินเข้ามา” เขาสารภาพ

    จวงฝานซินอึ้งไป “งั้นทำไมถึงไม่บอก?”

    “ฉันไม่อยากให้นายเที่ยวอวดมันไปทั่วอย่างกับนกยูง”

    “...ทำไมล่ะ?” จวงฝานซินถามซ้ำอีก

    กู้จัวเหยียนโพล่งออกมาอย่างสุดทน “ฉันก็ไม่รู้ แต่ที่ฉันรู้คือทุกครั้งที่นายปลดกระดุมมันทำให้ฉันโมโหเป็นบ้า แล้วก็ยิ่งแย่ขึ้นไปอีกตอนที่นายให้คนอื่นดูหรือแตะตรงไหล่ตามใจชอบ”

    “ทำไมนายถึงซ่อนมันไว้เงียบๆ ไม่ได้นะ? มันก็แค่รอยสักหัวใจอันเล็กๆ ทำไมต้องโชว์คนอื่นเขาไปทั่ว? นี่ถ้าแม่งเป็นรูปเทพมังกรฟ้าหรือไม่ก็เสือขาว นายจะไม่แก้ผ้าแล้วลงไปเดินกลางถนนเลยหรือไง! จะภูมิใจอะไรนักหนา ทีกับไอ้ถ้วยรางวัลภาษาอังกฤษเต็มห้องนอนพวกนั้น ฉันยังไม่เห็นนายภูมิใจขนาดนี้เลย!”

    .

    ...พบคนเก็บอาการไม่อยู่ 1 ea คร่า 5555555 เราชอบที่สุดท้ายพระเอกก็สารภาพความงี่เง่าของตัวเองออกไปตรงๆ ด้วยความรู้สึกผิด แล้วก็ไม่คิดจะใช้พาเวอร์ของอาจารย์มาเป็นตัวช่วยซึ่งจะทำให้นายเอกรู้สึกไม่ดีอีก

    รอยสักเจ้าปัญหาของจวงฝานซิน
    (มีแค่คนเดียวที่มีปัญหารึปะ XP)

    ความรักครั้งแรกเล่นงานคนทั้งคู่เข้าอย่างจัง จากความวุ่นวายใจและสับสน ไปจนถึงวันที่ยอมรับและให้ใจ สุดท้ายสิ่งที่เหลือไว้ก็มีแค่ความหวาน

    หลังผ่านความช็อกที่อีกฝ่ายสารภาพรักและหลีกหนีไม่กล้าเผชิญหน้า ในที่สุดจวงฝานซินก็ค่อยๆ เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง ที่แท้เขาเองก็ชอบกู้จัวเหยียนมาตลอด เขาถึงใจเต้นตึกตักเมื่อตอนนู้น หรือหงุดหงิดงุ่นง่านในตอนนั้นที่คิดว่ากู้จัวเหยียนชอบใครคนอื่น

    ทั้งคู่ตกลงคบกัน หัวเราะให้กับความเข้าใจผิดโง่ๆ ในอดีต พวกเราเข้าใจผิดกันไปมา โชคดีที่สุดท้ายแล้วกู้จัวเหยียนชอบเขา และเขาเองก็ชอบกู้จัวเหยียนกลับ จวงฝานซินสรุปกับตัวเอง

    ไปออกเดต ท่องเที่ยว เรียนรู้ซึ่งกันและกัน นับวันก็ยิ่งตกหลุมรักมากขึ้นไปอีก ตอนที่ฉันนั่งอยู่ที่น้ำพุที่บ้าน ฉันคิดถึงนาย

    จวงฝานซินตกใจ นั่นบ้านหรือสวนสาธารณะ!?

    กู้จัวเหยียนหัวเราะ ซักวันฉันจะพานายมาที่นี่ แล้วพวกเราก็จะอยู่ด้วยกัน

    ความสุขในฤดูร้อนกลางปีนั้นนำไปสู่คำสัญญาว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป เราจะใช้เวลาในช่วงฤดูหนาวด้วยกัน เช่นเดียวกับฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิ นายคิดจะไปเรียนต่อเมืองนอก? ไม่มีปัญหา ฉันจะไปด้วยกันกับนาย อย่างฉันไม่มีวันทำให้นายขายหน้าคนอื่นแน่ นายว่าฉันเข้าฮาร์วาร์ดดีมั้ย?

