ความทรงจำในขวดแก้ว
ผมมาเก็บความทรงจำฝันของผมในขวดแก้วและผมได้ใบชาที่ใส่ในขวดความทรงจำและเมื่อเจ้าของร้านบอกให้ผมรินความทรงจำออกมาสักนิดและดื่มเข้าไป ผมก็ดำดิ่งไปยังดินแดนแห่งฝัน
พาท่องฝัน
เราชอบฝันว่า เราไปสอบ และเข้าสอบไม่ทัน ทำข้อสอบไม่ได้ และทำอะไรที่เกี่ยวกับข้อสอบไม่สำเร็จ โดยที่จริงๆแล้ว เราผ่านการสอบมาจนจบทั้งตรีและโทแล้ว แต่เราก็ยังชอบฝันเรื่องแบบนี้
[พอมาอ่านหนังสือเล่มนี้ ทำให้เราคิดได้ว่า]
เราขาดความภาคภูมิใจในตัวเอง เราลืมคิดไปว่า เราเก่งขนาดไหนที่ผ่านได้ทั้งเอแบคและอังกฤษ เราหลงลืมสิ่งนั้น เรามัวแต่มุ่งไปข้างหน้า โดยขาดความมั่นใจและความภาคภูมิใจในสิ่งนั้น พอหลังจากที่เรารู้สึกภาคภูมิใจที่เราทำสำเร็จ ที่เราทำหลายอย่างสำเร็จในความเป็นจริง หลังจากนั้น เราไม่เคยฝันเรื่องนี้อีกเลย
ตำนานก่อนเข้าเรื่อง
เทพเจ้าแห่งเวลาสอบถามศิษย์สามคนถึงช่วงเวลาที่สำคัญในสามช่วง ได้แก่ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยอาจารย์ได้สอบถามศิษย์ทั้งสามคน
[ทุกช่วงเวลามีสิ่งสำคัญในโลกนี้ที่รออยู่]
ศิษย์คนแรกและคนสองเลือกอดีตและอนาคต ส่วนที่เหลือก็เป็นศิษย์คนที่สามเลือกปัจจุบัน พร้อมกับขอการสร้างแดนแห่งความฝันด้วย ซึ่งศิษย์คนที่สามคนนี้ก็เป็นบรรพบุรุษของเจ้าของห้างสรรพสินค้าขายฝันแห่งนี้
สิ่งฝันกับสิ่งจริงห่างกันเพียงเส้นบางๆ
ณ สถานที่ฝัน
เพนีสมัครงานในร้านมหัศจรรย์สำหรับคนไม่หยุดฝันที่เป็นห้างสรรพสินค้าในการขายฝัน และเธอก็ได้มาสัมภาษณ์งานจนผ่านมาเป็นพนักงานที่นี้
[ความเชื่อมั่นในตนเอง
ว่าเราทำได้ในความเป็นจริง]
ในช่วงเวลาแรกๆที่เพนีทำงานไป ก็ยังมีความสับสนและไม่เข้าใจในงานที่ทำ บางครั้งเธอก็รู้สึกสับสนกับสิ่งที่เธอทำอยู่ แต่เมื่อเธอทำไปเรื่อยๆ เธอก็ค้นพบว่า ความฝันเป็นสิ่งที่วิเศษอย่างมาก แต่การที่ทำให้ฝันเป็นจริงนั้นเป็นสิ่งสำคัญกว่า ที่ไม่ควรสักแต่ฝัน และไม่ยอมลงมือทำสักที (ถ้าลงมือทำก็มีสิทธิ์สำเร็จมากกว่าเอาแต่ฝัน)
เธอจะต้องประสบพบเจอกับการต้องการฝันอันหลากหลายของคนที่อยากฝัน บางคนก็ฝันยึดติดกับอดีต แต่บางคนก็ฝันยึดติดกับอนาคต และบางคนก็ฝันยึดติดกับปัจจุบันที่ไม่ยอมกล้าทำสักที แต่สุดท้าย เมื่อหลายคนตื่นจากฝัน หลายคนก็พยายามทำฝันนั้นให้เป็นจริง โดยการลงมือทำ
หรือบางคนฝันแต่เรื่องที่คิดว่า ตัวเองล้มเหลวเรื่อยๆ โดยที่ความเป็นจริงตัวเองไม่ได้ล้มเหลว ไม่ว่าจะฝันถึงการเกณฑ์ทหารและการสอบอยู่เรื่อย แต่เมื่อเพนีมอบความฝันที่เป็นความมั่นใจและภาคภูมิใจใ้ คนทั้งสองก็หยุดฝันเพราะมีความเชื่อมั่นของตัวเองเกิดขึ้นแล้ว
หลังจากนี้ เพนีก็เข้าใจในการทำงานของตัวและรักในอาชีพนี้มากยิ่งขึ้น วันหนึ่ง เธอได้ไปประชุมกับคนสร้างฝันและคนหลากหลายประเภท ทำให้เธอเชื่อมั่นในการทำงานมากขึ้น จนกระทั่งวันนี้ เธอก็ยังพร้อมอยู่ต้อนรับคนซื้อฝันเหล่านั้นเหมือนเดิม
“ความฝันนั้น มีอยู่ สองสถาน
ฝันดีวาน ฝันร้าย เสมอศรี
ไม่ต้องคิด เพียงเเค่ สมฤดี
ฝันวันนี้ เป็นจริง ลงมือทำ”
ทุกคนมีฝันทั้งดีและไม่ดี ทุกคนต้องเคยฝันทั้งสองแบบมาหมดแล้ว แต่มีฝันอีกประหนึ่งที่เป็นฝันบอกเหตุว่า ฝันนั้นจะใกล้เคียงกับความจริง และมาเตือนเราให้เราเป็นคนที่ตั้งใจ มุ่งมั่น มีความเชื่อมั่น และพร้อมที่จะลงมือปฏิบัติอย่างถูกต้อง
[เตือนสิ่งใดที่มีผลดีนั้นเท่าเตือนตัวเอง]
LOOK A BREATHE
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in