เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ความรู้สึกที่ได้อ่านของโนมารินnomarin
ความรู้สึกที่ได้อ่าน ช่างหัวคุณสิครับ! : Ignore Everybody
  • ความรู้สึกที่ได้อ่าน ช่างหัวคุณสิครับ! : Ignore Everybody

    ผู้เขียน     HughMacLeod

    ผู้แปล      อาสยาฐ กัดกุล

     

              คั่นนิยายด้วยการอ่านหนังสือทั่วไปสักหน่อยเป็นหนังสือที่อยู่ในกองดองมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เพิ่งได้หยิบขึ้นมาอ่านที่มาของการเลือกเล่มนี้คือไม่มีอะไรมากเลย ชอบชื่อหนังสือค่ะ ดูไม่แคร์โลกดีเพิ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นผู้แต่งเดียวกับหนังสือ ปลุกปีศาจในตัวคุณ ที่ค่อนข้างโด่งดัง(แต่ตัวเองยังไม่เคยอ่านหรอกนะ)


    ความรู้สึกก่อนอ่าน

    ชื่อเรื่องกวนๆคิดว่าจะเอาไว้ถ่ายรูปโพสแซะคนที่เราไม่อยากใส่ใจ (แอบนิสัยไม่ดี)“ช่างหัวคุณสิคะ” อะไรแบบนี้ แต่เอาเข้าจริงยังไม่มีโอกาสเอาไปโพสแซะใครที่ไหนหยิบมาอ่านเถอะ ให้หนังสือได้ทำหน้าที่ที่ถูกต้อง
    ความรู้สึกระหว่างอ่าน
    อ่านง่ายตัวหนังสือใหญ่พลิกแป๊บเดียวครึ่งเล่มเข้าไปแล้ว เลยมาดูจำนวนหน้าพบว่ามีแค่ 176 เท่านั้นเองเนื้อเรื่องแบ่งเป็นตอนสั้นๆก็จริงแต่ก็ลำดับความต่อเนื่องไปเรื่อยๆระหว่างบทมีภาพวาดบนนามบัตรของคนเขียนหนังสือ ที่เราเข้าไม่ค่อยถึงบางอันก็โดนใจอยู่ เช่น

    “อย่าพยายามยัดเยียดสะเก็ดดาวให้ไดโนเสาร์นอกจากจะเสียเวลาเปล่าแล้ว ยังทำให้ไดโนเสาร์เคืองด้วย”

    เล่มนี้มีแนวคิดเกี่ยวกับวิธีใช้ชีวิตเยอะมากส่วนคิดว่าเขียนไว้ค่อนข้างดี ชื่อเรื่องเหมือนจะบอกให้เราสุดโต่งแต่เนื้อหากลับไม่ได้เป็นแบบนั้นในเล่มจะพูดถึงเรื่องการสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นผลงานส่วนตัวของตัวเอง แต่! อย่าลาออกจากงานประจำ

    เนื้อเรื่องในส่วนนี้เหมือนจะพยายามบอกเราว่าต้องอยู่กับความเป็นจริง ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำตามสิ่งที่ต้องการได้ส่วนหนึ่งของชีวิตยังต้องอยู่ในโลกของความเป็นจริง (หาเงินเลี้ยงชีพ)ในขณะเดียวกันก็ต้องมีเวลาทำในสิ่งที่เป็นความฝันด้วย แม้จะทำตามได้มากหรือน้อยจะได้ผลลัพธ์ที่ดีหรือไม่มีใครสนใจเลย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ลงมือทำหรือล้มเลิกความฝันไปเลย

    ความรู้สึกหลังอ่าน

    “ให้ช่างหัวคนอื่นเพื่อให้ฟังเสียงความต้องการของตัวเองมากๆ”
    อ่านจบแล้วยังมีบางคำหรือบางบทที่ยังตราตรึงอยู่ในหัว เช่น เรื่องของ “เสา” ที่เปรียบเปรยกับเรื่องทักษะคนที่เก่งหรือเชี่ยวชาญไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์อะไรมาก ส่วนคนที่ไม่ค่อยเก่งหรือไม่เชี่ยวชาญต้องเพิ่งพาอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือเปรียบเสมือนเสา ที่เอาไว้บังส่วนบกพร่องของตัวเอง เป็นต้น หลายๆเรื่องที่น่าสนใจแต่อาจจะไม่ได้เห็นด้วยไปหมดกับทุกทฤษฎีของผู้เขียนนะคะ ซึ่งก็เป็นธรรมชาติของหนังสือแนวพัฒนาตัวเองที่อาจจะโดนใจบ้าง ไม่โดนบ้าง แต่ถ้ามีข้อคิดสะกิดดวงใจติดกลับมาบ้างก็คือว่าคุ้มแล้วค่ะ ^_^
     

     อ่านไปก็ได้ข้อคิดในหลายด้านที่นำไปปรับใช้ได้กับหลายๆโอกาส สำหรับตัวเองคือสามารถนำบางท่อนที่ฟังดูสร้างกำลังใจไปใช้เวลาไปบรรยายให้น้องนักศึกษาแน่ๆ ^^

     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in