เราเคยเรียนหนังสือของท่านพุทธทาสที่อังกฤษ และเราพบคำสอนหนึ่งของท่านที่น่าสนใจ ตรงที่ท่านบอกว่า เราทุกคนควรเรียนรู้หลักธรรมของศาสนาอื่นด้วย เพราะทุกศาสนาสอนให้เมตตาต่อกันทั้งนั้น และวันนี้ เราเริ่มพบว่า เป็นเรื่องจริงในหนังสือเล่มนี้
เปรียบมังกรทะยานฟ้าหารัก
ว่าลุยสักทุกสถานจนพบมี
คำว่ารักนั้นอยู่แห่งหนฉะนี้
คือรักดีเริ่มต้นที่รักตน
รักตนนั้นให้ถูกก่อนใครๆ
รักไฉนครั้งนี้ไม่แปรผล
รักแล้วพบความรักมอบให้ตน
รักและค้นมอบดีให้ผู้อื่นเอย
รักนี้ไม่ใช่ยากดีและมีจน
ไม่ใช่ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์เฉลย
แต่คือรักระหว่างใจเจ้าเอย
รักไม่เลยเถิดกันและกัน
เมื่อรักนั้นเดินทางถึงจุดนี้
พบว่าดีรักแท้ไม่แปรผัน
รักกี่ครั้งก็ยังรักทุกวัน
ทุกเวลาพลันมอบรักให้นะเอย
เรื่องราวของบุคคลที่ชื่อ รูมี ผู้ทำหน้าเผยแพร่ศาสนาอิสลามของตนเองให้คนอื่นได้เชื่อถือผ่านบทกวีที่สุดแสนจะไพเราะ โดยเรื่องราวในครั้งนี้แบ่งออกเป็นทั้งหมด ออกเป็นตามภาคส่วนเหล่านี้ ได้แก่
๑. บทนำ
๒. พระเจ้า
๓. ภาคแรก
๔. ภาคปลาย
๕. คติพจน์
โดยบทนำเริ่มต้นจากที่มาของบทกลอนอันไพเราะเหล่านี้ และทำให้เราเห็นถึงความสวยงามและคุณค่าของความรักที่แตกต่างกันไป โดยเราขอเล่าตามภาคเหล่านี้
บทนำ รูมี ซูฟี กับรหัสวิถีสู่สัจจะ
“ความลับที่ซ่อนในดนตรี
หูเขาไม่ได้ยิน
กายไถลไกลจากวิญญาณ
วิญญาณเหนือกาย
ไร้การปิดบังยังรวมอยู่ในเรา”
เริ่มแรกเดิมทีก็คือ เรื่องราวที่จิตวิญญาณอยู่เหนือกาย นั้นหมายถึงว่า หากไม่สามารถควบคุมจิตใจตนได้ จิตใจตนก็จะเตลิดไปตามอารมณ์เหล่านั้น และรูมีก็ค้นพบสิ่งนี้
พระเจ้า รัก แสง ความงาม กับชีวิต
“ชีวิตคือมนุษย์นี้คือที่พักชั่วคราว
ทุกทุกเช้าคือชีวิตใหม่
สุขทุกข์ดีชั่วเคล้ากันไป
รู้ตัวได้บางขณะ
ราวอาคันตุกะมาเยือน
จงต้อนรับทุกสิ่งอย่างยินดี
แม้ทุกข์ทวีโถมทับ
ขับทุกสิ่งไปจากบ้าน”
และหลังจากนั้น รูมีค้นพบว่า “บ้าน” คือ “จิตใจ” และ “การรู้ตัว” นั้นคือ รู้ว่าจิตกำลังคิดหรือพบเจอทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย ดังนั้น ทุกดวงใจ (บ้าน) ควรต้อนรับผู้มาเยือนด้วยใจที่เป็นกลางและมั่นคงในพระผู้เป็นเจ้า
ภาคแรก ลำนำรูมี
ภาคแรกเป็นภาคที่เป็นส่วนหนึ่งของเริ่มต้นของบทกวีนิพนธ์ของเรื่องนี้ที่กล่าวถึงความรักของตัวรูมีที่มีต่อผู้อื่น ตามคำสอนของพระเจ้า เพราะความรักที่พระเจ้ามอบให้นั้น คือ ความรักที่หมดสิ้นซึ่งตัวและตน
“While you are still yourself,
You are blind to both worlds.
