ทำไมเด็กๆถึงต้องถูกล้อ
เราไม่เคยอ่านหนังสือของคุณสองขามาก่อน และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่อ่านหนังสือของคุณสองขา และทำให้เรานึกย้อนวันวาน สมัยตอนเด็กที่เคยถูกล้ออะไรแบบนี้ ทำไมนะ การบลูลี่ถึงไม่หมดไปจากโลกนี้สักที
ขอเกริ่นเรื่องสมัยก่อนตอนเล็ก
เราจำคำครูได้ และเราเข้าใจที่คุณครูบอกจริงๆค่ะว่า คนเราถ้าเป็นคนปกติที่ยอมรับปมด้อยของคนได้ ก็คงไม่จำเป็นต้องมาล้อคนอื่นแบบนี้ และตั้งแต่นั้น ก็เลยหมดความสนใจของเพื่อนๆที่ชอบล้อเราทั้งหลาย และสุดท้าย เพื่อนเหล่านั้นก็เลิกล้อไปเอง
เหมือนหั่นหัวหอม
มาย เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔/๔ ได้นำดอกไม้ประหลาดมาให้เพื่อนๆดู และเพื่อนๆก็พบว่า เป็นดอกไม้ที่สวยและกลิ่นหอมมาก แต่ก็มีเจ้าหัวโจ๊กประจำห้องอย่างวิน ล้อมายเรื่องดอกไม้ และล้อว่า ไอ้ลูกไม่มีพ่อ ทำให้มายเสียใจมาก
วินนั้นเป็นคนที่มีปมมากมาย โดยเฉพาะปมเรื่องจน จึงทำให้วินรู้สึกว่า ตัวเองขาดกว่าเหลือ ดังนั้น จึงชอบล้อคนไปทั่ว เพื่อลบปมในใจของตัวเอง และแล้ว ในวันนั้นเอง ที่มายนำดอกไม้มา มายเล่าให้เพื่อนสนิทที่ชื่อแก้มฟังว่า มายกินยางสีขาวเข้าไป และเจ้าวินนี่ล่ะ ที่ไม่เลิกปากเสีย ก็ดันบอกว่า มายกินยางพิษเข้าไปอีก และจะตายในไม่ช้า
เพราะว่า เเก้มที่เป็นเพื่อนสนิทกับมาย แก้มสงสารมายมาก พยายามช่วยมายหลายอย่าง เพื่อไม่ให้มายตายจากยางพิษ แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ จนกระทั่ง วันนั้น มายเลยคิดว่า ตัวเองใกล้ตายแล้ว มายอยากส่งจดหมายไปหาพ่อ วันรุ่งขึ้น มายมาเล่าเรื่องนี้ให้แก้มฟัง แก้มจึงขอแสตมป์เพื่อจะเขียนจดหมายถึงพ่อเหมือนกัน ส่วนโม่เพื่อนในห้องมาขอร่วมแจมเขียนจดหมายถึงคนแอบรัก
และเมื่อทั้งสามเขียนจดหมายเสร็จ ส่งไปแล้ว ก็ดันไม่อยากส่งซะงั้น ดังนั้น ทั้งสามจึงตัดสินใจเผาตู้ไปรษณีย์ (ในเรื่องจะเรียกซะน่ารักว่า “ยักษ์ปากกว้างสีแดง” แหมๆเด็กช่างคิด) และชาวบ้านแถบนั้นก็ช่วยกันดับไฟ จนครูต้องจับไปสั่งสอน และทั้งสามก็ยืนยันว่า “จะไม่ทำอีก” ครูยอมเชื่อและตัดคะแนนจิตพิสัย (จิตพิสัยคือคะแนนของเด็กดี) แทน
มายเป็นเด็กไม่มีพ่อ แต่อาศัยอยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น ที่มีแม่คอยเอาใจใส่ แก้มเกิดในครอบครัวที่มีระดับแต่เข้มงวด วางแผนอยากให้แก้มเป็นหมอ โม่เกิดในครอบครัวคนจีนที่สอนแต่เรื่องดี และกลัวหลานไม่อิ่ม ส่วนวินเกิดมาในครอบครัวยากจน ที่แม่ขายข้าวแกง (ทุกคนย่อมเกิดในครอบครัวที่ต่างกันไป และเจอปัญหาที่แตกต่างกันด้วย ดังนั้น เราจะนำตัวเราเองไปเปรียบกับคนอื่นก็ไม่ได้)
วันเวลาผ่านไป จดหมายของโม่ถูกส่งมาก่อนใคร และเจ้าบัวชมพูที่โม่แอบชอบดันส่งจดหมายมาล้อว่า “อ้วน” ดังนั้น เพื่อนๆทุกคนจึงช่วยโม่ในการลดความอ้วน ส่วนจดหมายของแก้มก็ถูกส่งไปให้พ่อของแก้ม และพ่อของแก้มก็เริ่มเข้าใจแก้ม และสุดท้าย มายได้จดหมายจากพ่อที่บอกว่า ทำงานอยู่ที่ไต้หวัน ยังไม่มีลูกและเมียใหม่ แถมกำลังตั้งใจเก็บเงินมาเพื่อกลับมาอยู่กับลูก
สุดท้ายของเนื้อเรื่องคือ ครูให้เพื่อนๆทุกคนหยิบหัวหอมมาสารภาพผิดที่เคยล้อเพื่อนคนอื่นๆ หลายๆคนเคยทำในสิ่งที่แตกต่างกันไป ครูบอกว่า เห็นไหม น้ำตาที่ไหลออกมานั้นหมายถึงอะไร (เราก็คิดว่า หมายถึงน้ำตาของคนที่ถูกล้อนะ) และทุกคนพร้อมใจกันขอโทษ ก่อนที่รับปากกันว่าจะไม่ทำอีก
“ไม่รู้ว่า เมื่อไหร่ หรือใครจะเป็นคนสุดท้ายที่ถูกล้อ
ขอรณรงค์ให้การบลูลี่หมดไปจากโลกนี้สักที”
เด็กหนอเด็กจะร้ายหรือดี ขึ้นอยู่ที่สั่งสอนให้เป็นแบบไหน
เป็นแบบดีแล้วก็ดีไป หากเป็นแบบร้ายได้ลงจะไม่ดี
ลงท้ายด้วยเด็กคือผ้าขาว ผู้ใหญ่สอนกล่าวเป็นแบบนี้
แบบที่ว่าตามดีว่าจะดี หรือร้ายมีขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่เอย
LOOK A BREATHE
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in