……….
ตอนที่ 33 : คฤหาสน์ผู้รอดชีวิต
“จุดที่สัญญาณบอกเป็นบ้านข้างหน้านั่นแหนะ” โจชี้ไปยังบ้านสีขาวสะอาดบนพื้นหญ้าสีเขียวสดล้อมรอบบริเวณบ้านมีซุ้มนั่งเล่นทำด้วยไม้ทาสีขาวเช่นเดียวกับตัวบ้าน บ้านนี้อยู่หัวมุมถนน ถัดขึ้นไปอีกเป็นถนนทอดยาวมีบ้านอีกหลายหลัง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันยกเว้นการตกแต่ง
“งั้นรีบเดินหน่อยเถอะ เริ่มมืดแล้ว” อลิซก้าวเท้าเร็วขึ้นเมื่อความมืดเริ่มคืบคลานทันทีหลังจากดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า
“หยุดก่อน !” แคลสั่งเสียงกระซิบ เหมือนเห็นบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่บริเวณบ้านข้างหน้า
“มีอะไรหรือแคล” โจถามพยายามหาสิ่งผิดปกติ
“ฉันเห็นอะไรเคลื่อนไหวแถวๆ บ้านที่นายบอกน่ะ” แคลตอบ
“ผู้รอดชีวิตน่ะสิ” โจพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“งั้นต้องไปดูให้รู้เรื่อง” อลิซว่า ทั้งสามกึ่งเดินกึ่งวิ่งระวังรอบข้างเผื่อพวกเคลโอจะซุ่มโจมตี
เมื่อความมืดย่ำกรายทุกสิ่งก็เริ่มยากที่จะมองเห็นได้ชัด ทั้งสามเปิดไฟฉายที่ติดกับอาวุธ หมู่บ้านแห่งนี้เงียบสงัด บางคราวจะได้ยินเสียงปืนแว่วมาตามสายลม
แคลค่อยๆ หมุนลูกบิดบ้านช้าๆมีอลิซและโจคอยระวังหลัง ประตูบ้านค่อยๆ เปิดออก ไฟฉายถูกส่องเข้าไปข้างในตัวบ้านที่ไร้วี่แววเจ้าของ โจปิดประตูตามหลังเบาๆ เมื่อตนเป็นคนสุดท้ายที่เข้า
“สัญญาณอยู่ห้องข้างหน้านี้เอง” โจพูดเบาราวกระซิบ
ทั้งสามก้าวเดินอย่างระมัดระวัง แคลทำสัญญาณมือบอกว่าตนจะดูห้องทางซ้าย ให้อลิซไปดูห้องทางขวา
“กรี๊ด !”
อลิซผงะถอยหลังด้วยความตกใจพร้อมๆ กับเสียงเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่ร้องขึ้นเมื่อเห็นเธอที่สาดไฟฉายมายังตน
“ชู่วว ! ฉันไม่ได้จะมาทำร้ายหนูนะ” อลิซรีบพูดขึ้นโดยไว
“หยุดเดี๋ยวนี้ !” เสียงผู้หญิงดังขึ้น
“โจ !” อลิซตกใจเมื่อเจ้าของเสียงกำลังเอาปืนจ่ออยู่ข้างหลังโจที่อยู่หน้าบันไดขึ้นชั้นบน
“ใจเย็นๆ ค่ะ พวกเราทีมสำรวจจากนิวเคลโอที่คุณส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไงคะ”แคลพยายามอธิบาย
