เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Look a Breathe (Series 1 - 2)nimon
บันทึก/คนขาย/หนังสือ
  • การเลือกเก็บความทรงจำ



         ผมตัดสินใจนำขวดแก้วมาจากที่บ้าน และสอบถามทางร้านว่า ผมสามารถใช้ขวดแก้วที่ผมนำมาเก็บความทรงจำไว้ได้ไหม ทางร้านตอบว่า ได้ และผมก็เริ่มเก็บความทรงจำ พร้อมกับขอเลือกหนังสือเล่มหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ และทางร้านอนุญาต ผมจึงนำทั้งขวดแก้วและหนังสือกลับบ้าน


    การเข้าถึงซึ่งเจ้าของร้านขายหนังสือ



        เรารู้สึกว่า คนเเปลท่านนี้ แปลไม่ได้สนุกเท่ากับหนังสือเรื่อง แปลกพิกลคนรักหนังสือ เพราะเล่มนั้น ตอนอ่านแล้วรู้สึกว่า “ขำมากและสนุกสุด” แต่เล่มนี้แปลแบบเรื่อยๆมาเรียงๆ ก็ได้ใจไปอีกแบบ แต่ใช้เวลาในการอ่านนานมากเช่นกัน


    [เรากำลังคิดในอีกแง่ว่า 

    หนังสือคงมีแค่นี้ก็ย่อมเป็นได้]


         เราอยากซื้อภาษาอังกฤษมาอ่าน แต่ติดตรงว่า ซื้อหนังสือไทยเล่มนี้ในราคาสูงเช่นกัน จึงไม่ซื้อภาษาอังกฤษดีกว่า แต่หนังสือเล่มนี้โดยรวมก็ยังไม่ทิ้งกลิ่นอายจิกกัดของเจ้าของร้าน “The Book Shop” ที่สกอตแลนด์


    พาท่องเที่ยวและส่องคำ



         เราไปสกอตแลนด์ตอนยังไม่รู้จักหนังสือเล่มนี้ ไม่งั้น เราคงตัดสินใจไปพักที่ “The Open Book” และไปจัดหนังสือสักเล่มที่ “The Book Shop” แต่เอาเถอะ ครั้งหน้าก็ยังมีโอกาส หากร้านยังไม่ได้ปิดตัวไปซะก่อน


    [นิสัยของคนสกอตแลนด์น่ารักกว่าที่คิด]


         เราชอบตรงนิสัยของคนสกอตแลนด์ตรงไปตรงมา อย่างเช่น ไม่ทอนเงินรถเมล์ เพราะเป็นเครื่องยอดที่ไม่มีทอนเงิน และ คุณเขาบอกว่า อาหารร้านนี้ไม่อร่อย อย่าไปทานเลย เป็นต้น 


         คุณๆเขารักการอ่านมาก เพราะไม่ว่าไปที่ไหนในเมืองนี้ก็มีแต่คนอ่านหนังสือ ถึงแม้กำลังปิกนิก และปีนเขา ก็มีหนังสือติดสอยห้อยตามไปอ่าน 


         และการออกเสียง “เอดินบะระ” ที่คนสกอตแลนด์ไม่เข้าใจ แต่พอบอกว่า “เอดินเบิร์ก” ดันเข้าใจซะงั้น เช่นเดียวกับคนในเมืองที่เราเคยอยู่ พอบอกว่า “บริสตอล” ไม่เข้าใจ แต่ “บริสโตล” เข้าใจ ทำให้เราพบว่า ศัพท์บางคำที่เขียนในประเทศไทย อย่าริอาจมาใช้ในต่างประเทศเด็ดขาด เพราะเขาอาจจะมองด้วยสายตาแบบงุนงงอย่างที่เราเคยเจอก็เป็นไปได้


    สุดแสนกวดประสาทกำลังจะเริ่มขึ้น



    ณ ร้านหนังสือ


        เมื่อคุณคนเขียน ตัดสินใจซื้อร้านหนังสือมือสองร้านนี้มาเป็นของตัว และเขาพยายามที่จะไปค้นหาหนังสือที่ไม่มีในโลกแล้ว เข้ามาขายในร้านของเขา ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งง่ายดาย แต่มันเป็นเรื่องยากกว่าที่พบเห็น เพราะว่า กว่าจะประมูล กว่าจะแย่งชิง และกว่าจะได้เป็นเจ้าของหนังสือเก่าเหล่านั้น ก็เล่นจนเหงือกแห้งเหมือนกัน


    [หลังจากนั้นไม่นาน

    ก็มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย]



         เจ้าแมวกัปตัน แมวดำตัวนำโชค ให้คนเดินทางไกลมาเพื่อที่จะพบกับความน่ารักและมาดนิ่งของมันนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในการต้อนรับแขก และการที่เป็นนักเล่าเรื่องและชวนพูดคุยของคุณนักเขียนก็ยังเก็บลูกค้าเก่าไว้ได้อย่างมากมาย และเพิ่มหน้าลูกค้าใหม่มาเยี่ยมชมอีก