    แต่น่าเสียดายที่นั่นไม่มีวันเกิดขึ้นจริง สุดท้ายพวกเขาก็ต้องตื่นจากฝัน


    จู่ๆ จวงฝานซินก็ได้รับรู้ว่าคุณปู่ที่ทำกิจการเครื่องประดับอยู่ในอเมริกากำลังป่วยหนักและอาจอยู่ต่อไปได้อีกไม่นาน ท่านต้องการให้หลานชายไปเรียนต่อที่นั่นโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะยกบริษัทให้เขาในวาระสุดท้าย

    ทันทีที่รู้ข่าว กู้จัวเหยียนชาไปทั้งตัว เขาต้องการคำตอบของคำถามเดียวจากจวงฝานซิน แล้วนายจะกลับมาที่นี่อีกมั้ย?

    เป็นพ่อของเขาที่ตอบกลับไป “พวกเราจะย้ายถิ่นฐานถาวร และบางทีอาจไม่ได้กลับมาอีก”

    กู้จัวเหยียนใจสลาย เขาไม่มีปัญหาหากจวงฝานซินแค่จะไปเรียนต่อ แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าจวงฝานซินไม่มีวันกลับมาอีก? ความโศกเศร้าและเคว้งคว้างเล่นงานคนทั้งคู่อย่างสาหัส กู้จัวเหยียนเครียดจนล้มป่วย เขาอยากได้ยินฝานซินพูดคำเดียวว่าจะกลับมา เขามั่นใจว่าตัวเองรอได้ จะสามปี ห้าปี เมื่อไหร่ก็ได้ขอแค่นายกลับมา

    จวงฝานซินร้องไห้ มีวูบหนึ่งที่เขาคิดอยากจะทิ้งทุกอย่างแล้วอยู่กับกู้จัวเหยียนที่นี่ หนึ่งคือความฝันตั้งแต่เด็กที่อยากเป็นนักออกแบบเครื่องประดับ ส่วนอีกหนึ่งคือรักครั้งแรก เขาไม่อยากจะเลือก แต่ทุกสิ่งทุกอย่างบอกกับเขาว่ามันเป็นไปไม่ได้

    “หกเดือนที่ผ่านมา การได้รู้จักกับนายเป็นความสุขของฉัน” จวงฝานซินพูดช้าๆ “เพื่อตัวของพวกเราเอง เราเลิกกันเถอะ”

    ปัง เสียงประตูปิดลง

    พร้อมกับรักของฉันที่จากไป และไม่มีวันหวนคืนกลับมา


    สุดท้ายของขวัญวันเกิดอายุครบ 18 ปีของพระเอกที่นายเอกใช้เวลาทำในช่วงที่คบกันเพื่อจะรอเซอร์ไพร์สก็ไม่ได้ถูกรับไว้ ฉันไม่อยากจะมองมันแล้วคิดถึงนาย กู้จัวเหยียนพูด จวงฝานซินรอเขาอยู่หน้าประตูตั้งแต่ตกดึกถึงรุ่งสาง จนไม่สามารถรอต่อไปได้อีกเพราะถึงเวลาที่ต้องไป เขาโยนมันทิ้งลงถังขยะพร้อมกับหัวใจที่แตกสลาย

    นั่นเป็นมงกุฎที่เขาใช้เวลาทำอยู่หลายเดือน เศษแก้วจากทะเลจะบอกกับคนที่ได้รับถึงความชอบแบบที่อยากมอบโลกทั้งใบให้อีกฝ่าย แบบร่าง 137 ดราฟกับอีก 19 ไฟนอล ทั้งหมดหายไปพร้อมกับตัวเขาในช่วงฤดูหนาวของปีนั้น


    อ่านมาถึงตรงนี้ เราถึงกับต้องหยุดมาตั้งสติก่อนค่ะ ความหวานอ่านสบาย 50 ตอนแรกเหมือนแค่ฝันไป มาตอนนี้คือแบบ วดฟ ขอโทษนะคะ ใครมันบอกดิชั้นว่านี่เป็นนิยายฟีลกู้ด .......