“พวกเธอนั่นเอง ฉันมอลลี่ นึกว่าพวกเธอจะไม่มากันซะแล้ว”เธอลดปืนลงพร้อมกับปล่อยโจ “มานี่มา ลูอิส ไม่ต้องร้อง”เธอเรียกเด็กหญิงที่กำลังร้องไห้ไปโอบกอด
“มีแค่คุณหรอครับ?” โจถามขึ้นเมื่อเป็นอิสระ
“มีอีกเป็นสิบๆ คนเลยล่ะแต่อยู่ถัดไปอีกทางโน้น” เธอเดินไปยังขอบหน้าต่างชี้นิ้วไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่ คาดว่ามีแค่หลังเดียวในหมู่บ้าน รอบๆ คฤหาสน์ตอนนี้มีแสงไฟจากโคมแท่งล้อมรอบอยู่เต็มรั้วราวกับพระราชวังสมัยก่อนที่ส่องสว่างไปทั่วอาณาเขตรอบด้าน มันคงส่องเห็นระยะหลายสิบเมตรรอบด้านทีเดียว
“แล้วทำไมคุณถึงมาอยู่นี่ได้ล่ะ” แคลถาม
“อยู่แต่ข้างในมันอึดอัดน่ะ ฉันก็เลยพาลูอิสมาเดินเล่นข้างนอกสักหน่อย แต่มันเย็นแล้วสงสัยคืนนี้จะต้องนอนที่นี่”เธอว่า
“เดินไปกับพวกเราก็ได้ แปปเดียวก็ถึงแล้ว” อลิซถาม
“ไม่ได้หรอก ตอนกลางคืนมีพวกกลายพันธุ์เพ่นพ่านไปหมด ออกไปคงไม่รอดแน่”
“พวกกลายพันธุ์ ทำไมเราไม่เห็นล่ะ” โจถามอย่างสงสัย
“พวกมันแพ้แสง เป็นเหตุผลที่เราต้องจุดแท่งไฟขนาดนั้นไงล่ะ” เธอตอบ ทำเอาทั้งสามรู้เหตุผลว่าทำไมรอบคฤหาสน์ถึงเต็มไปด้วยแท่งโคมไฟนั่น
“พวกเราก็คงไม่ไหวเหมือนกันว่าไหม” โจถามความเห็นอลิซกับแคล
“งั้นก็ต้องจัดเวรยาม...”
เพล้ง ! แคลพูดไม่ทันจบประโยคเสียงกระจกแตกก็ดังขึ้นทุกคนหันไปทางต้นเสียงอย่างรวดเร็ว ปรากฏร่างซอมบี้กลายพันธุ์สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจก็คือกงเล็บทั้งสองข้างของมันยาวสองสามนิ้วได้ พร้อมชำแหละเนื้อหนังได้ทุกเมื่อ
มันพยายามทำลายประตูไม้เข้ามาอย่างไม่ลดละ อลิซจัดการลั่นลูกซองใส่ ร่างมันกระเด็นไปอยู่บนพื้นหญ้าหน้าบ้าน ประตูไม้เป็นรูเหวอะ ไม่สามารถป้องกันอันตรายได้อีกแล้ว
“พวกมันจะมาอีก มันล่าเป็นกลุ่ม” มอลลี่บอกกับพวกตนพลางโอบลูอิสที่เริ่มกลัวแน่น
“ต้องรีบไปแล้ว !” มอลลี่พูดไม่มีผิดร่างตรงหน้ายังไม่ทันจะลุก เงารางๆ ของพวกมันเริ่มปรากฏขึ้นบนท้องถนนข้างหน้า
“จะไปทางไหนดีเนี่ย” โจเริ่มฟุ้งซ่าน หันไฟส่องไปมาหาทางออก
