เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
The Murderous Hand (DToL Omegaverse AU)piyarak_s
Chapter 8 : Edward Stanton
  • ผมบอกจ่ามัสเกรฟให้เชิญเอ็ดเวิร์ดสแตนตันเข้ามา แต่ดูเหมือนว่า ความเป็นตำรวจของเขาเกือบไม่มีความหมาย เพราะไม่ทันที่เขาจะออกไปเรียกเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก้าวอย่างสม่ำเสมอและแสดงถึงความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมที่โถงทางเดินนอกห้องก็ตรงดิ่งเข้ามาราวกับทำหูทวนลมกับคำของเขาว่า ให้รอฟังก่อนว่าผมจะอนุญาตหรือไม่



    การรับมือเอ็ดเวิร์ด สแตนตันดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าใดเสียแล้ว แต่นั่นก็ยังทำให้ผมวิตกเท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นกับแพทย์นิติเวชที่เคยนิ่งเฉยและเข้มแข็งอยู่ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกันอย่าง ดร. ฟอล์กเนอร์



    เวลานี้ ดวงตาสีเขียวที่ไม่เคยฉายแววว่าจะอ่อนข้อให้ใครของเขาเบิกกว้างขึ้นด้วยความหวาดหวั่น แม้จะพยายามควบคุมตัวเองเอาไว้อย่างเต็มที่แล้ว แต่มือของเขาที่คว้ากำแขนของผมเอาไว้โดยเขาเองก็ไม่รู้ตัวสั่นไหวมากขึ้นทุกขณะ เมื่อกลิ่นของอัลฟ่าและน้ำหอมของผู้ชายกลิ่นเดียวที่ฝากไว้ในห้องนั่งเล่นของร้านของเก่าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ



    ความรู้สึกว่า เขาอาจรู้จักเอ็ดเวิร์ด สแตนตันได้รับการยืนยัน และผมเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตระกูลฟอล์กเนอร์เองก็จัดอยู่ในกลุ่มชนชั้นนำที่มีบทบาททางการเมืองและธุรกิจเหมือนกัน เพียงแต่ความรู้สึกและความสัมพันธ์ที่เขามีต่อคนตระกูลสแตนตันผู้นี้เป็นไปในทางลบอย่างเห็นได้ชัด



    ถึงแพทย์นิติเวชจะพยายามสะกดอารมณ์และทำตัวให้เข้มแข็ง เพื่อเผชิญหน้ากับบุคคลที่กำลังจะมาถึง แต่ผมยังสามารถสัมผัสความหวาดกลัว ชิงชัง และขุ่นแค้นที่เขาซ่อนเอาไว้ และก่อนที่เหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้จะเกิดขึ้น ผมจำเป็นต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง



    “ดร. ฟอล์กเนอร์ ผมขออนุญาต”



    ไม่รอให้เขาตอบ ผมดึงตัวให้หันหน้าเข้ามาหาผม ดึงคอเสื้อสเวตเตอร์ของเขาลงจนพ้นผิวเนื้อ ก้มลงแนบริมฝีปากที่ข้างลำคอ หมายกลิ่นประจำตัวของผมฝากไว้บนร่างกายของเขา เพราะการทำ scent mark เป็นวิธีการหนึ่งที่อัลฟ่าใช้แสดงความเป็นเจ้าของโอเมก้าของตัวเอง



    ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาในคราวนี้ไม่เหมือนคราวแรกที่เราพบกัน และต่างสนองความต้องการของกันอย่างเต็มใจ กล้ามเนื้อของเขาเกร็งและแสดงอาการแข็งขืนอยู่ชั่วขณะ ผมได้ยินเสียงของเขาหายใจเฮือกด้วยความตระหนก มือของเขายกขึ้นในท่าพร้อมกางเล็บและตอบโต้การจู่โจมที่ไม่คาดคิด



    ผมรู้ว่า เขาเป็นคนเก็บตัว ไม่ชอบการสังสรรค์หรือปฏิสัมพันธ์กับผู้คนเกินความจำเป็น แต่ปฏิกิริยาตอบสนองที่เกิดขึ้นรุนแรงกว่าที่ผมคาดคิดเอาไว้มาก และข้อสันนิษฐานบางอย่างที่แวบเข้ามาในความคิดก็ทำให้ผมใจหายวูบว่า ตัวเองอาจทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่อย่างไม่น่าให้อภัย



    ถ้าหากเขาจะตอบโต้ผมให้ได้สักแผลหรือหลายแผลก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว แต่เขาไม่ได้ทำ



    “ผมขอโทษ...” 