    ฟีลกู้ดมากจริงๆ เว้ยแก ฟีลกู้ดจนเก็บไปฝัน (ร้าย) อะ 55555555 คือตั้งแต่เลิกกันจนผ่านไป 10 ปี เรื่องมีการบรรยายอยู่แค่ 4-5 บท แต่เป็นไม่กี่บทที่เราใช้เวลาอ่าน 1 อาทิตย์เต็มๆ ค่ะ t__t มันเป็นความเศร้าที่เกิดจากบรรยากาศ นักเขียน symbolism เก่งมาก รายละเอียดต่างๆ ที่เคยทิ้งไว้ไม่มีปล่อยทิ้งไปซักจุด ขยี้ซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นจนเราใจจะขาดดดด


    ต่อไปก็จะเป็นส่วนของพาร์ทหลัง

    เป็นช่วงที่ time skip ผ่านไปแล้ว 10 ปี

    กู้จัวเหยียนสืบทอดกิจการต่อจากพ่อจนกลายเป็น CEO ของกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ เรื่องจะบรรยายถึงความใจสลายในช่วงปีแรกๆ ของพระเอกก่อนที่จะทำใจปล่อยวางได้ สำหรับพระเอก นายเอกกลายเป็นความทรงจำที่เขาเก็บใส่ตู้ล็อกกุญแจไว้ในส่วนที่ลึกที่สุด เขาบังคับตัวเองไม่ให้คิดถึงมันได้ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่เคยลืม

    ทางด้านฝั่งของนายเอก เวลาสิบปีแทบจะทำให้เขากลายเป็นคนใหม่ ล้มเลิกการศึกษาด้านเครื่องประดับไปเพราะเหตุผลบางอย่าง จวงฝานซินกลายเป็นนักออกแบบเสื้อผ้ามากพรสวรรค์ เขากลับมาจีนเพื่อช่วยงานบริษัทของรุ่นพี่ และน่าจะอยู่ที่นี่ไปอีกนาน

    แล้วทั้งคู่จะยังมีโอกาสสานต่อในสิ่งที่เคยเริ่มต้นไว้ได้อยู่ไหมนะ?


    เวลาสิบปีได้เปลี่ยนอะไรหลายอย่าง คนในครอบครัวของกู้จัวเหยียนค่อยๆ ยอมรับรสนิยมทางเพศของเขา จนถึงขั้นนัดดูตัวให้เขากับลูกชายบ้านอื่นเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ

    วันนั้นก็เป็นอีกวันที่แสนธรรมดา กู้จัวเหยียนนั่งอยู่ในห้องส่วนตัวของภัตตาคาร ในขณะที่กำลังหวังให้คู่เดตมาถึงช้าๆ ก็ได้ยินเสียงประตูเปิด เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับผู้มาใหม่


    ...เป็นจวงฝานซิน

    ทันใดนั้น ทั้งเวลาและระยะห่างก็เหมือนจะหยุดนิ่งลง


    จวงฝานซินที่งานยุ่งได้ใช้เด็กฝึกงานในบริษัทให้จองร้านอาหารเพื่อรองรับลูกค้า แต่ใครจะรู้ว่าเด็กฝึกงานคนนั้นที่แท้ก็คือคู่เดตของกู้จัวเหยียน ด้วยความผิดพลาด เด็กใหม่ยื่นกระดาษที่เขียนเตือนตัวเองถึงห้องที่กู้จัวเหยียนนัดไว้ให้จวงฝานซิน

    จวงฝานซินมองไปข้างหน้าทั้งที่ชาไปทั้งตัว เป็นกู้จัวเหยียนจริงๆ

    ตอนนี้ทั้งคู่อาจจะสามารถนั่งลงกินข้าวและสนทนากันได้อย่างสบายๆ แต่ทันทีที่ได้ยินจวงฝานซินพูดขึ้นมาว่า ไม่ได้เจอกันนาน ฉันหวังว่าที่ผ่านมานายจะสบายดี กู้จัวเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

    ก็มันตลกมากเลยไม่ใช่เหรอ?