         ถึงแม้การขายหนังสือมือสองเหล่านั้น ก็เป็นเรื่องราวสุดแสนจะอันตรายและได้กำไรน้อย หรือส่วนใหญ่ก็แทบขาดทุน แต่คุณนักเขียนก็ยังทำต่อไป เพราะเพื่อต้อนรับลูกค้าหลากหลาย ไม่ว่า น่ารัก จอมกวน จอมแส่ จอมหาเรื่อง จอมเหวี่ยง และหลากหลายเจ้าจอมทั้งหลายที่จะสรรหาเรื่องชวนขำและชวนปวดหัวมาให้กันได้ทุกวัน


         และยังมีเรื่องราวที่คุณคนเขียนบอกอดีตภรรยาให้เปิดร้าน “The Open Book Apartment” สำหรับคนมาพัก มาเยี่ยมชมและมาแวะอ่านหนังสือ ให้ได้ด้วยดีอีกด้วย นี่คือเรื่องราวยังไม่ทั้งหมดของเล่มนี้ โปรดหาอ่านต่อในเล่มค่ะ


    ทำงานร้านหนังสือชั่วคราว


         เราเคยทำงานร้านหนังสือที่ร้านหนังสือชั้นนำของอังกฤษ ถึงแม้เป็นช่วงระยะสั้น แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่สนุกและมีความสุขช่วงหนึ่งอย่างมาก ถึงแม้จะเป็นช่วงทดลองงานก่อนทำจริง ก็สนุก


    [อย่าชวนคนซื้อหนังสือเด็ดขาด

    ให้ชวนคนอ่านหนังสือ]


         นี่คือ คำสอนข้างต้นของร้านหนังสือแห่งนี้ ทุกครั้ง หัวหน้าจะพูดว่า เราไม่ได้ขายคนซื้อหนังสือนะ แต่เราขายคนอ่านหนังสือ ดังนั้น อย่าชวนคุยว่า หนังสือนี้ดีเพื่อให้เขาซื้อ แต่ชวนคุยว่า หนังสือนี้ดีเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่เขา และก่อนอื่นทุกครั้ง ให้ชวนคุยเรื่องสัพเพเหระก่อน และจะพบว่า คนที่เราคุยอยู่เหมาะกับหนังสือเล่มไหน


         เรามีเพื่อนคนหนึ่งที่ชื่อ พอล ซึ่งเป็นเพื่อนพี่เลี้ยงสอนเราอยู่ พอลเป็นคนน่ารัก หน้าตาดี เสียงเพราะ พอลไม่เคยชวนลูกค้าซื้อหนังสือเลย พอลแค่ชวนคุยเรื่องราวท้องฟ้า อากาศ แถมแบ่งปันร่มให้กับลูกค้าที่ลืมเอาร่มมา พอลเคยบอกเราว่า การให้ร่มเขาคือการเพิ่มลูกค้ามากกว่าหนึ่งคน เพราะลูกค้าจะประทับใจและพาเพื่อนมาซื้อด้วย 


         เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ที่น่าเเปลกใจว่า เด็กหนุ่มวัย ๑๙ ปี อย่างพอล คิดขึ้นได้ และเวลาพอลเห็นคนอ่านหนังสือ พอลจะเดินเข้าไปชวนคุยถึงเรื่องเสื้อผ้า ก่อนวกกลับมาที่หนังสือ เป็นต้น เรื่องราวการขายนี้ เราซึ่งอายุมากกว่าได้เรียนรู้จากพอลที่อายุน้อยกว่าอย่างมาก และพอลยังชอบพูดคำพูดหนึ่งว่า ถ้าชาไม่ล้นถ้วย ก็มีเรื่องราวให้เรียนรู้อีกมากมาย ซึ่งเราพบว่าเป็นความจริง


         เรามีลูกค้าประจำคนหนึ่ง ชื่อ คุณป้าโซฟี แกมักจะมาพร้อมกับพูดคุยเรื่องราวลึกลับ ราวกับว่า เธอเป็นแม่มดซะงั้น และเราก็ชวนคุยนู่นนี้กับเธอ ไม่ว่า อากาศแบบนี้เหมาะกับการแสดงเวทมนต์ คาถา เป็นต้น เธอก็จะชอบใจเป็นพิเศษ เวลาเราชวนเธอคุยเรื่องคาถาและเวทมนตร์ ก่อนเราก็จะเริ่มแนะนำหนังสือเหล่านี้ เพราะเราคิดว่า เป็นประโยชน์ตรงที่เธอก็สนุกกับจินตนาการของเธอได้ และเธอก็มักซื้อทุกครั้งด้วย


    “ร้านหนังสือ สื่อถึง ความที่รัก

    การอ่านนัก กว่าสิ่ง อื่นใดนี้

    มีเพียงอ่าน และคุย กับคนที่

    ขายหนังสือ นี้ให้ กับทุกคน”



         เราชอบที่คุณคนเขียนชวนคุย ทุกคนจะพบได้ในทุกร้านหนังสือทั่วราชอาณาจักรอังกฤษ สกอตแลนด์ เวลล์ และไอร์แลนด์เหนือ เพราะคนขายทุกคนมีน้ำใจชอบชวนคุย และไม่รู้ทำไม เงินก็มักออกไปให้คนพวกนี้ซะด้วยสิ


    [อ่านหนังสือแล้วอย่าลืมอ่านตัวเองด้วย]   


    LOOK A BREATHE

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in