    เมื่อเขาสบตากับผม และโดยที่ไม่จำเป็นต้องพูดสิ่งใด ดวงตาหลังเลนส์ใสคู่นั้นก็บอกว่า เขาเข้าใจสิ่งที่ผมทำทุกอย่าง ม่านตาของดวงตาสีเขียวสว่างที่ขยายกว้างค่อยหรี่แคบและดูสงบลง แม้ว่าเสียงหัวใจของเขาจะยังเต้นแรงจนแทบจะทำลายความเงียบของห้องว่างเปล่าห้องนั้นก็ตาม



    เสียงเคาะประตูพอเป็นพิธีและบิดลูกบิดเปิดเข้ามาโดยไม่รอคำตอบจากเราที่อยู่หลังประตูทำให้ผมหันไปตามเสียงและใช้แขนกัน ดร. ฟอล์กเนอร์ให้หลบไปอยู่ด้านหลัง



    “สารวัตรเฟย์...” ชายผู้นั้นยื่นมือออกมาสัมผัสทักทายกับผม “ผม เอ็ดเวิร์ด สแตนตัน ได้ยินชื่อสารวัตรในข่าวสำคัญบ่อยๆ ยินดีที่ได้พบ”



    เซอร์เอ็ดเวิร์ดเป็นผู้ชายรูปร่างสูงดวงตาคมเหมือนเหยี่ยว อายุราวปลายสี่สิบหรือต้นห้าสิบ บุคลิกภูมิฐาน ท่าทางมั่นใจค่อนไปทางเย่อหยิ่งและถือตัว กลิ่นประจำตัวของเขาที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนในเวลานี้ทำให้ผมยิ่งแน่ใจว่าเขามาจากตระกูลสัตว์นักล่า ซึ่งถูกจัดลำดับให้เป็นชนชั้นนำในบรรดาเชปชิฟเตอร์ทั้งหลาย



    ท่าทีของเขาดูเป็นมิตร ทว่าแรงบีบหนักหน่วงจากมือของเขาเป็นการข่มกันในทีว่า เขาเป็นอัลฟ่าที่มีสถานะเหนือกว่า กิริยาที่เขาแสดงออกต่อโอเมก้าเพียงคนเดียวที่อยู่ในห้องนี้ก็เช่นเดียวกัน



    เขาปล่อยมือจากผม และยื่นมือออกไปหาคนที่เขาออกชื่อ



    “ดร. ฟอล์กเนอร์ ไม่ได้พบกันนานทีเดียว นึกไม่ถึงว่าจะได้พบกันที่นี่”



    สำเนียงของเขาแสดงถึงความรู้จักคุ้นเคย ทว่าฝ่ายหลังกลับลังเลอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนก้าวออกมาจับมือกับอีกฝ่ายตามมารยาท



    สายตาและท่าทีของเขาบอกผมว่า เขารู้จักอัลฟ่าเพศชายคนนี้ แต่ไม่เต็มใจทักตอบและไม่อยากให้แตะต้อง ทุกอย่างที่ทำไป ล้วนจำใจทำด้วยมารยาทและต้องข่มใจตัวเองให้ทำตัวเป็นปกติ ทั้งที่ความจริงแล้ว สิ่งที่อยู่ภายใต้เปลือกนอกนั้นไม่ได้สงบนิ่งอย่างที่เห็นเลยแม้แต่น้อย



    อาการของ ดร. ฟอล์กเนอร์ไม่ใช่ปฏิกิริยาที่โอเมก้ายอมสยบหรือเกรงกลัวอำนาจที่เหนือกว่าตามธรรมชาติของอัลฟ่า แต่เป็นอาการของสัตว์ที่เคยบาดเจ็บจากกรงเล็บของสัตว์อีกตัวหนึ่ง และยังคงจดจำช่วงเวลาที่ตนเองตกอยู่ในอันตรายได้อย่างแม่นยำ จนไม่อาจวางใจคนที่ตนกำลังเผชิญหน้าได้อีก



    ท่าทีของเขาทำให้ผมนึกบางสิ่งขึ้นได้ 



    ผิวกายของโทเบียส ฟอล์กเนอร์ที่ผมได้สัมผัสเมื่อเช้าที่ผ่านมา ขาวสะอาด บนร่างกายของเขาไม่มีร่องรอยของแผลเป็นจากการถูกขบกัดโดยอัลฟ่าเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของโอเมก้าที่ตนเองเมทด้วย ทว่ามีรอยชุดหนึ่งที่ยังคงสังเกตได้แม้จางกลืนไปกับผิวเนื้อของเขาจนแทบมองไม่เห็น เป็นรอยแผลลากยาวบ่าลงมาถึงอกข้างซ้าย เหมือนเกิดจากกรงเล็บของสัตว์ขนาดใหญ่