    ส่วนลึกในหัวใจของเขาเคยถูกมือฉีกเป็นแผลเหวอะหวะ มีช่องโหว่ มีเลือดไหลนองจนท่วม พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่ามันต้องใช้เวลารักษานานแค่ไหนกว่าทั้งหมดจะจางหายจนเหลือทิ้งไว้แค่รอยแผล แล้วตอนนี้เจ้าของมือคู่นั้นก็กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าและพูดกับเขาว่า ฉันหวังว่าที่ผ่านมานายจะสบายดี

    กู้จัวเหยียนอาจหวั่นไหวกับจวงฝานซิน แต่ไม่คิดจะกลับไปสานต่อ


    ช่วงพาร์ทหลังนี้เป็นช่วงที่มีความ bittersweet สะใจสาย M มากค่ะ นายเอกพยายามไล่ตามพระเอกที่ (ดูเหมือนว่าจะ) ไม่มีใจอีกแล้ว แล้วในตอนสุดท้ายที่เรื่องเฉลยเหตุผลเบื้องหลังการกระทำหลายๆ อย่าง มันก็สุดแสนจะดราม่าจนเราไม่มีอารมณ์ทำการทำงาน ต้องกัดฟันทนอ่านรวดเดียวให้จบๆ ไป /ร้องไห้

    จวงฝานซินไล่ตามความรักที่เคยสูญเสียไปอย่างอดทน ในวันเกิดอายุครบ 28 หลังจากดื่มหนัก เขาถึงกับโพล่งใส่เด็กฝึกงานคู่เดตของกู้จัวเหยียนคนนั้น “ฉันโคตรชอบเขา แล้วฉันก็ต้องการแข่งขันกับนายอย่างยุติธรรม!”

    และด้วยความเมา เขาคุกเข่าลงต่อหน้ากู้จัวเหยียน

    “ฉันปล่อยนายไปไม่ได้ ตั้งแต่ได้เจอนายอีกครั้ง ฉันก็คิดถึงนายทุกๆ วัน ทุกๆ คืน ฉันแกล้งทำเหมือนว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ทั้งหมดมันก็เป็นแค่การเสแสร้ง! จัวเหยียน! ฉันยังชอบนายอยู่”

    “ตอนนั้นฉันทำพลาดไป ทำให้นายต้องเจ็บปวด ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน แต่ตอนนี้ฉันโตขึ้นแล้ว มีงานการกับชีวิตที่มั่นคง ฉันสามารถตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเองได้ จัวเหยียน ฉันจะสัญญากับนายใหม่อีกครั้ง”

    “ปู่ของฉันจากไปแล้ว ทั้งบริษัท การออกแบบเครื่องประดับ...ครอบครัวและความฝันที่ฉันเคยเลือกมันมากกว่านาย ไม่มีอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ฉันไม่มีจุดอ่อน ไม่มีภาระ ฉันสามารถรักนายได้อย่างสุดหัวใจ แล้วก็จะไม่มีวันทำให้นายต้องเสียใจอีก”

    “ฉันจะค่อยๆ ชดใช้ช่วงเวลาสิบปีที่ผ่านมาให้นาย...นายจะให้โอกาสฉันอีกครั้งได้ไหม?”

    กู้จัวเหยียนโน้มตัวลงมองคนตรงหน้า บนขมับปรากฏเส้นเลือดปูดขึ้นรางๆ

    แล้วไม่นานหลังจากนั้น ลูกกระเดือกของเขาก็เริ่มขยับ “สุขสันต์วันเกิดนะ จวงฝานซิน”

    .