The ego-drunkenness will not let you see.
Only when you are cleansed of both,
Will you cut the deep appts of fear and anger.”
“เมื่อเจ้ายังมีตัวตน
เจ้าจะมืดมนทั้งโลกนี้และโลกหน้า
เพราะความเมาอหังการ
จะไม่ยอมให้เจ้าเห็น
เมื่อเจ้าชำระตน
พ้นแล้วจากตัวตนอหังการ
นั้นแหละรากความกลัวและความโกรธ
จึงจะถูกบั่นหั่นเหี้ยน”
และท่านค้นพบว่า หากคนเรายังมีตัวตน และเมาอยู่ในความมีตัวตน (อหังการ) โลกนี้จะพบแต่ความมืด (ทุกข์) ทั้งโลกนี้และโลกหน้า และเมื่อทุกคนเห็นพระผู้เป็นเจ้า ทุกคนก็จะพ้นจากตัวตนเหล่านั้น นั้นก็คือรากแห่งความกลัวและความโกรธที่ถูกละทิ้งไป
ภาคปลาย ลำนำซัมส์แห่งทาบริส
“โลกดุจขุนเขา
อยากฟังโลกสะท้อนเสียงใด อยู่ที่ใจเจ้า
ถ้าเจ้าตะโกนสิ่งดี สิ่งนี้จะกลับมาสู่เจ้า
ถ้าเจ้าตะโกนสิ่งร้าย โลกจะให้สิ่งนั้นคืนกลับ
ต่อให้ใครนินทาว่าร้าย
ขอให้ใส่ใจพูดดีกับเขา
เมื่อเปลี่ยนใจเจ้าได้
โลกจะเปลี่ยนตาม”
รูมีรู้ว่า สิ่งสำคัญที่ต้องเปลี่ยนจิตใจ คือ เปลี่ยนตัวเราเองให้มองโลกในแง่ดี เพราะเมื่อไรที่มองโลกในแง่ดี เราพบสิ่งที่ดีกลับคืนสู่ใจ และหากตรงข้ามก็ย่อมพบกับสิ่งนั้น และหากไปเจอคนที่นินทาว่าร้าย ขอให้อย่าไปถือสา และทำใจให้พูดดีกับเขา สุดท้ายแล้ว เราพบโลกที่ดีในตัวเรา
คติพจน์และภาษิตซูฟี
ภาคสุดท้ายจะเป็นเรื่องราวสรุปของความรักทั้งปวงและผลจากการปฏิบัติทั้งมวลสิ้นว่า พบกับอะไร เมื่อรักอยู่กับพระผู้เป็นเจ้านั้นสำคัญเพียงใด
“ใจของข้าเปลี่ยนไปได้หลายอย่าง
เป็นทุ่งหญ้าให้ละมั่งได้อิ่มหนำ
เป็นวิหารให้นักบวชประพฤติธรรม
เป็นสนามศักดิ์สิทธิ์แห่งศรัทธา”
สุดท้ายแล้ว รูมีก็เข้าใจที่ซูฟีบอก เพราะท้ายที่สุด ใจคือสิ่งสำคัญ ใจทำให้เป็นอะไรก็ได้ในทุกอย่าง ใจทำให้เป็นสุขและเป็นทุกข์ ศรัทธาก็ย่อมเกิดที่ใจ และหลุดพ้นก็ย่อมเกิดที่ใจด้วยเช่นกัน
ทุกคนต้องฝึกฝนที่ใจในใจ
เพื่อหลุดพ้นจากทุกข์แห่งใจเหล่านั้น
เรื่องราวทั้งหมดนี้ สื่อถึงคำว่า “รัก” อย่างแท้จริง เมื่อรักเกิดขึ้นที่ใจ เมื่อรักทำให้ทั้งทุกข์และสุขอยู่ในใจ และทั้งหมดนี้ รักย่อมเกิดจากจิตใจที่ปรารถนาดีต่อกัน
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่มีบทกลอนอันไพเราะ ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย เมื่อเราอ่าน ก็ทำให้เราพบและเข้าใจว่า รักในมุมมองของศาสนานั้นเป็นรักแบบไหน และเราทุกคนนำรักในครั้งนี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
LOOK A BREATHE
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in