    ในเวลานั้น เราต่างรีบร้อน และผมเองก็ไม่ทันเฉลียวใจ แต่เวลานี้ ผมเข้าใจแล้ว ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา



    เอ็ดเวิร์ด สแตนตันเลิกคิ้วน้อย ๆ กับท่าทีของ ดร. ฟอล์กเนอร์ แล้วขมวดคิ้วคล้ายจับสังเกตอะไรบางอย่างได้ เขาหยุดอยู่ ทำท่าเหมือนได้พยายามตรวจสอบอะไรบางอย่าง ซึ่งก็คงไม่พ้นกลิ่นประจำตัวที่ผมหมายเอาไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อเบนความสนใจจากโอเมก้าอย่างเขา มาเป็นอัลฟ่าด้วยกันเองอย่างผม



    “แบบนี้นี่เอง...” เขาขยับมุมปากคล้ายรอยยิ้ม แต่ดวงตาของเขาที่เหลือบมามองผมไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย “ผมอยากรู้จริง ๆ ว่า สารวัตรทำยังไงแมวป่าที่สวยงามแต่ดุร้ายอย่างเขาถึง ‘ยอม’ ได้”



    ผมสอดมือสองข้างลงในกระเป๋าเสื้อโค้ตมองเขาตอบกลับไปโดยไม่หลบตา พยายามควบคุมลมหายใจของตัวเองให้เป็นปกติ แม้ว่าหัวใจของผมกำลังเต้นแรงกว่าเดิมด้วยความโกรธ



    ถ้าหากอยู่ในร่างของสุนัข ผมอาจกระโจนเข้าจู่โจมเขาไปแล้ว ด้วยสัญชาตญาณของ ‘จ่าฝูง’ ที่ต้องปกป้อง ‘พวกพ้อง’ ของตัวเองจากฝ่ายตรงข้าม โดยไม่คำนึงว่าเขาเป็นใครหน้าไหน เป็นสัตว์ชนิดใดมีขนาดใหญ่กว่าผม หรืออันตรายกว่าหรือไม่ ทว่าในเวลานี้ผมยังคงเป็นมนุษย์ที่มีสติกำกับการกระทำของตัวเอง แต่ความจริงหนึ่งที่มีอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง คือ ผมมีหน้าที่ปกป้องใครอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับผมในฐานะ ‘เพื่อนร่วมงาน’ ไม่ใช่ในฐานะที่เขาเป็นโอเมก้า 'ของผม'



    ดร.โทเบียส ฟอล์กเนอร์ไม่ได้เป็นของใคร และไม่เคยเป็นของใครทั้งนั้น นอกจากตัวของเขาเอง



    ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ข่มสัญชาตญาณสัตว์ของตนเองที่ใกล้จะเข้ามาครอบงำจิตใจและสติของตัวเองให้สงบลง และถอยกลับไปในที่ที่มันควรจะอยู่ แม้ว่าผมรู้สึกว่า เขี้ยวของตนเองเริ่มงอกยาวขึ้น พร้อมจะเข้าขย้ำอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งมือของเขากำลังอยู่ในลักษณะพร้อมจะกางเล็บได้ตลอดเวลา 



    “ผมไม่จำเป็นต้องตอบ เพราะนั่นไม่ใช่ประเด็นของคดีในความรับผิดชอบของผมที่เราต้องคุยกัน” ผมพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ และนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ตัวเองยังอดทนอยู่ได้ "ความจริง คุณไม่ควรเข้ามาในที่เกิดเหตุโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ไม่เป็นไร ผมขอชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ของคุณไว้ แล้วจะติดต่อกลับไปพรุ่งนี้ก็แล้วกัน"





    To be continued.... 

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
salmonrism (@salmonrism)
ตาแก่นี่!!
belibalii (@belibalii)
อยากรวบตัวคุณหมอมาโอ๋ๆลูบหัวเกาคางให้จิตใจสงบ แง สงสารรร

แต่ก็ดีใจที่ทั้งคุณหมอ ทั้งสารวัตเข้าใจตรงกันได้โดยไม่ต้องพูดอะไรมาก
สู้ๆนะหมอเมี๊ยว~

และชอบที่สุดคือความคิดของสารวัต คุณหมอไม่ได้เป็นโอเมก้าของใคร
aqmrtm (@aqmrtm)
เปิดตัวมาสแตนตินก็ทำตัวได้น่า...ฮืมมมมมมมม จะข่มอะไรกันขนาดนี้คะ ข่มตั้งแต่ท่าทางที่เดินเข้ามาเลยนะ ไม่อยากรู้แล้วว่าแต่ก่อนทำอะไรให้คุณหมอ ตอนนี้อยากจับไอ้หมอนี่โยนออกไปให้พ้นๆหน้าคุณหมอ ฮื้อ!

สติคุณหมอแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วค่ะ T.T รู้สึกเกือบดีที่คุณหมอเข้าใจว่าสารวัตรทำแบบนั้นไปทำไม แต่อีกใจก็ไม่อยากให้คุณหมอเผชิญกับอะไรแบบนี้เลย นึกถึงเจ้าแมวที่หวั่นวิตกเวลากลัวใครสักคนมากๆแล้วเราอยากลูบหัวลูบหางปลอบประโลม แง

พาร์ทนี้สารวัตรดีมากๆจนเรายิ้มแก้มแทบแตก น้ำตาจะไหลเพราะซาบซึ้ง ฮวือ ทุกการกระทำของสารวัตรก็ยังคิดถึงคุณหมอและปกป้องคุณหมอตลอดเลยค่ะ ตอนรู้สึกผิดก็รู้สึกถึงความหูลู่ตกเบาๆ แต่สายตาของคุณหมอที่เข้าใจว่าทำไปทำไมนั่นมันก็ดีมากๆเลย พาร์ทนี้เลยทำให้เข้าใจซิฟเตอร์ของสารวัตรมากขึ้นไปอีก ถึงเราจะเลี้ยงแมวแต่เป็นทาสแมวที่แพ้ไทป์หมาค่ะ ;w; แง

อีกอย่างนึงที่ดีใจนิดนึงคือคุณหมอไม่ได้โดนอะไรเกี่ยวกับการมีสถานภาพเป็นโอเมก้าแล้วสแตนตินเป็นอัลฟ่าที่อาจทำร้ายคุณหมอได้ด้วยเรื่องนั้น แต่ยังไงก็ทำร้ายคุณหมออยู่ดี จุดนี้ขอเป็นกำลังใจและบูสท์สติให้สารวัตรรัวๆเลยค่ะ ทำอะไรต้องระมัดระวังขั้นสุดแล้ว ขอให้สารวัตรและคุณหมอสู้!
piyarak_s (@piyarak_s)
@aqmrtm
ไฮอัลฟ่าก็เหมือนผู้ชายที่ทำตัว macho มากๆ หรือทำตัวแมนเกินร้อยจนน่าหมั่นไส้อย่างนั้นละค่ะ ถ้าทำตัวดีก็ดีไป รู้สึกประสบความสำเร็จที่ทำให้รู้สึกหมั่นไส้เซอร์เอ็ดเวิร์ดได้ ><

จริงๆ ที่เลือกให้เซอร์เอ็ดเวิร์ดเป็นคนแบบนี้ เพราะอยากให้เห็นภาพของอัลฟ่าที่มีลักษณะชอบความคุมแบบที่เจอในนิยายโอเมก้าเวิร์สบ่อย ๆ เรียกว่าเป็นอัลฟ่าตามขนบก็ได้ ส่วนของสารวัตรเป็นอัลฟ่าประเภทที่มีนิสัยแบบหมาจ่าฝูงจริง ๆ หรือเป็นอัลฟ่าตามธรรมชาติ ที่จริง ๆ แล้ว หมาป่าที่คนเคยคิดว่ามีอัลฟ่ากับโอเมก้า ตัวผู้กับตัวเมียมีความเท่าเทียมกันกว่าที่คิดเยอะเลย สารวัตรเลยเป็นอัลฟ่านอกขนบนิดหน่อย ฮา

แงง ถ้าหมอเป็นแมวจริง ๆ ก็ทำตัวฟู หางฟูใส่ไปแล้วละค่ะ ดีใจที่สารวัตรทำคะแนนจากคนอ่านได้ ส่วนคุณหมอก็น่าเห็นใจมากจริง ๆ ทางนี้ก็เป็นทาสแมว เลยรู้ซึ้งถึงความแมว แต่ก็ชอบหมามาก ๆ เหมือนกัันค่ะ ;w;

ฮือออ ไม่อยากทำลายความสบายใจที่มีอยู่น้อยนิดเกี่ยวกับเรื่องในอดีตของหมอกับเซอร์เอ็ดเวิร์ดเลยค่ะ แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ทำร้ายกันอยู่ดี เอาใจช่วยคุณหมอกับสารวัตรกันต่อไปนะคะ

ขอบคุณมากๆ ที่มาอ่านค่ะ ^^