    กระดาษแผ่นหนึ่งร่วงหล่น สีของมันเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหลังจากผ่านกาลเวลามานานนับสิบปี บนนั้นมีข้อความที่ถูกเขียนไว้ด้วยลายมืออยู่

    ความรักสุดหัวใจครั้งเดียวในชีวิตของฉัน

    ได้โปรดหวนคืนกลับมา...


    พูดตรงๆ ว่าตอนที่เราอ่านเรื่องนี้จบ แบบวินาทีที่ scroll bar เลื่อนลงไปจนสุดหน้ากระดาษ สิ่งที่รู้สึกมากที่สุดคือความตื้อค่ะ

    มันเป็นความตื้อที่เกิดจากความอิ่ม เป็นเรื่องที่ใช้ความแตกต่างระหว่างสองช่วงอายุมาเล่นได้อย่างเจ็บแสบมาก ความคอนทราสต์สุดโต่งระหว่างอดีตที่หวานจนแสบคอกับการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ขมจนแทบคาย ทั้งคู่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เปลี่ยนไปเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ และรายละเอียดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นมันทำให้เรารู้สึกใจหาย


    พูดถึงสิ่งที่ชอบก่อน

    (ร่ายมาขนาดนี้แล้วยังจะพูดอีกเหรอ 55555555)

    เราชอบตัวละครพระนายของเรื่องนี้มากค่ะ เป็นจุดเด่นเลยที่เรื่องเกลี่ย pov ของทั้งคู่ให้เท่าๆ กัน ทำให้เราได้เห็นเรื่องราวจากในมุมของทั้งพระเอกและนายเอก จนอินไปกับทั้งคู่แล้วก็สงสารทั้งคู่พอกัน

    พูดถึงพระเอก กู้จัวเหยียน เป็นตัวละครที่ส่วนตัวชอบสุดในเรื่องค่ะ ลูกชายเศรษฐีที่ไม่ยอมก้มหัวให้ใครในเรื่องที่ตัวเองไม่ได้ทำผิด ถึงขนาดในตอนมีเหตุจำเป็นให้ต้อง come out ต่อหน้าคนทั้งโรงเรียน เขาก็แค่ยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับแผ่นหลังที่เหยียดตรง แล้วพูดออกมาด้วยเสียงดังฟังชัดว่า “ผมเป็นเกย์ ผมชอบผู้ชาย มันไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องหวาดกลัว ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องรู้สึกอับอาย แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะไม่กล้ายอมรับ!”

    กู้จัวเหยียนไม่แคร์ หรือพูดให้ชัดเจนกว่านั้นก็คือนอกจากคนใกล้ตัว (โดยเฉพาะจวงฝานซิน) เขาไม่สนว่าคนอื่นจะคิดยังไง เขาทำหน้าที่ทุกอย่างที่เขาควรจะทำอย่างดี แต่ถ้าถึงเวลาที่จำเป็นต้องต่อต้าน เขาจะหนักแน่นในความคิดของตัวเองชนิดไม่ตายไม่เลิกรา แล้วก็เป็นตัวละครที่มีความคิดตลกๆ ในหัวตลอด บางทีก็ปากอย่างใจอย่างสุดๆ ใจอ่อนจะตายอยู่แล้วแต่หน้ายังเก๊ก 555555555

    แล้วก็เพราะมุมหนึ่งในใจของกู้จัวเหยียนยังมีเด็กหนุ่มคนนั้นที่แพ้ทางจวงฝานซินไปเสียทุกอย่างอยู่ เขาจะทำใจแข็งต่อไปได้อีกนานแค่ไหนกันนะ?