“ออกทางข้างหลัง !” มอลลี่ตะโกนบอก ยกลูอิสขึ้นอุ้มวิ่งนำทางทั้งสาม
ทั้งสามวิ่งตามไปติดๆเสียงฝีเท้าและเสียงกลั้วคำรามในลำคอของพวกกลายพันธุ์ดังไล่หลังเข้ามาในบ้านอย่างบ้าคลั่ง
มอลลี่ถีบประตูหลังบ้านสุดแรง เร่งให้ทั้งสามรีบตามออกมาก่อนรีบปิดประตู แต่ด้วยมันเป็นประตูไม้คงคาดหวังให้มันถ่วงเวลานานไม่ได้
“แคล !” โจเรียกแคลที่วิ่งนำหน้าตน ก่อนชูระเบิดในมือขึ้นให้เห็น แคลพยักหน้ารับ ก่อนตะโกนขึ้น
“รีบวิ่งเร็วเข้า !” แคลตะโกนลั่น หยุดวิ่งหันปืนไปทางหลังบ้าน เล็งยิงกระจกห้องครัวแตกดังเพล้ง โจที่อยู่หลังสุดดึงสลักระเบิดออกก่อนโยนเข้าไปทางหน้าต่างแล้วหันหน้าวิ่งต่อ
ตูม ! ไม่นานเสียงระเบิดก็ดังสนั่น ตัวบ้านที่ทำจากไม้พลันระเบิด โจรีบวิ่งสุดชีวิตก่อนกระโดดหมอบกับพื้นพร้อมๆ กับทุกคน เพลิงไหม้โหมกระหน่ำ เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังอยู่ในกองเพลิง บ้านทั้งหลังกำลังจะพังทลายในไม่ช้า
“ไม่มีใครเป็นอะไรนะ” อลิซตะโกนถาม ทุกคนต่างตอบรับว่ายังสบายดีอยู่พร้อมกับกำลังลุกจากพื้น
“ต้องไปทางไหนต่อมอลลี่?” แคลหันไปถาม ยังไม่วางใจว่าพวกกลายพันธุ์จะมีแค่นี้
“ตามฉันมา !” มอลลี่ตอบวิ่งนำไปพร้อมกับอุ้มลูอิสอยู่ในอ้อมอกเด็กน้อยตัวสั่นระริกด้วยความกลัวและตื่นตระหนกในสิ่งที่ตนเพิ่งได้พบเจอ
ทั้งสามออกวิ่งตามมอลลี่ที่ลัดเลาะไปตามท้องถนนที่ว่างเปล่า ก่อนจะถึงตัวบ้านอีกหลังที่ไม่แตกต่างจากหลังเดิมเท่าไรนัก แต่คราวนี้มีรั้วไม้กั้นรอบ แคลรู้ถึงจุดประสงค์ของมอลลี่ทันทีเมื่อเห็นรถซีดานสภาพเก่าจอดอยู่ในโรงจอดรถที่ประตูยังเลื่อนปิดไม่สุดทำให้ทั้งสามต้องก้มคลานเข้าไปข้างใน
มอลลี่เปิดประตูฝั่งคนขับก่อนเข้าไปข้างในพร้อมลูอิส เธอบิดกุญแจ สตาร์ทรถ เร่งเครื่องพุ่งชนประตูโรงรถจนกระเด็นก่อนเร่งเครื่องขึ้นอีกเพื่อทำลายรั้วไม้ของบ้าน เธอหักเลี้ยวเข้าสู่ถนนมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ โดยมีเงาการเคลื่อนไหวของพวกกลายพันธุ์ที่ยังไม่ลดละความพยายามอยู่ไกลๆ
..........
