แค่เห็นหัวข้อก็อึดอัดแล้ว
แต่เราไม่ได้เขียนมานานมาก เลยอยากกลับมารื้อฟื้นกลไกที่ขึ้นสนิมของตัวเองอีกครั้ง
เอาเข้าจริงๆ แล้ว เราค่อนข้างเป็นบุคคลที่ย้อนแย้งในตัวเอง แง่หนึ่งถือดี ไม่สนใจคำว่ากล่าวขาน ทว่าอีกแง่หนึ่งกลับหวั่นไหวกับคำวิจารณ์ได้ง่ายๆ เปราะบางขนาดที่เมื่อได้ยินคำติเพียงเล็กน้อยหัวใจก็ราวกับจะแหลกสลาย
ดังนั้น หากว่าสร้างภาพที่สมบูรณ์แบบให้คนอื่นมองข้ามความอัปยศของตัวเองได้
เราก็เลือกที่จะทำ
หากว่าย้อนถามกับเพื่อนสมัยประถม
พวกเขาคงบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเราช่างบ้าอำนาจอย่างไร้เหตุผล ด้วยความที่มีอภิสิทธิ์มากกว่าคนอื่นในโรงเรียนเพียงเล็กน้อยกลับข่มขู่ผู้คนราวกับอยู่บนภูเขาสูงชะลูด เป็นเด็กหัวสูงที่น่ารังเกียจคนหนึ่ง
แต่แล้วยังไงล่ะ?
เราในตอนนั้นมีทุกอย่างเพียบพร้อม ทั้งหน้าตาและผลการเรียนดีเยี่ยมที่ใครๆ ต่างอยากจะครอบครอง ไม่ได้โม้หรอก แต่เท่าที่คิดคนส่วนใหญ่ก็คงจะมองว่าในด้านผลลัพธ์ ชีวิตเราก็เพอร์เฟ็คประมาณหนึ่ง
แต่บนโลกนี้ไม่มีสิ่งที่เพอร์เฟ็คอยู่จริงๆ อยู่แล้ว
บนหอคอยเกียรติยศ ข้อด่างพร้อยที่คนรอบตัวมองของเราคือเราเป็นเด็กติดเกม ซึ่งเกมในที่นี้คือเกมออนไลน์ เกมคอมพิวเตอร์ ที่เคยเป็นหนึ่งในความขัดแย้งสำคัญระหว่างผู้ปกครองและเยาวชนอย่างดุเดือดในตอนนั้น
แต่เด็กก็ยังเป็นเด็ก
นานเข้าเราก็เบื่อ และเริ่มก้าวเท้าเข้าสู่โลกอีกใบ
ช่วงมัธยมต้นเราโดนเรียกขานเป็นโอตาคุ แถมยังยืดอกรับอย่างมั่นใจ ถลำลึกเข้าไปมากทุกที
ในตอนนั้นเราถือว่าเป็นบุคคลอันเปิดเผย ชื่นชอบสิ่งใด รู้สึกอย่างไรก็ป่าวประกาศออกไปอย่างมั่นอกมั่นใจ ช่างเป็นความไร้เดียงสาของเด็กที่เราในตอนนี้ยังอิจฉาอยู่ลึกๆ
จริงๆ เหมือนว่ายิ่งเขียนก็อยู่ห่างไกลจากหัวข้อเข้าไปมากขึ้นทุกที แต่ตอนนั้นเราที่มุ่งมั่นทำสิ่งที่เราต้องการ ไม่ได้สนใจสายตาของใครต่อใครเลย กระทั่งตอนนี้เมื่อได้มาพิจารณาถึงสายตาอันเคลือบแคลงเหล่านั้น เราก็เริ่มรู้สึกละอายใจและเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงมีปฏิกิริยาแบบนั้นกับเรา
จนถึงวันนี้เราได้แต่เก็บซ่อนความรู้สึกไว้มิดชิด
ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังราวกับกำลังปฏิบัติภารกิจลับอยู่ก็ไม่ปาน
ซึ่งเราไม่ชอบนักหรอก
หัวข้อนี้ทำให้เราระลึกได้อย่างหนึ่ง
เมื่อก้าวเข้าไปสู่สังคมใหม่ๆ สถานการณ์ใหม่ๆ ความรู้สึกของผู้คนที่เราพบเจอนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพื่อนกลุ่มหนึ่งมองว่าเราตั้งใจเรียน ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งมองว่าเราใช้ชีวิตเหลวแหลกอย่างน่าหมั่นไส้
ช่วงมัธยมปลายราวกับเป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดช่วงหนึ่งของเรา
ทุกอย่างดีหมดยกเว้นตอนจบ
สรุปหักลบกันความดีก็น้อยนิดเสียจนเราไม่นึกอยากจดจำ
เพียงเราในตอนนั้นก็ได้กลายเป็นทรราชในสายตาของเพื่อนไปเสียแล้ว
จวบจนกระทั่งถึงตอนนี้
ชีวิตของเราสมบูรณ์ดีพร้อมเท่าที่เราตระเตรียมไว้ให้คนอื่นได้มองเห็น
ตราบใดที่พวกเขายังไม่เคลือบแคลงสงสัยหรือก้าวล้ำเส้นมากเกินไป
เราก็ยังพึงพอใจในตัวเองอยู่
เราจะจบบทความลงตรงนี้ เพราะไม่มีอะไรจะเล่าอีกแล้ว
เบื้องลึกเบื้องหลังที่ไม่ควรเขียนเราก็จะไม่เขียนหรอก
ขอบคุณที่กลับมาเขียน
ด้วยรัก ,
ตัวฉันเอง
190922
#WritingPrompt
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in