เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ในห้องนอนสีขาวและห้องน้ำสีชมพูLabelle Bunyavee
เล่มที่ 6 ปาฎิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ
  • เป็นเรื่องเล่าของหัวขโมย3คนที่เข้าไปแอบในบ้านร้าง ซึ่งเคยเป็นร้านขายของชำเก่า ในขณะที่หลบกันอยู่นั้นอยู่ๆพวกเขาก็ได้รับจดหมายที่เขียนมาขอคำปรึกษา ซึ่งเนื้อหาทั้งหลายในจดหมายทำให้งงงวงแต่ไม่นานพวกเขาก็ค้นพบว่า จดหมายนั้นมากจากอดีต และปาฏิหาริย์ก็กำลังจะเริ่มขึ้น 

    ชอบเนื้อเรื่อง การบรรยาย และการจัดลำดับเรื่องมาก คือไม่งงเลยว่า เหตุการณ์ไหนคืออดีตที่ส่งผลต่อปัจจุบันและเหตุการณ์ไหนที่คนจากปัจจุบันเขียนส่งผลต่อคนในอดีต ส่วนตัวชอบ บทที่2 เสียงหีบเพลงปากในยามดึกสงัดมาก ตอนอ่านช่วงท้ายคือขนลุก 

    ผลงานบางชิ้นหรือคนบางคนอาจยังไม่เปล่งแสงในทางที่เดิน แต่เชื่อสิมันต้องมีเวลาที่เหมาะสม แล้วเมื่อถึงเวลานั้นมันจะเปล่งแสงและเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น แม้ว่าเจ้าของชิ้นงานนั้นอาจไม่ได้อยู่เห็นก็ตาม มีช่วงนึงในจดหมายที่ร้านชำนามิยะ(หัวขโมย3คน ซึ่งรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีก8ปีข้างหน้าของคัตสึโร) ตอบ คัตสึโร ไว้ว่า 

    'แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากบอกให้คุณรู้ไว้
    การที่คุณเลือกเดินบนเส้นทางสายดนตรีมันไม่ใช่เรื่องสูญเปล่าอย่างแน่นอน
    ผมคิดว่าเพลงของคุณคงได้ช่วยชีวิตใครบางคน และดนตรีที่คุณสร้างสรรค์ไว้ก็คงอยู่ต่อไปแน่ๆ
    ถ้าถามว่าทำไมผมถึงกล้าฟันธงอย่างนั้น ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไงดี แต่รับรองว่ามันเป็นเรื่องจริง
    ได้โปรดเชื่อคำพูดของผมให้ถึงที่สุด เชื่อผมให้ถึงตอนท้ายของท้ายที่สุดนะครับ'

    และเมื่อถึงที่สุดแล้วคัตสึโรก็เข้าใจในความหมายของข้อความนั้น 

    มีอีกตอนที่อยากพูดถึง คือ บทที่ 5 คำอธิษฐานจากฟากฟ้า เป็นตอนท้ายๆที่เปิดปมเรื่องว่าทำไม บ้านหลังนี้เวลาถึงหยุดและทำให้สามหัวขโมยได้รับจดหมายจากอดีต รวมถึงทำไมหลายๆคนที่ปรึกษาถึงมีความเกี่ยวโยงในเรื่องสถานสงเคราะห์เด็ก แต่ประเด็นที่อยากเล่าคือ อิจฉาฮารุมิ ฮ่าฮ่า เธอเขียนไปปรึกษาเรื่องงานและการหาเงิน เธอทำงานประจำในช่วงเช้าซึ่งหน้าที่คือเบ๊ดีๆนี่เองเงินเดือนน้อยนิดจนเธอไม่มีเงินเก็บเพื่อมาตอบแทนบุญคุณคนที่ที่ช่วยเธอ แล้วฮารุมิก็มีโอกาศได้งานที่สอง คือเป็นสาว
    นั่งดริ๊งเงินดี เธอเขียนมาเพื่อถามว่าจะบอกกับทางบ้านอย่างไรดี ว่าเธอจะเลิกงานประจำ และทำอาชีพนั่งดริ๊งแทน แต่ก็ได้จดหมายตอบกลับที่เป็นเชิงดุด่า แต่เธอก็ยังเขียนตอบเพื่ออธิบายเหตุผลความจำเป็นและการวางแผนชีวิตของเธอ สุดท้ายคือสามหัวขโมยรู้นี่ ว่าในอนาคตปีไหนเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะเป็นอย่างไร เลยเขียนแนะนำไปว่าให้เธอซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ตอนไหนและขายออกช่วงไหนทำแบบนั้นเรื่อยๆจนถึงตอนปีไหน แล้วควรเริ่มทำธุรกิจของตัวเองตอนไหน คือตอนอ่านนี่แบบเห้ยยยย อยากมีคนมาบอกแบบนี้บ้าง 

    'ปี1990 สถานการณ์จะพลิกผันอย่างรวดเร็ว ฉะนั้นคุณต้องล้างมือจากการลงทุนทั้งหมดภายในปีนี้ แม้คุณจะรู้สึกเหมือนว่าราคายังน่าจะขึ้นไปได้อีกก็ตาม สถานณการณ์ในช่วงนี้จะเหมือนการเล่นไพ่อีแก่ มันจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะแบ่งแยกระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จกับคนที่ล้มเหลา'

    เราชอบประโยคด้านบนที่ให้แง่ที่ว่าทุกอย่างมีขึ้นมีลงเพราะงั้นเมื่อถึงจุดหนึ่งจงอย่าโลภและยอมปล่อยมันไปซะ ถึงจะเป็นการบอกที่เกิดจากการรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามเถอะ


    สรุปคือ เป็นหนังสือที่อัดแน่นด้วยเรื่องราวที่น่าประทับใจ ซึ้ง และเป็นปาฎิหาริย์จริงๆ การที่ทั้งคุณตาร้านชำ และสามหัวขโมยไม่ปล่อยให้จดหมายที่เขียนมาผ่านเลยไป หรือตอบเพียงส่งๆนั้น ทำให้เห็นว่า เมื่อเราใส่ใจ เคารพและให้คำแนะนำอย่างจริงใจนั้น อาจช่วยชีวิตคนเหล่านั้นได้มากกว่าที่คิด จนถึงหน้าสุดท้ายก็ยังไม่ผิดหวัง เป็นหนังสือที่จะอยู่ในใจอีกเล่ม สนุกมาก วางไม่ลง อ่านรวดเดียวจบใน1วัน ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องราวเป็นยังไงก็แนะนำให้ลองอ่านดู 


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in