ในคฤหาสน์ที่รวมผู้รอดชีวิต ไบรอันได้พบปะกับผู้คนมากมายที่ยังไม่ติดเชื้อ ทุกคนยังดูร่าเริง เด็กตัวเล็กๆ ยังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ไม่รู้ว่าโลกภายนอกนั้นเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เหล่าผู้สูงอายุที่ยังรวมกลุ่มคุยกันอย่างออกรส คนหนุ่มสาวที่มีหน้าที่เฝ้าระวังภัยรอบคฤหาสน์กำลังทำหน้าที่อย่างขะมักเขม้น
“คิดอะไรอยู่ล่ะพ่อหนุ่ม” ลุงคนที่ไบรอันเจอระหว่างทางทักขึ้นเมื่อตนกำลังยืนมองเด็กๆ ที่วิ่งเล่นกันในสวน
“เป็นห่วงเพื่อนน่ะครับ” ไบรอันตอบ
“เสียงระเบิดที่ดังขึ้นเมื่อครู่สินะ” ลุงถาม เมื่อครู่เหล่าผู้รอดชีวิตทุกคนต่างก็ได้ยินเสียงระเบิดที่ดังลั่นถัดไปไม่ไกลจากที่นี่มากนัก ควันเพลิงยังคงโหมกระหน่ำพวยพุ่งสีแดงฉานอยู่บนทองฟ้ายามราตรีขณะนี้ ทำให้ไบรอันเป็นกังวล
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก พวกเธอฝึกมาตั้งเยอะ มีฝีมือกันทุกคน เอาตัวรอดกันได้แหละน่า” ลุงตบบ่าไบรอันเพื่อปลอบใจ
“ผมก็หวังว่าอย่างนั้นครับ งั้นผมขอไปช่วยลาดตระเวนรอบๆ แล้วกันนะครับ”
“ตามสบายเลย ถ้ามันทำให้เธอสบายใจขึ้นล่ะก็” ลุงว่า ตบบ่าไบรอันอีกสองสามทีก่อนหันหลังเดินกลับเข้าไปข้างใน
ไบรอันเดินลงขั้นบันไดทางขึ้นที่ทำจากหินอ่อน เด็กน้อยที่วิ่งเล่นกันเมื่อครู่กลับเข้าไปข้างในหมดแล้ว ชายหนุ่มเดินไปยังจุดเฝ้าระวังที่มีคนหนุ่มสาวผลัดกันเป็นเวรยาม
“มา เดี๋ยวผมอยู่เวรให้เอง”ไบรอันอาสา เด็กหนุ่มที่อยู่เวรแสดงอาการดีใจเมื่อได้ยินประโยคที่ไบรอันพูด รีบกล่าวขอบคุณยกใหญ่ ก่อนรีบวิ่งเข้าไปข้างในทันที
สิ่งเดียวที่กั้นระหว่างภายนอกกับภายในคือกำแพงหนาหลายนิ้วที่ทำจากปูนมันล้อมรอบตัวคฤหาสน์กับประตูรั้วเหล็กหนาที่อยู่ด้านหน้า ซึ่งจำเป็นต้องมีเวรยาม เพราะเป็นจุดเดียวที่ดูอ่อนแอที่สุด แต่ก็ไม่ประมาทที่จะมีเวรยามคนอื่นเดินรอบคฤหาสน์ตลอดเวลา
สิ่งที่ทำให้ไบรอันอาสามาเฝ้าก็เพราะมันสามารถมองเห็นภายนอกได้ ด้วยคบเพลิงที่ปักไว้ตามกำแพงสาดส่องแสงสว่างไปไกลหลายสิบเมตร
“..... !”
ไบรอันตื่นตัวเล็กน้อยเมื่อเห็นลำแสงสีขาวที่ไม่ใช่มาจากแท่งไฟส่องขึ้นมาจากพื้นถนน ตนรีบประทับกล้องปืนซูมดูทันทีว่าเป็นพวกไหน ก่อนจะพบว่าไม่ใช่พวกเคลโอ นั่นทำให้ตนดีใจสุดๆ เพราะนั่นต้องเป็นพวกแคลแน่นอน
แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็บังเกิด ปรากฏรถอีกคันกำลังไล่ตามมาข้างหลังรถซีดานที่ไบรอันคาดว่าเป็นพวกแคลอย่างกระชั้นชิด นั่นมันพวกเคลโอ ไบรวิตกขึ้นมาทันทีและตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อตนเริ่มมองเห็นผ่านกล้องของปืน ปรากฏเงารางๆ ของพวกกลายพันธุ์ที่กำลังยึดเกาะอยู่กับรถทั้งสองคันที่กำลังมุ่งหน้ามายังคฤหาสน์อีกไม่ถึงไมล์
..........
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in