    ต่อไปพูดถึงนายเอกบ้างค่ะ จวงฝานซิน เป็นตัวละครที่ตกคนอ่านได้ตั้งแต่บทแรกๆ ที่เขาปรากฏตัว เด็กหนุ่มหน้าตาดีที่ตัวเล็กไปหน่อยเพราะชอบเลือกกิน จวงฝานซินเป็นคนอ่อนโยน แคร์คนรอบข้าง บุคลิกร่าเริงของเขาอาจได้รับมาจากการถูกเลี้ยงดูอย่างดีในครอบครัวศิลปิน

    มีตอนนึงที่เห็นได้ชัดคือวันนั้นหลังโดนครูด่าเรื่องรอยสัก พอนายเอกกลับบ้านก็เล่าให้พ่อแม่ฟัง แต่สิ่งที่พ่อของเขาพูดกลับเป็น “ครูเห็นรอยสักที่ไหล่? งั้นต่อไปแกก็สักที่ก้นแทนสิ!”

    “พ่อคิดว่ามันผิดไหมที่ผมสัก?”

    “ไม่” อีกฝ่ายตอบ “แกมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้กับร่างกายของตัวเอง รอยสักไม่ได้ไปทำร้ายใคร เพราะงั้นมันไม่ผิดอยู่แล้ว”

    การเติบโตของจวงฝานซินเป็นปมใหญ่ของเรื่องที่เราจะไม่พูดถึงค่ะ เพราะมันคือจุดสำคัญที่จะ drift เรื่องไปอีกทางในช่วงสุดท้ายชนิดปั่นประสาทคน บอกเลยว่าอ่านเรื่องนี้อย่าได้วางใจอะไรจนหน้าสุดท้าย เพราะบทจะหวานมันหวานจนน้ำตาลขึ้นจริง แต่บทจะดราม่าขึ้นมาจู่ๆ อยากจะสาดมันก็สาดแบบไม่ให้ตั้งตัวเลยค่า 5555555



    ส่วนที่เราเล่าไปเป็นแค่จุดเริ่มต้น Hope You’ve Been Well เป็นอีกเรื่องที่อยากแนะนำให้ทุกคนอ่านจากใจจริงค่ะ มันเต็มไปด้วยทัศนคติด้านบวก ทั้งเรื่องมิตรภาพ ครอบครัว การศึกษา ไปจนถึงเรื่องเพศ (อาจจะเพราะเพิ่งแต่งได้ไม่นาน) แล้วก็ทำให้เราจมจ่อมมากๆ แบบที่ไม่ได้รู้สึกมานาน

    นิยายเรื่องนี้มีการดัดแปลงเป็นเวอร์ชั่นมันฮวาภาษาอังกฤษอยู่ในเว็บ bilibilicomics ส่วนตัวรู้สึกว่ามันตัดทอน+เติมแต่งหลายๆ อย่างจนขาดเสน่ห์ของต้นฉบับนิยายไปเยอะ แต่ก็พอถูไถได้อยู่ค่ะ เฝ้ารอวันที่นิยายจะมี LC แปลไทย จะมีมั้ยนะจะมีมั้ยน้า /กัดเล็บ ซึ่งล่าสุดก็มีแล้วค่ะ! สนพ. Lilac ประกาศลิขสิทธิ์แล้วทุกโค้นนนน ชื่อเรื่อง #หวังว่านายจะสบายดีนะ ร้องไห้หนักมาก ในที่สู้ดด

    สุดท้ายลาไปด้วยเพลง Summer ของ Joe Hisaishi ซึ่งเป็นเพลงที่พระเอกขึ้นเวทีไปเล่นให้นายเอกฟังตอนไปเที่ยวด้วยกันสมัยวัยรุ่นค่ะ เปิดฟังตอนอ่านสุดจะอิน มันดังก้องอยู่ในหัวไปพร้อมๆ กับรักแรกในฤดูร้อนของพวกเขา



    Hope to see you soon &
    Hope you’re always well :-)

    contact me
    twitter : @arriettybb
    e-mail : [email protected]


    อ่านรีวิวเรื่องอื่นๆ จากเราเพิ่มเติม จิ้ม
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Sutasinee Wisitgad (@fb4257000581016)
ขอบคุณที่แบ่งปันนะค่ะ รบกวนกวนสอบถามค่ะขอวาร์ป หาอ่านได้จากที่ค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ?