เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Look a Breathe (Series 1 - 2)nimon
#479 จารชนซ่อนกลรัก
  • ณ ห้องสมุด เดือนความรัก



         คุณตัดสินใจเดินทางเข้าไปที่บ้านเห็ด บ้านของห้องสมุดแห่งหนังสือแห่งนี้ คุณจึงตัดสินใจค่อยๆดู ค่อยๆอ่าน และไม่เลือกซื้ออะไรก่อนจะเดินออกมา


    “ความรัก ครั้งนี้ ต่างครั้งไหน

    ทั้งสอง ได้เรียน รู้เสมอ

    ว่ารัก เป็นสิ่ง ใดนั้นคือ

    รักแท้ ลือสนั่น ทั่วแผ่นดิน”


    เรื่องราวของรักทั้งคู่

         เมื่อตำรวจสายสืบข้อมูลอย่างภาคย์ ทินกร ที่ต้องมาตามจับนักจารชนข้อมูลระดับชาติที่ทั้งจารชนข้อมูลและปล้น จนแทบเป็นอาชญกรรายใหญ่ที่ตามจับเท่าไหร่ ก็จับไม่ได้สักที แต่เมื่อภาคย์รู้ว่า ที่แท้ นักจารชนข้อมูลคือเพื่อนสนิท เพื่อนครั้งเก่าอย่างบัว บุษบา แล้วภาคย์จะทำอย่างไรที่ต้องมาตามจับเพื่อนสนิทผู้ซึ่งตัวเขาเคยหลงรัก ทั้งงานและทั้งรักล่ะที่นี้ที่ทำให้ภาคย์ทั้งปวดหัวและปวดใจ เพราะฉะนั้น รักครั้งนี้จะลงเอยได้อย่างไร ก็คงต้องติดตามในเรื่องนี้กันแล้วค่ะ

  • เรื่องราวของเรื่องสั้นเรื่องนี้เริ่มต้น



    ตอนที่ ๑ เพชรสีชมพู



    ณ สถานที่จัดงานเพชรระดับชาติ


         สถานที่งานเเห่งนี้จะมีการจัดโชว์เพชรสีชมพู เพชรที่มีค่าและราคาแพงที่สุดในโลกที่ถูกมาโชว์ในประเทศไทยเป็นที่แรก แต่เจ้าของงานกลับได้รับจดหมายจากโจรกรรมเตือนว่า “เพชรต้องกลับไปหาเจ้าของที่แท้จริง” นั้นคือสาส์นที่กำลังบอกถึงการที่จะขโมยจาก “นิลสีเงิน”

    “ผมแปลกใจว่า เพชรนี้เป็นของคุณจริงหรือเปล่า”ภาคย์หรือทินกร ตำรวจสายสืบสอบถาม

    “ของผมจริงครับ”เจ้าของเพชรบอก

    “แล้วทำไม จดหมายถึงเขียนแบบนี้”ทินกรสอบถาม

    “โธ่ คุณภาคย์ จะไปเอาอะไรกับพวกขโมยล่ะครับ ผมเป็นเจ้าของที่แท้จริงครับ”เจ้าของเพชรบอก

    “งั้นผมมีวิธีที่ง่ายมากครับ ที่จะหยุดเจ้านิลสีเงิน”ทินกรพูดอย่างมั่นใจ

    “ทำไงครับ”เจ้าของเพชรสอบถาม

    “ทำเพชรปลอม”ทินกรตอบ

    “อะไรครับ”เจ้าของเพชรออกเสียงเหวอ

    “ใช่ครับ และของจริงค่อยเผยหลังจากที่คนประมูลเสร็จ โดยคุณค่อยนำของจริงให้กับเจ้าของใหม่ครับ”ทินกรบอกแผน

    “อีกห้าวันที่ผมต้องทำเพชรปลอม จะทันได้ไงครับ”เจ้าของเพชรสอบถาม

    “นี่ไงครับ”ทินกรบอกพร้อมกับเปิดกล่องออกมาและข้างในมีเพชรสีชมพูเหมือนกันถึงห้าเพชร และทินกรพูดต่อ

    “เพชรไหนที่เหมือนของจริงบ้างครับ”

    “คุณตำรวจครับ เราจะไม่ผิดหรือครับ”เจ้าของเพชรพูดอย่างเป็นห่วง

    “ถ้าไม่ทำแบบโจร แล้วจะจับโจรได้หรอครับ”ทินกรพูดต่อก่อนทำท่าหาว


         ส่วนเจ้าของเพชรมองแบบว่า จะฝากเพชรสีชมพูให้กับตำรวจลักษณะแบบนี้ได้หรือเปล่านะ ทั้งผมเผ้ายุ่ง ดูมีทีท่าเหมือนเพิ่งตื่นนอนอย่างบอกไม่ถูก และยังไม่พอ ยังจะทำเพชรปลอมอีก

    “อาครับ เราเชื่อถือหมอนี้ได้หรือครับ”หลานเจ้าของเพชรกระซิบถาม

    “คงต้องลองดู”เจ้าของเพชรบอกและรับกล่องเพชรมา ลองค่อยๆดู ค่อยๆส่องว่า เพชรไหนที่ดูใกล้เคียงของจริงที่สุด และเจ้าของเพชรเจอว่า มีเพียงเพชรเดียวที่ใกล้ของจริงมากที่สุด

    “เพชรนี้ล่ะครับที่เหมือนของจริงที่สุด”เจ้าของเพชรตอบ

    “ดีล่ะครับ งั้นนำเพชรนี้ไปหลอกนิลสีเงิน ส่วนเพชรจริงก็เก็บไว้ในที่ปลอดภัยครับ”ทินกรพูด

    “แล้วที่ปลอดภัยคือที่ไหนล่ะครับ คุณตำรวจ”หลานเจ้าของเพชรสอบถาม

    “ต้องเป็นที่ๆอันตรายที่สุดครับ”ทินกรพูดพร้อมกับปัดหัวยุ่งๆของเขา ก่อนจะยกเท้าขึ้นมา

    “แล้วที่ไหนล่ะครับ”หลานเจ้าของเพชรพูดเสียงดังแบบเริ่มทนไม่ไหว

    “ที่จัดงานครับ”ทินกรบอก

    “ยังไงล่ะครับ”เจ้าของเพชรก็เริ่มกล่าวเสียงเครียด

    “คุณวางไว้ในห้องที่ไม่มีคนคุม แต่เป็นห้องที่โจรเข้าไปไม่ได้ เพราะต้องเป็นห้องปิดตายครับ”ทินกรพูด

    “คุณจะพูดให้รู้เรื่องได้ไหมครับ”หลานเจ้าของเพชรถาม

    “นี่ไงครับ”ทินกรพูดและโชว์ภาพที่วาดให้ดูถึงที่เก็บเพชร

    “อย่างงี้นี้เอง ผมเข้าใจแล้วครับ”หลานและเจ้าของเพชรมองกันและบอกพร้อมกันอย่างเข้าใจ

    “ผมอยากรู้นักครับว่า ถ้าเจ้านิลสีเงินยังมาขโมยไปได้นี้ ผมอยากเห็นจริงครับว่า มันขโมยทางไหน”ทินกรพูด

    “โธ่ คุณภาคย์ อย่าพูดแบบนี้สิครับ”เจ้าของเพชรพูดสบถ

    “ผมขอโทษล่ะกันครับ”ทินกรพูด


         เมื่อถึงวันที่เพชรสีชมพูจะได้เชิดฉายให้กับสถานที่งานแห่งนี้ และเจ้าของงานเริ่มต้นที่จะทำตามแผนที่ทินกรวางไว้

    “ทำไมต้องใส่หน้ากากด้วยล่ะครับ”ทินกรสอบถามเจ้าของเพชร

    “มันเป็นธีมงานครับ คุณภาคย์ไม่ได้ดูหรอครับ”เจ้าของเพชรพูดและโชว์บัตรให้ดู

    “ผมว่า คุณคิดผิดครับ คนร้ายก็ใส่หน้ากากเข้ามาได้สิครับ”ทินกรพูดและทำให้เจ้าของเพชรเริ่มเครียด

    “ผมลืมคิดเรื่องนี้ครับ”เจ้าของเพชรบอก

    “ช่างเถอะครับ ผมไปดูห้องข้างๆที่วางเพชรต่อดีกว่าครับ”ทินกรพูด

    “ครับ ผมขอบคุณคุณภาคย์ครับ”เจ้าของเพชรบอก


         แล้วเมื่อถึงตอนที่เดินแบบ มีนางเเบบจำนวนมากมายโชว์เพชร จนถึงนางแบบคนสุดท้ายที่มากับชุดฟิเนเล่พร้อมกับสวมใส่เพชรปลอมที่ทินกรทำไว้ และถึงมีช่วงเปิดประมูลงานเพชรและโดยเฉพาะเพชรสีชมพูนี้ โดยคนที่ประมูลเพชรสีชมพูไปได้ คือ เศรษฐีหนุ่มพันล้านของประเทศไทยที่ประมูลไปได้ และถึงเวลาที่ต้องนำเพชรจริงออกมาให้กับเศรษฐีหนุ่มพันล้านนี้ ก็กลายเป็นว่า เพชรจริงนั้นหายไปแล้ว


    “เป็นไปได้ไง”เจ้าของเพชรสับสนมาก

    “ผมแปลกใจมากครับ”ทินกรพูดด้วยท่าทางเฉย

    “พวกเราเช็กเพชรก่อนแล้ว และห้องนั้นก็เป็นห้องปิดตาย แถมจากกล้องไม่มีใครเข้าไปเลยครับ”หลานเจ้าของเพชรบอก

    “ผมแปลกใจจริงๆครับ”ทินกรพูดต่อเหมือนเดิมพร้อมกับลูบหัวตัวเอง

    “คุณจะแปลกใจอะไรครับ ก็ในเมื่อพวกเราทำตามแผนคุณ”หลานเจ้าของเพชรพูดอย่างทนไม่ไหว

    “ครับๆ ผมยอมรับว่า ผมแพ้นิลสีเงินครับ แต่ผมแปลกว่า นิลสีเงินเข้ามาทางไหนไงครับ”ทินกรพูดอย่างใจเย็นและพูดต่อว่า

    “ไม่เป็นไรครับ ผมจะทวงเพชรสีชมพูกลับมาครับ แต่ผมต้องถามก่อนว่า”ทินกรพูดและหยุดหายใจก่อนจะพูดต่ออย่างเยือกเย็นว่า 

    “ผมต้องจับคุณในฐานะที่คุณขโมยเพชรสีชมพูมาจากเจ้าของที่แท้จริง”

    “คุณภาคย์ล้อผมเล่นหรือเปล่าครับ”เจ้าของเพชรพูดเสียงหลง

    “ผมไม่พูดผิดครับ”ทินกรพูดต่อและโชว์หลักฐานให้ดู พร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วย

    “คุณโฉมยงค์”เจ้าของเพชรเรียกเสียงหลง

    “ยังจำฉันได้หรือค่ะ คุณพีระ”โฉมยงค์บอก

    “ผมคงต้องจับคุณก่อน และผมค่อยไปค้นหาเพชรมาคืนเจ้าของตัวจริงทีหลังครับ ส่วนเรื่องประมูลก็คงค่อยคุยกันทีหลังครับ”ทินกรพูดเสียงเย็น

    “ไม่ได้ครับ เพราะผมประมูลและจ่ายเงินไปแล้วด้วยครับ”เศรษฐีหนุ่มโวยวาย

    “ก็ไปโวยวายขอเงินคืนจากคนที่ขโมยเงินคุณไปสิครับ”ทินกรพูด

    “นี่ คุณเป็นตำรวจจริงหรือเปล่าเนี่ย ทำไม คุณพูดแบบนี้ได้”เศรษฐีหนุ่มโวยวาย

    “ผมเป็นตำรวจจริงครับ และผมไม่ได้ถูกให้มาทำคดีเรื่องคุณด้วย”ทินกรพูดอย่างยียวน

    “ผมจะฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ”เศรษฐีหนุ่มพูด

    “เชิญครับ เชิญ”ทินกรพูดก่อนหาวและเดินออกไปพร้อมกับโฉมยงค์

    “คุณคงได้เพชรสีชมพูคืนแล้วใช่ไหมครับ”ทินกรถาม

    “อืม”โฉมยงค์ตอบรับ

    “ใครคือนิลสีเงินครับ”ทินกรถาม

    “ฉันไม่รู้ มีคนติดต่อฉันเข้ามาว่า จะเอาเพชรมาคืน”โฉมยงค์พูดและยื่นจดหมายมาให้ทินกรดู

    “ลายมือเดียวกันกับนิลสีเงิน”ทินกรพูด

    “นิลสีเงินเป็นคนดี เป็นโจรในคราบคนขาว”โฉมยงค์พูด

    “ครับ คงอยากเป็นโรบินฮูดมั่งครับ”ทินกรบอก

    “อย่าจับนิลสีเงินไม่ได้หรือ คุณตำรวจ”โฉมยงค์ถาม

    “ผมจะถือว่าไม่ได้ยินครับ”ทินกรบอกก่อนเดินออกไป ปล่อยโฉมยงค์ให้อยู่คนเดียว และทินกรเดินไปที่รถก่อนขับออกไป

  • ตอนที่ ๒ เพื่อนสนิท


    “เป็นไงบ้างครับ พี่ภาคย์”รุ่นน้องตำรวจสอบถาม

    “พี่พลาดอีกตามเคย จับไม่ได้สักที”ทินกรพูด

    “แต่เจ้านิลสีเงินก็ทำเพื่อคืนของให้เจ้าของตัวจริงเองครับ”รุ่นน้องตำรวจสอบถาม

    “ก็ใช่นะ แต่ความจริงคือผิดไง”ทินกรบอก

    “ผิดยังไงครับ”รุ่นน้องตำรวจสอบถาม

    “ผมคงต้องเอาใบที่คุณจบตำรวจคืนครับ เพราะคุณเข้าข้างโจรซะงั้น ก็ลองคิดดูสิครับ เจ้านิลสีเงินตั้งใจทำตัวเองเป็นศาลเตี้ย ทำไมไม่เเจ้งตำรวจล่ะครับ”ทินกรพูดด้วยเสียงเย็นๆ

    “ก็เพราะตำรวจช่วยไม่ได้ไงครับ”รุ่นน้องตำรวจตอบ

    “ถือว่าผมไม่ได้ยินครับ”ทินกรพูดและเดินไปชงกาแฟมาดื่มแก้ง่วง เพราะเวลาเขาทำงานทีใด เขารู้สึกง่วงนอนตลอดเลย และเขาตัดสินใจจะเดินออกไปข้างนอกก่อน

    “พี่ภาคย์ มีร้านหนังสือเปิดแถวนี้ด้วยครับ”รุ่นน้องตำรวจคนเดิมบอก เพราะรู้ว่า ทินกรชอบอ่านหนังสือมาก และยังมีพูดต่อว่า

    “เจ้าของร้านน่ารักด้วยครับ”

    “ครับ”ทินกรตอบก่อนเดินออกไป เพื่อเตรียมตัวไปดูร้านหนังสือที่รุ่นน้องบอก เพราะทินกรคิดว่า ถ้าได้อ่านหนังสือคงจะทำให้สมองเขาแล่นกว่านี้


    ณ ร้านหนังสือฮีล


          ทินกรเดินเข้าไปเห็นป้ายร้านหนังสือฮีล และค่อยๆผลักประตูเข้าไป ก่อนจะได้ยินเสียงใสของเจ้าของร้านกล่าวต้อนรับ และทินกรต้องมองไปยังหน้าของเจ้าของร้านอย่างมั่นใจ ก่อนจะเผลอเรียกออกมาว่า

    “บัว”ทินกรเรียก

    “อ้าว ภาคย์”บัวเรียกทินกรอย่างดีใจและพูดต่อว่า

    “ไม่ได้เจอตั้งนาน เป็นไงบ้าง”

    “ก็แบบเดิมล่ะ”ทินกรบอก และชวนคุยต่อว่า

    “บัวเป็นเจ้าของร้านหนังสือหรอ”

    “อืม ใช่”บัวตอบ ก่อนถามว่า

    “วันนี้ ภาคย์อยากให้บัวแนะนำหนังสืออะไรไหม”บัวสอบถาม

    “ไม่ ผมเดินดูดีกว่า ผมขอตัว”ทินกรบอกก่อนที่จะเดินไปชมหนังสือในร้าน และทินกรแอบมองไปยังบัว ก่อนมีความคิดหลายอย่างในใจ และตัดสินใจเดินกลับมาหาบัว พร้อมกับหนังสือหนึ่งเล่ม

    “บัว ไม่ชอบอ่านหนังสือไม่ใช่หรือ”ทินกรถาม และยื่นหนังสือให้บัว ก่อนที่บัวจะนำหนังสือเล่มนี้มาห่อ จับหนังสือมาใส่กล่อง หยิบของแถมใส่เข้าไป และปิดกล่อง ก่อนที่จะนำกล่องใส่ถุง และบัวค่อยตอบว่า

    “สมัยเด็กนะ ตอนนี้บัวชอบ”บัวตอบ

    “อืมก็ดี ผมดีใจที่บัวมาอยู่แถวที่ผมทำงาน”ทินกรพูด

    “อืม บัวก็ดีใจที่เจอภาคย์”บัวพูดพร้อมยิ้มให้

    “บัว กลับมาเป็นเพื่อนสนิทกันอีกไหม”ทินกรถาม

    “อืม เอาสิ กลับมาเป็นเพื่อนกัน”บัวบอก

    “เย็นนี้ ไปกินอะไรกันไหม”ทินกรถาม

    “อืม กี่โมงดี”บัวถาม

    “ขอไลน์และคุยกันนะ”ทินกรบอก

    “อืม ได้เลย”บัวพูด และทั้งคู่แลกไลน์กัน 

         ทินกรเดินเข้าไปที่สถานีตำรวจพร้อมรอยยิ้มที่ดีใจมาก ซึ่งยากมากที่เพื่อนร่วมงานจะเห็นทินกรยิ้มแบบนี้ เพราะว่า ทินกรมักจะทำหน้าเฉยกับง่วงตลอด และรุ่นน้องตำรวจคนเดิมมาสอบถาม

    “วันนี้มีอะไรดีหรือเปล่าครับ”

    “ไม่มีครับ”ทินกรตอบ

    “แล้วทำไมพี่ถึงยิ้มครับ”รุ่นน้องตำรวจสอบถาม

    “ผมพบเพื่อนสนิทครั้งเก่าครับ”ทินกรตอบ และเดินออกไปไม่คุยต่อ ก่อนที่จะเข้าไปยังห้องของตัวเอง ไปตรวจสอบต่อว่า นิลสีเงินเข้ามาตอนไหน


         พอถึงตกเย็น ทั้งทินกรและบัวก็ไปทานอาหารที่ร้านแถวๆที่ทำงานตรงแทบห้องสมุด และทินกรชวนคุยว่า

    “กินที่นี้บ่อยไหมครับ”

    “ทุกวันเลย”บัวตอบ

    “ครั้งหน้า ผมจะพาไปที่อื่นที่อร่อยกว่าที่นี้ครับ”ทินกรบอก

    “ได้เลย”บัวพูดก่อนหัวเราะ

    “หัวเราะอะไร”ทินกรถาม

    “หัวเราะที่ภาคย์ยังเหมือนเดิม”บัวพูด

    “นั้นสิ แต่บัวดูเปลี่ยนไปครับ”ทินกรพูด

    “เปลี่ยนไปยังไง”บัวสอบถามอย่างตั้งใจ

    “ก็สวยขึ้น และดูเป็นผู้ใหญ่”ทินกรพูด

    “ขอบคุณนะ ภาคย์ก็ดูดีเหมือนเดิม”บัวบอก

    “บัว มีแฟนยัง”ทินกรถาม

    “ยัง แล้วภาคย์ล่ะ”บัวถาม

    “ไม่มี”ทินกรตอบ ก่อนที่ภาคย์จะชวนคุยต่อว่า

    “เป็นแฟนกันไหม”

    “ไม่”บัวตอบทันที

    “ทำไม”ภาคย์ทำท่างอน

    “บัวไม่ใช่แบบที่ภาคย์ชอบไง ถึงคบกัน ก็ไม่รอดหรอก เป็นเพื่อนกันแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว”บัวบอก

    “คิดเองเออเองทั้งนั้น”ทินกรบอก และพูดกับบัวอย่างตั้งใจจริงว่า

    “แต่งงานกันเถอะนะ บัวช่วยผมได้ไหม”

    “ยังไง ช่วยอะไร ครั้งแรกเป็นแฟน ตอนนี้แต่งงานเลยหรอ”บัวถาม

    “ก็ใช่ เพราะผมอยากให้บัวช่วยเป็นภรรยาผมหน่อย เพราะแม่ผมจะหาผู้หญิงให้ แต่ผมไม่ชอบ”ทินกรบอก

    “ไม่เอาหรอก บัวไม่ชอบ”บัวบอก

    “โธ่นะ ช่วยผมหน่อย”ทินกรขอร้อง

    “บัวขอคิดก่อนล่ะกัน”บัวบอก

    “ได้เลย ถ้าตอบตกลง โทรมาบอกผมนะ”ทินกรบอก ก่อนที่ทั้งคู่จะทานอาหารกันเสร็จ และทินกรไปส่งบัวที่บ้าน


         หลังจากที่ทินกรส่งบัวไปที่บ้าน ทินกรเดินทางกลับไปยังที่ห้องทำงานของตัวเอง ก่อนจะโทรไปบอกกับนายว่า 

    “ผมคิดว่า ผมเจอนิลสีเงินแล้วครับ”

    “อืมดี ครั้งนี้ต้องจับให้มั่นนะ”นายบอก

    “ครับ”ทินกรตอบรับ

  • ตอนที่ ๓ นิลสีเงิน


         หลังจากทินกรคุยกับนายเสร็จ ทินกรขับรถมาถึงบ้านของบัวอีกครั้ง ทินกรมองไปที่หน้าต่างที่รู้ว่า เป็นห้องของบัว ทำให้เขาครุ่นคิดเรื่องอะไรตั้งมากมาย และเขามั่นใจว่า นิลสีเงินคือบัวอย่างแน่นอน


    “จดหมายของนิลสีเงินมีกลิ่นพิเศษ”ตำรวจหลายคนบอก

    “กลิ่นนี้เป็นกลิ่นจากสมุนไพรหายาก”ผู้เชี่ยวชาญกลิ่นบอก

    “สมุนไพรพิเศษที่ทำมาจากดอกไม้ป่านานาพันธุ์”ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสมุนไพรบอก

    ‘กล่องหนังสือรวมถึงถุงหนังสือของร้านบัวเป็นกลิ่นเดียวกัน’ทินกรคิด และทินกรตัดสินใจถามบัวในขณะที่กินข้าวว่า


    “กลิ่นกล่องและถุงของร้านบัวหอมจัง”

    “บัวผสมกลิ่นเองล่ะ จากดอกไม้ป่า”บัวบอก

    “ทำไมต้องเป็นกลิ่นนี้”ทินกรถาม

    “บัวชอบ มีอะไรหรือเปล่า”บัวถาม

    “ไม่มี แต่ผมแค่แปลกใจว่า กลิ่นหอมมีเอกลักษณ์มาก”ทินกรพูด

    “ภาคย์ บัวต้องสร้างเอกลักษณ์ให้กับตัวเองสิ”บัวพูด

    “งั้นหรือ”ทินกรพูด ก่อนที่ในหัวของทินกรต้องทำงานต่อไป โดยจะเข้าไปอยู่กับบัวและตรวจสอบว่า บัวเป็นนิลสีเงินหรือเปล่า แผนแฟนกับแต่งงานก็โผล่มาในหัวของทินกรทันที และทินกรรู้ว่า บัวต้องปฏิเสธ แต่ยังไง ทินกรก็จะเข้าไปหาบัว เพื่อตามหาว่า บัวคือนิลสีเงินหรือไม่ให้ได้


    “ทำไมนะบัว ทำไมต้องเป็นบัว”ทินกรพูดกับตัวเอง ขณะที่เห็นบัวกำลังเปิดหน้าต่างออกมารับลม


    “ฉันคิดว่า ทินกรรู้แล้วว่า ฉันคือนิลสีเงิน”บัวพูด

    “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน”เสียงปลายสายบอก

    “จะให้ฉันทำไงต่อไป”บัวถาม

    “แต่งงานกับทินกรซะ”เสียงปลายสายบอก

    “เพื่ออะไร”บัวถามอย่างตกใจ

    “เพื่อเธอจะได้เข้าไปสืบทางทินกร”เสียงปลายสายตอบอย่างเย็น

    “สืบอะไร ฉันไม่เข้าใจ”บัวถาม

    “เธอรู้อยู่แล้วนิ บัว ไม่เอานะ อย่าทำเป็นไม่รู้”เสียงปลายสายพูด

    “ก็ได้”บัวตอบรับ


         ทินกรไม่คิดว่า บัวจะโทรศัพท์เข้ามาในขณะที่บัวอยู่ตรงระเบียงห้อง และทินกรแอบมองบัวอยู่ โดยที่บัวไม่มีทางรู้ และบัวโทรมาตอบรับที่จะเเต่งงาน กับทินกร ซึ่งทำให้ทินกรแปลกใจมากว่า ทำไมบัวถึงยอมแต่งงานกับเขา


    “ผมกำลังจะแต่งงานกับคนที่ผมคิดว่าเป็นนิลสีเงิน”ทินกรพูดกับนาย

    “ตามแผนเลย ไม่คิดว่า นิลสีเงินจะเดินมาติดกับดักขนาดนี้”นายพูด

    “ครับ ผมจะจัดการแผนต่อไป”ทินกรพูด

    “จัดการเลย”นายบอก

    “ครับ”ทินกรพูด


         หลังจากนั้นผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ทินกรกับบัวแต่งงานกัน และทั้งสองไปจดทะเบียนสมรสกัน ก่อนที่ทินกรตัดสินใจพาบัวย้ายเข้าไปที่บ้านของตัวเขาเอง

    “บัว อยู่ได้ไหม”ทินกรถาม

    “ได้ค่ะ”บัวบอก

    และทินกรตัดสินใจทำตามแผนของตัวเอง โดยการเข้าไปกอดบัว และกระซิบข้างหูบัวว่า 

    “วันนี้บัวไม่ใช้น้ำหอมนั้นหรือ”

    “บัวเปลี่ยนน้ำหอมค่ะ”บัวบอก

    “ผมชอบน้ำหอมเดิมของคุณ”ทินกรบอก

    “พรุ่งนี้ บัวจะใช้ล่ะกันค่ะ”บัวพูดและเบี่ยงหลบทินกร ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป และทินกรใช้กุญเเจไขเข้ามา

    “พวกเราแต่งงานกันแล้ว ผมจะมานอนกับบัว”ทินกรบอก

    “ก็ได้ แต่คุณคงไม่ทำอะไรบัวใช่ไหมค่ะ”บัวพูดเสียงหลง

    “ครับ”ทินกรตอบรับและจับบัวมากอดแทน


         ในระหว่างที่นอน ทั้งทินกรและบัวที่อยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน แต่ทั้งคู่กลับคิดเรื่องราวของทั้งสองคนที่ต่างกันไปว่า แผนการของทั้งสองคนจะดำเนินไปในทิศทางใด


         เมื่อสองชั่วโมงก่อนที่ทินกรอยู่ในงานแต่งงานกับบัว เสียงโทรศัพท์ของทินกรดังขึ้นมา

    “ครั้งนี้ นิลสีเงินส่งจดหมายมาหาการไฟฟ้าครับ”เพื่อนตำรวจด้วยกันโทรมารายงาน

    “จดหมาย”ทินกรพูดสั้นๆ

    “จารกรรมข้อมูลครับ”เพื่อนตำรวจตอบต่อ ก่อนจะบอกทินกรว่า

    “นายขอคุยครับ”

    “ขอบคุณครับ”ทินกรพูด

    “ผมอยากเห็นนักว่า นิลสีเงินจะจารกรรมข้อมูลได้ไง ในเมื่อผมสั่งตำรวจมามากมายแล้ว และครั้งนี้ผมจะออกโรงเอง แต่ต้องขอความร่วมมือกับคุณ”นายบอก

    “ผมเข้าใจครับ ผมจะเฝ้านิลสีเงินเอง”ทินกรพูด

    “ดีมาก คุณคือลูกน้องที่เข้าใจผมที่สุด”นายพูด ก่อนวางสายไป


    ‘คุณคิดอะไรอยู่นะ บัว’ทินกรคิด ก่อนเดินเข้าไปในงานแต่งงาน และก็เรื่อยมาจนถึงตอนนี้ที่ทั้งทินกรและบัวอยู่ในอ้อมกอดกัน จากที่คุยกับเพื่อนตำรวจ ตอนนี้ก็เลยเวลาแล้วที่นิลสีเงินประกาศว่า จะขโมยข้อมูล ก็หมายความว่า บัวไม่ใช่นิลสีเงินหรือเนี่ย แล้วใครล่ะคือนิลสีเงินตัวจริง


    “บัว หลับยังครับ”ทินกรสอบถาม

    “ยังค่ะ”บัวตอบ

    “หิวไหม”ทินกรถาม

    “หิวก็หิวค่ะ แต่ดึกแล้ว”บัวตอบ

    “ผมหิว ไปหาอะไรกินกันในครัวกัน”ทินกรบอก

    “แต่คุณแม่ของคุณทินกรไม่ให้ออกจากห้องนอนนี้ค่ะ”บัวบอก

    “แหม ครั้งแรก คุณก็จะไล่ผมและยึดห้องนอนคนเดียวอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องกังวล เพราะยังไง เราไม่ได้ออกจากบ้านนี่”ทินกรบอก

    “จริงค่ะ งั้นไปหาอะไรกินกันค่ะ”บัวพูด และทั้งสองคนเดินเข้าไปในครัว ก่อนที่ทินกรจะพูดแซวขึ้นมาว่า

    “นึกถึงสมัยก่อนเนอะ”ทินกรพูด

    “เรื่องอะไรค่ะ”บัวถาม

    “สมัยก่อน บัวชอบเล่นเป็นแม่ค้า และผมเล่นเป็นคนซื้อไงครับ”ทินกรพูดพร้อมยิ้ม

    “อืม ใช่ค่ะ ที่คุณช่างอ่อนโยน ยอมเล่นเป็นลูกค้าประจำเลย”บัวตอบและหัวเราะ

    “…”ภาคย์เงียบไป ในขณะที่บัวกำลังค้นหาวัตถุดิบและเครื่องปรุงในครัว ก่อนที่บัวจะเจอและตัดสินใจที่กำลังทำอาหารให้


    ‘ร้านหนังสือบัวน่ารักดีนะ ข้างล่างเป็นคาเฟ่ด้วย’ทินกรพูด

    ‘ใช่ๆ บัวกำลังฝึกฝนทำอาหารอยู่ เลยยังไม่ได้เปิดคาเฟ่ด้านล่าง ภาคย์สนใจสมัครเป็นลูกมือบัวไหม’บัวถาม

    ‘ผมหรอ ไม่เอาด้วยหรอก’ทินกรพูด

    ‘ภาคย์ ทำงานอยู่ที่ไหน’บัวถาม

    ‘สถานีตำรวจ’ทินกรตอบ

    ‘ภาคย์ไม่อยากเป็นตำรวจไม่ใช่หรือ’บัวถาม

    ‘ตอนนี้อยากเป็น แต่ถ้าบัวแต่งงานกับผม ผมจะสอนทำอาหารให้ บัวสนใจไหม’ภาคย์ตอบ

    ‘บัวสนนะ แต่ขอคิดดูก่อน’บัวตอบ

    ‘ได้ครับ’ทินกรพูด ก่อนจะยิ้มให้บัว เพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนาน


    “คุณสุภาพสตรีที่อยู่ตรงหน้าผมคือใครครับ”ทินกรถาม ในขณะที่บัวกำลังทำอาหารอยู่

    “บัวค่ะ”บัวตอบกลับมา

    “ผมแปลกใจมากเลยครับ”ทินกรพูดด้วยเสียงเย็น

    “แปลกใจอะไรค่ะ”บัวพูดก่อนปิดแก๊สทุกอย่างก่อน

    “บัวไม่รู้จริงๆหรือครับ”ทินกรสอบถามด้วยท่าทางบอกไม่ถูก

    “บัวคือบัว และบัวจะเป็นใคร”บัวตอบ

    “งั้นหรือครับ”ทินกรตอบ ก่อนที่จะพูดต่อว่า

    “บัวบอกว่า ผมอ่อนโยนหรือครับ”

    “ใช่ บัวจำได้ตลอดเลยว่า คุณเล่นกับบัวและปกป้องบัวตลอดค่ะ”บัวตอบ

    “งั้นหรือครับ”ทินกรตอบแค่นั้น

    “ใช่ค่ะ”บัวตอบ

    “คุณไม่รู้อะไรจริงๆเลย คุณไม่รู้ถึงมิตรภาพแสนดีงามของเราทั้งสองครับ”ทินกรพูดด้วยเสียงเยือกเย็น และเดินเข้ามาใกล้ ก่อนที่บัวปลอมจะนำอาหารที่ร้อน กำลังจะราดเข้าไปที่หน้าของทินกร แต่ทินกรจับได้ก่อน และจับมือบัวปลอมก่อนพูดว่า

    “เล่นราดแบบนี้ มันอันตรายครับ”ทินกรพูดก่อนจะบีบมือบัวปลอม

    “ฉันขอโทษค่ะ”บัวปลอมพูดก่อนที่ปล่อยผงบางอย่างให้กับทินกร และทินกรก็หลับไป


         เมื่อทินกรตื่นเช้าขึ้นมา ทินกรก็พบว่า ตัวเขาเองอยู่ที่เตียงพร้อมกับบัว และทินกรสับสนมากว่า เกิดอะไรขึ้นสักอย่างที่ทินกรกลับจำไม่ได้ และทินกรปลุกบัว

    “บัว ตื่นได้แล้วครับ”ทินกรบอก

    “แปล๊บนะ ภาคย์ บัวง่วง เมื่อคืนเหนื่อยมาก”บัวบอก

    “ตื่นเถอะ เดี๋ยวผมทำอาหารเช้าให้ วันนี้ ต้องทำงานนะ”ทินกรบอก

    “จริงด้วย ภาคย์ ลืมไปเลย”บัวบอก

    “อาทิตย์หน้าไปเที่ยวฮันนีมูนกัน จำได้นะ”ทินกรบอก

    “จำได้ แล้วภาคย์ลาได้หรอ ตั้งสิบวัน”บัวถาม

    “ได้ ผมลาเรียบร้อย”ทินกรบอก

    “บัว เตรียมเก็บกระเป๋ารอเลยนะ เชื่อไหม บัวตื่นเต้นมาก บัววางแผนไว้เลย”บัวบอก

    “แผนเที่ยว”ทินกรถาม

    “ใช่ ภาคย์ดูสิ”บัวบอกและคุยต่อถึงเมื่อครั้งก่อนที่เจอกันที่ภาคย์ชวนไปเที่ยวญี่ปุ่นกันและบัวตอบรับจะไป แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นฮันนีมูนแทน

    “บัวค้นหาจนละเอียดเลยนะ”

    “ผมถึงชอบไปกับบัว เพราะมีบัวอยู่ข้างๆ ผมก็รอดแล้ว”ทินกรบอก

    “เชื่อมือบัวได้”บัวบอก

    “ผมก็ว่างั้น ไปทำงานกันดีกว่า”ทินกรบอก ก่อนที่จะเดินไปที่ครัว และทำอาหารให้บัวทาน และเมื่อเปิดดูถังขยะกลับพบว่า มีร่องรอยการเปลี่ยนถุงขยะเกิดขึ้น แต่ทำไมนะ ทินกรกลับจำอะไรไม่ได้เลย และทินกรสอนบัวทำอาหาร 

    “บัวลองทำของตัวเองดูสิ”ภาคย์บอก

    “ได้เลย”บัวบอกและบัวลองทำดู ทินกรสอนวิธี จนบัวทำออกมาสำเร็จหนึ่งจาน และเมื่อตัวเธอเองกินเข้าไป ก็รู้สึกอร่อย

    “เย้ๆๆ บัวทำอาหารได้แล้ว ภาคย์”บัวบอก และทำให้ทินกรเหมือนกำลังจะนึกอะไรบางอย่างได้

    “วันนี้ ผมจะกลับมาสอนบัวทำอาหารอีกหลายอย่างเลย”ทินกรบอก

    “รับทราบ”บัวพูดก่อนทำท่าวันทยหัตถ์ และทินกรหัวเราะก่อนลูบหัวบัว และแอบหอมแก้มบัวด้วย

    “ภาคย์”บัวพูดก่อนทำท่าเขินอาย และแอบมองคน

    “ไม่มีใครเห็นหรอกนะ”ทินกรพูด และยื่นแก้มให้บัว ก่อนบอกว่า

    “บัวให้กำลังใจผมด้วยสิ”ทินกรบอก

    “อืม”บัวพูดก่อนเขย่งเท้ามาหอมแก้มทินกร แต่ทินกรเลื่อนมาเป็นจูบกันแทน

    “ภาคย์ นี่โตขึ้น ชอบเอาเปรียบกัน”บัวพูด

    “ผมล่ะเสียเปรียบ ไม่เห็นเอาเปรียบตรงไหนเลย”ทินกรพูด

    “บัวเลิกคุยกับภาคย์ดีกว่า ถ้าอยู่ตรงนี้ต่อไป เสียเปรียบแน่”บัวพูด

    “ผมไม่ทำแล้ว ก็ผมอยากได้กำลังใจจากบัวนี่”ทินกรพูด

    “บัวเข้าใจ”บัวพูด

    “โธ่ แล้วทำงอน”ทินกรพูด

    “ก็งอนจริง แต่มีคนง้อเลยต้องหายงอน”บัวพูดพร้อมเดินไปที่รถของตัวเอง ส่วนทินกรหัวเราะก่อนที่พูดว่า 

    “ผมติดรถบัวด้วยสิ”

    “อืม เอาสิ”บัวบอก และพูดต่อว่า

    “บัวสงสัยว่า ทินกรคนเก่าที่เนี๊ยบนี่หายไปไหน”บัวพูด และทินกรหัวเราะ แต่ไม่ตอบอะไร

    “หรือปลอมตัวจับคนร้ายอยู่”บัวถามต่อ

    “ไม่หรอก ผมเบื่อเนี๊ยบแล้ว หรือบัวไม่ชอบผมในตอนนี้”ทินกรพูดและทำหน้าตาเจ้าเล่ห์

    “ไม่หรอก บัวชอบทุกอย่างที่เป็นภาคย์ล่ะ”บัวบอก และทินกรนึกขึ้นได้ว่า อยากถามบัวบางอย่าง ทินกรจึงสอบถาม

    “บัวทำน้ำหอมใช้เองหรอ แล้วบัวไปเอาดอกไม้ป่าจากไหน”ทินกรสอบถาม

    “บัวปลูกที่สวนหลังงร้านหนังสือของบัว”บัวบอกและพูดต่อว่า

    “ภาคย์ อยากเห็นไหม”บัวพูด

    “อยาก”ทินกรตอบสั้น

    “จัด”บัวพูด ก่อนจะพาทินกรไปดูยังดอกไม้ป่าที่อยู่ในเรือนกระจกขนาดกลาง และบัวบอกกับภาคย์ว่า

    “บัวชอบของหอม จึงทำน้ำหอมใช้เอง และฉีดไปที่กล่องใส่หนังสือ กระดาษห่อหนังสือ และถุงใส่หนังสือ เพื่อให้มีกลิ่นหอม พอคนเปิดมา ดมก็ผ่อนคลาย”บัวบอก

    “คิดดีมากนะ บัว”ภาคย์บอก และพูดต่อว่า

    “บัวทำงานแค่ร้านหนังสือ”

    “อืม”บัวตอบสั้น และพูดต่อแบบหัวเราะว่า

    “ตอนนี้บัวทำหน้าที่เป็นภรรยาของภาคย์ด้วยไง”

    “นับไม่ได้หรอกนะ เพราะภรรยาไม่ใช่หน้าที่ แต่เป็นความรักต่างหาก คนละอย่างกัน”ทินกรพูด

    “งั้นก็ตามนั้น”บัวพูด ก่อนจะพาทินกรเดินออกไปจากสวนหลังร้านหนังสือของบัว และก่อนที่ทินกรจะเดินไปทำงาน ทินกรพูดว่า

    “ผมรักบัว แล้วบัวล่ะ”

    “บัวรักภาคย์เหมือนกัน”บัวพูด 


         เมื่อทินกรเดินออกไปจากร้านหนังสือของบัว และทินกรเดินเข้าไปที่สถานีตำรวจ ก่อนจะพบว่า นายของเขารอเขาอยู่ที่ห้องอยู่แล้ว และนายพูดว่า

    “ทำไมไม่รับโทรศัพท์”

    “ไม่มีคนโทรหาผมนี่ครับ”ทินกรพูดอย่างสงสัยก่อนยื่นโทรศัพท์ของเขาให้นายดู

    “เอาโทรศัพท์ของภาคย์ไปตรวจสอบ”นายสั่งนายตำรวจคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญเรื่องการเจาะระบบ

    “เกิดอะไรขึ้นครับ”ทินกรสอบถาม

    “นิลสีเงินจารกรรมข้อมูลของการไฟฟ้าไปหมดแล้ว”นายพูดด้วยอารมณ์เสีย

    “หมายความว่าไงครับ”ทินกรยังมึนงงอยู่

    “นิลสีเงินจารกรรมข้อมูลของการไฟฟ้าไปหมด”นายพูดและโยนหนังสือพิมพ์ให้กับทินกรดู


    ‘เมื่อนิลสีเงินท้าทายอำนาจตำรวจ’

    ‘จารกรรมข้อมูลลับไปหมด และข้อมูลฮั้วประมูลของรัฐบาลกับเอกชนก็ถูกเปิดเผย’ 

    ‘เมื่อการไฟฟ้าให้เอกชนเป็นคนผลิตไฟจำนวนมากแทนรัฐบาล’

    ‘นักสืบชาวเน็ต พร้อมใจกันค้นหาข้อมูลเรื่องราวพวกนี้มาเปิดเผย’

    ‘ข้อมูลลับรั่วไหล เมื่อนิลสีเงินทำหน้าที่เปิดเผย’

    ‘ภายในองค์กรมีเนื้อร้ายที่โกงเงินประชาชนเป็นขบวนการ’

    ‘ค่าไฟแพงเพราะนำมาให้พวกมันโกง’

    ‘นักสืบชาวเน็ตสืบจนพบว่า คนพวกนี้โกงจนบ้านของพวกมันใหญ่โต แต่ประชาชนต้องใช้เหงื่ออาบต่างน้ำ’

    ‘โกงคนละหนึ่งบาทก็ได้คนละหกสิบกว่าล้านแล้ว แล้วถ้าโกงมากกว่านั้น หลายคนเป็นเศรษฐีและเศรษฐีนีใหม่กันทีเดียว’

    ‘ไม่มีใครยากจน จึงขอยอมเป็นคนโกงที่ไม่เชื่อเรื่องบุญบาป’

    ‘องค์กรยังเหลือคนดีสักคนอยู่ไหม หรือเหลือคนที่ไม่ใช่คน’


         ทั้งหมด คือ การพาดหัวข่าวของแต่ละสำนัก โดยเฉพาะการอ้างถึงการโกงของคนในองค์กรที่โกงเงินค่าไฟฟ้าของประชาชนเอย การที่เอกชนได้ผลิตไฟฟ้าจำนวนมากกว่าบ้าง สองประเด็นร้อนตอนนี้ก็กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่รอให้ทุกคนพูดถึงอีกมาก และทุกคนต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือในการทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง ส่วนตอนนี้ทั้งทางฝั่งรัฐบาลและเอกชนก็เดินหน้ากันออกมาบอกว่า 

    ‘ไม่ใช่คามจริง เพราะความจริงคือรัฐบาลผลิตไฟมากกว่าเอกชน


    “ผมคิดอยู่ว่า ทำไมนายต้องมายุ่งเรื่องนี้ด้วยครับ”ทินกรพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

    “หมายความว่าไง”นายตะโกนเสียงดัง ก่อนจะตบหน้าทินกรไปฉาดหนึ่ง

    “นายควรรู้ว่าผมหมายความว่าไง”ทินกรพูด ก่อนจับแก้มตัวเองที่ถูกตบ และพูดต่อว่า

    “นายอยู่ฝ่ายไหนล่ะ”

    “…”นายไม่ตอบแต่เดินออกไปเลย ส่วนรุ่นน้องตำรวจก็เดินเข้ามาบอกว่า

    “พี่ภาคย์ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

    “ไม่ ขอบคุณครับ”ทินกรพูด ก่อนจะเดินออกไปเอาโทรศัพท์ของตัวเองคืนจากนายตำรวจผู้เชี่ยวชาญคนนั้น และทินกรชวนคุยกับนายตำรวจคนนั้นต่อ

    “ผมกำลังจารกรรมข้อมูลอยู่ และกำลังเจาะข้อมูลไปพร้อมกับที่นิลสีเงินเจาะ แต่นิลสีเงินใช้เวลาเร็วมากครับ เพียงสามนาที ข้อมูลทุกอย่างก็หลุดเข้าไปที่นิลสีเงิน ผมขอพูดอะไรบางอย่างที่ตำรวจแบบผมไม่ควรพูดนะครับ”นายตำรวจคนนั้นพูดด้วยเสียงสั่นๆ

    “อยากพูดอะไรครับ”ทินกรสอบถาม

    “ผมเข้าข้างนิลสีเงินครับ”นายตำรวจคนนั้นพูด

    “ถือว่าผมไม่ได้ยินนะครับ”ทินกรพูด และเดินออกไป ก่อนที่จะรับรู้จากนายตำรวจคนนั้นว่า นายสั่งให้ติดเครื่องจีพีเอสในมือถือของทินกร และนายตำรวจคนนั้นก็สอนวิธีการซ่อนจีพิเอสให้กับทินกร


    ‘นี่ เรื่องอะไรกัน’

    ‘บัวอยู่กับเราตลอดนี่นะ’

    ‘หรือว่า เราถูกบัวหลอก เพราะถุงขยะมีการเปลี่ยนแปลง’ทินกรสงสัยหลายสิ่งอย่าง และทินกรยังคิดต่อว่า

    ‘ที่บัวบอกรัก คงเป็นแผนเหมือนกับเราสินะ’และเมื่อทินกรคิดถึงจุดนี้ก็เกิดอาการปวดแปล๊บขึ้นมาในจิตใจ 

    ‘บัว’

  • ตอนที่ ๔ จดหมาย


         บัวหรือบุษบากำลังรู้สึกสับสนได้ที่ ในขณะที่นั่งอยู่ที่ร้านหนังสือของตัวเองอยู่ว่า 

    ‘จริงๆแล้ว ภาคย์คงไม่ได้รักเรา ภาคย์คงทำตามแผนของภาคย์’บัวยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บแปล๊บ ก่อนจะคิดต่อว่า

    ‘ภาคย์จะรักเราได้ไง ในเมื่อเราเป็นโจร และภาคย์เป็นตำรวจ’


         ในขณะที่บัวกำลังคิดอยู่นั้น บัวเห็นเด็กนักศึกษาชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านหนังสือพร้อมสอบถามถึงหนังสืออ่านนอกเวลาเรื่องหนึ่ง และบัวบอกที่ๆหนังสือเล่มนั้นอยู่ให้กับเด็กชายนักศึกษาคนนั้น

    “พี่ครับ ผมหาไม่เจอครับ”นักศึกษาชายตะโกนบอก

    “เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้”บัวบอกก่อนที่จะเดินไปทางนักศึกษาชายและชี้ให้ดูบอกว่า หนังสือเล่มนี้อยู่ตรงหน้าเลยนะ

    “ผมไม่เห็นจริงๆครับ”นักศึกษาชายยิ้มเขินให้

    “ไม่เป็นไร รับเล่มอื่นเพิ่มด้วยไหม หรือมีอะไรให้พี่ให้คำแนะนำไหม”บัวสอบถาม

    “ไม่ครับ ผมรับเล่มเดียว”นักศึกษาชายตอบ

    “จ้า งั้นเดี๋ยวพี่ห่อให้นะ”บัวตอบก่อนพานักศึกษาชายเดินมาที่เคาเตอร์

    “กลิ่นอะไรหอมจังครับ”นักศึกษาชายถามขณะที่บัวฉีดน้ำหอมลงไปที่กระดาษห่อ กล่อง และถุง

    “ดอกไม้ป่าจ้า”บัวตอบ

    “พี่ปลูกดอกไม้ป่าด้วยหรอครับ แล้วมันจะขึ้นหรอครับ”นักศึกษาชายถาม

    “ขึ้นจ้า เพราะพี่ปลูกในเรือนกระจก ที่ควบคุมอุณหภูมิไว้”บัวตอบในขณะที่ห่อหนังสือไปเรื่อยๆ และเก็บเข้ากล่อง

    “ว้าว สุดยอดเลยครับ ผมอยากเห็นดอกไม้ที่พี่ปลูกจัง”นักศึกษาชายตอบ ก่อนแนะนำตัวว่า

    “ผมชื่อพีคครับ ผมเรียนคติชนวิทยาครับ”พีคบอก

    “คติชนวิทยาคืออะไรจ้า”บัวถามด้วยความสงสัย

    “เป็นคณะที่เรียนเกี่ยวกับคติความเชื่อ วัฒนธรรม ภาษาและความเป็นมาของตำนานและประวัติศาสตร์ครับ”พีคบอก

    “แล้วเกี่ยวอะไรกับดอกไม้ป่าล่ะจ้า”บัวถามด้วยความงุนงง

    “ผมได้กลิ่นน้ำหอมที่มีส่วนผสมของดอกช็อกโกแลตคอสมอส ดอกหายากในเมืองเม็กซิโกครับ ผมชอบดอกนี้เป็นพิเศษเพราะดอกนี้มีตำนานครับ”พีคเล่า

    “ตำนานอะไรจ้า”บัวถามด้วยความใคร่รู้

    “ตำนานรักแลกทุกข์ครับ”พีคบอก

    “ยังไง”บัวถามต่อ

    “เจ้าหญิงแห่งคอสมอส อาณาจักรเก่าแก่ของชาวเม็กซิโกได้ปกครองบ้านเมืองมายาวนานมาก และวันหนึ่งมีเจ้าชายจากเมืองยากจนพระองค์หนึ่งนำดอกช็อกโกแลต คอสมอสมาให้ แต่เนื่องด้วยเจ้าหญิงคอสมอสเป็นผู้แพ้กลิ่นนี้อย่างมาก แต่ก็ยังทน เพราะเผลอหลงรักเจ้าชายคนนี้ตั้งแต่แรกพบ และสุดท้ายเจ้าหญิงทนกลิ่นนี้ไม่ไหวจนถึงแก่ความตาย และเจ้าชายได้ปกครองอาณาจักรนี้ต่อไปครับ”พีคเล่า

    “เรื่องทุกข์เพราะรักจริงๆ งั้นดอกไม้กลิ่นนี้มีความหมายไม่ดีนั้นสิ”บัวสอบถาม

    “ตรงข้ามเลยครับ ดอกไม้ชนิดนี้เป็นดอกไม้วิเศษครับ”พีคบอก

    “ยังไง”บัวสอบถามต่อ

    “เพราะประชาชนอยากกำจัดเจ้าหญิงมานานแล้วครับ เพราะเจ้าหญิงเป็นคนดุร้าย ทารุณ และโหดเหี้ยม อำมหิตครับ ส่วนเจ้าชายที่ขึ้นปกครองก็อ่อนโยนกับประชาชนมากครับ”พีคบอกต่อ

    “อย่างงี้นี้เอง”บัวพูดพร้อมขำ

    “ขำอะไรครับ พี่”พีคสอบถาม

    “พี่เข้าใจแล้วว่า น้องเรียนเกี่ยวกับอะไร น้องน่าจะไปเป็นครูนะ เพราะตอนเล่านี้ พี่จดจ่อมาก”บัวพูดจากใจจริง

    “ผมไม่เอาหรอกครับ ถ้าผมเป็นครู คงได้ตีนักเรียนตายเลย”พีคพูดพร้อมหัวเราะขำ และพูดแบบนึกขึ้นได้ว่า

    “ผมต้องไปเรียนแล้วล่ะครับ”พีคพูด

    “ครั้งหน้าแวะมาใหม่นะ พี่จะรอ ไม่ต้องซื้อก็ได้ เพราะพี่จะรอฟังตำนานครั้งต่อไป”บัวพูด

    “ครับผม”พีคพูดและหยิบถุงก่อนเดินออกไป


         เมื่อพีคเดินออกไปจากร้าน พีคยังไม่ได้ตรงไปมหาลัยที่เขาเรียน แต่พีคกลับเดินไปหาทินกรที่รออยู่ก่อนแล้ว

    “ขอบใจมากนะเรา แล้วนี้เรื่องตำนานเป็นจริงหรือเปล่า”ทินกรสอบถาม

    “ไม่จริงหรอกครับ แถมผมไม่ได้เรียนคณะนี้ด้วย”พีคตอบ

    “แล้วเธอเรียนคณะไหนล่ะ”ทินกรถามด้วยความใคร่รู้

    “สิ่งแวดล้อมครับ พี่”พีคพูดอย่างภาคภูมิใจที่ช่วยงานตำรวจ แต่พีคก็อดนึกถึงหน้าของบัวไม่ได้ จนพีคต้องกล่าวสอบถามว่า

    “พี่ผู้หญิงน่ารักคนนั้นเป็นโจรจริงๆหรือครับ”

    “ประมาณนั้น”ทินกรพูดด้วยน้ำเสียงติดขัด

    “แล้วพี่ทำอะไรบ้างในขณะที่ผมชวนคุยล่ะครับ”พีคถามด้วยความอยากรู้

    “สัญญาก่อนว่าจะไม่บอกพี่คนนั้น”ทินกรบอก

    “ผมสัญญาครับ”พีคพูด

    “ติดกล้องกับเครื่องอัดเสียง”ทินกรพูด

    “ไม่ผิดกฎหมายหรอครับ พี่”พีคถามด้วยความใคร่รู้

    “ไม่รู้สิ บางทีก็ต้องทำตัวเหมือนโจร”ทินกรพูด

    “พี่เรียกให้ผมกลับมาอีก เพราะฉะนั้น ถ้าพี่พร้อมจะใช้ผม ก็เรียกผมครับ ผมจะไปหาเรื่องราวตำนานแต่งขึ้นไปเล่าให้พี่สาวฟังอีก”พีคพูดด้วยเสียงภูมิใจ

    “อืม”ทินกรพูด นำเงินให้เด็ก และทั้งสองเดินจากกันไป


         เมื่อบัวอยู่เพียงลำพังในร้านหนังสือ บัวก็ครุ่นคิดว่า ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ทินกรจ้างเด็กชายมาชวนเธอคุย เพื่อจะได้ตั้งกล้องและเครื่องอัดเสียงไว้ ส่วนเธอก็แค่ทำเป็นตั้งใจและเชื่อเรื่องตำนานแบบนั้นก็เท่านั้น แต่สายตาเธอแอบเห็นตอนทินกรเข้ามาแล้ว ไม่ใช่เพียงเท่านั้น สายตาเธอยังเห็นว่า หน้าทินกรแดงและบวมด้วย

    ‘ถูกตบหรือถูกต่อยนะ’บัวคิดอย่างเป็นห่วง และคิดขึ้นมาได้ว่า

    ‘อย่าไปห่วงเลย เพราะยังไงเขาไม่ได้คิดอะไรกับเราอยู่แล้ว เขาคิดแค่จะจับเราเท่านั้น’บัวครุ่นคิดต่อว่า

    ‘เด็กนั้นก็ดูหลอกไม่เนียน แทนที่จะเดินไปทางมหาลัย แต่กลับเดินไปอีกทาง’และบัวก็เห็นว่า ทินกรอยู่ตรงนั้นคุยกับเด็กอยู่


         ตกเย็นทินกรเดินมาหาบัว และบอกบัวว่า จะกลับบ้านด้วยกัน บัวอดสอบถามไม่ได้ว่า 

    “หน้าภาคย์ไปโดนอะไรมา”

    “เจ้านายตบ”ทินกรตอบ

    “เจ็บไหม”บัวถาม

    “เจ็บสิ เลยอยากให้คนแถวนี้ช่วยเป่าให้หน่อย จะได้หายเจ็บ”ทินกรอ้อน

    “ก็ได้”บัวพูด และจอดรถข้างทางชั่วคราวก่อนเป่าให้

    “โอมเพี้ยง หายเจ็บไวๆนะ”บัวเป่าเสร็จ ทินกรก็หอมแก้มบัวต่อ

    “หายเจ็บเลย”ทินกรพูด

    “เดี๋ยวมีคนมาเห็น”บัวบอกอย่างเขินๆ

    “ไม่มีหรอก”ทินกรบอก และบัวขับรถไปต่อจนถึงที่บ้าน ซึ่งวันนี้ทินกรบอกบัวว่า สั่งผัก ผลไม้ เนื้อหมู เนื้อไก่มาเยอะเลย

    “คงไม่ต้องไปกินข้างนอกหลายมื้อ”บัวบอก

    “ผมมีภรรยาแล้ว ผมไม่อยากไปไหนแล้ว”ทินกรพูดและเดินเข้ามากอดบัวทางด้านหลัง และถามต่อว่า

    “วันนี้บัวเหนื่อยไหม”

    “ไม่ เพราะมีคุณ บัวเลยไม่เหนื่อย”บัวพูดและหอมแก้มทินกรก่อนพูดต่อว่า

    “บัวพร้อมจะฝึกการทำอาหารกับท่านปรมาจารย์ทินกรแล้ว”บัวพูดพร้อมทำท่ากวัดแกว่งทัพพีด้วย

    “ได้ เจ้าลูกศิษย์ ข้าจักสอนเจ้าให้เป็นนักทำอาหารผู้ยิ่งใหญ่”ทินกรพูด

    “รับทราบขอรับ อาจารย์”บัวพูดเล่นต่อ และขณะที่ทั้งคู่กำลังทำอาหารกันอย่างสนุกสนานอยู่ เสียงโทรศัพท์ของทินกรก็ดังขึ้นมา คราวนี้ทินกรตัดสินใจรับสายต่อหน้าบัวเลย เพื่อไม่ให้บัวคลาดสายตาไปไหนอีก

    “จดหมายจากนิลมังกร บอกว่า จะหยุดรถไฟฟ้าขบวนบางนา เพื่อจับโจรข้ามชาติครับ”นายตำรวจรายงาน

    “หมายความว่าไง”ทินกรสอบถาม ในขณะที่บัวกำลังฝึกทำอาหารต่อไป และยิ้มให้กำลังใจเป็นระยะ

    “ผมรับข่าวสารมาว่า โจรค้ายาเสพติดข้ามชาติเดินทางมาที่ประเทศไทยครับ”นายตำรวจรายงาน

    “จับโจรข้ามชาติซะ”ทินกรออกคำสั่ง

    “แล้วนิลสีเงินล่ะครับ”นายตำรวจสอบถาม

    “ทีหลัง เรื่องยาเสพติดเรื่องใหญ่กว่า”ทินกรสั่ง

    “ครับ ผมเข้าใจ”นายตำรวจพูด

    “วางแผนให้รัดกุม ทำตามแผนที่เขาบอกซะ”ทินกรสั่ง

    “เขาคือนิลสีเงินหรือครับ”นายตำรวจคนนั้นฟังด้วยความสับสน

    “ใช่”ทินกรตอบสั้น และนายตำรวจนั้นเข้าใจนัยทันที

    “รับทราบครับ”นายตำรวจคนนั้นพูดและวางสายไป ก่อนจะจัดการตามที่ทินกรสั่ง และในขณะที่นายตำรวจพร้อมกำลังจะทำอยู่นั้น นายก็โทรศัพท์เข้ามาบอกว่า

    “โจรข้ามชาติ จัดการเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้มาอยู่ที่คุกแล้ว ส่วนนิลสีเงินให้จัดการให้ได้ภายในวันนี้”

    “เรื่องอะไรกันหว่าเนี่ย”นายตำรวจคนหนึ่งพูด

    “นั้นสิ”นายตำรวจคนนั้นพูดด้วยความสับสนก่อนโทรศัพท์ไปรายงานทินกร และตอนนี้ทินกรอยู่ในห้องนอนกับบัว และกอดบัวอยู่ เพื่อไม่ให้บัวหลุดรอดสายตาไปได้อีก

    “จับได้แล้ว”ทินกรไม่เชื่อหูตัวเอง

    “ครับ ผมแปลกใจมากครับ”นายตำรวจคนนั้นพูดต่อ

    “นายบอกให้ผมจับนิลสีเงินให้ได้ภายในวันนี้ครับ”

    “ไม่ต้องจับ เพราะตัวโจรข้ามชาติที่จับได้คือตัวปลอม”ทินกรพูดก่อนจะปล่อยบัวออกจากอ้อมเเขน

    “จริงหรือครับท่าน”นายตำรวจคนนั้นสอบถาม

    “จริง ตั้งแต่เรื่องคราวก่อนแล้ว”ทินกรพูด และมองบัวอยู่เป็นระยะ ทินกรเห็นบัวส่งกำลังใจมาให้ตลอด

    “ยังไงครับ”นายตำรวจคนนั้นสอบถามด้วยความสับสน

    “ผมกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ครับ”ทินกรพูด

    “ผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะแอบทำครับ”นายตำรวจคนนั้นพูดด้วยความมั่นใจและเชื่อใจในทินกรมากกว่า

    “ผมจะตามไปจับด้วยครับ ทำตามแผนเดิมครับ”ทินกรพูด และก่อนจะวางสาย พร้อมมาบอกบัวว่า

    “ผมต้องไปจับโจร บัวอยู่คนเดียวได้ไหม”ทินกรสอบถาม

    “บัวอยู่ได้ ภาคย์ระวังตัวด้วยนะ”บัวพูด

    “อืม”ทินกรพูดและเดินออกไป ก่อนจะเดินออกไป บัวก็หยิบพระมาให้ทินกรสวม และบอกว่า ขอให้ท่านคุ้มครอง

    “ถ้าผมจบทุกเรื่องได้ ผมจะไม่เป็นตำรวจแล้ว เพราะผมจะมาสมัครงานเป็นเชฟในร้านหนังสือของบัวแทน”ทินกรพูด

    “สัญญาและห้ามคืนคำนะ”บัวพูดพร้อมส่งนิ้วก้อยไปให้ทินกรสัญญา และทินกรก็เกี้ยวก้อยสัญญา


         เมื่อทินกรออกไป บัวก็รีบเปลี่ยนชุดนอนทันที และโทรศัพท์ไปหากับเครือข่ายของตนพร้อมบอกกับพิกัดของโจรข้ามชาติ และบัวตัดสินใจไปช่วยทินกร ในขณะที่รถไฟฟ้าสายบางนาปิดทั้งหมดแล้ว และรถไฟฟ้าขอปิดทุกขบวนแล้ว 


         โจรข้ามชาติก็จับตัวประกันจากรถไฟฟ้าหนึ่งคนหนีไปด้วยกันเพื่อไปหาลูกน้อง ส่วนทินกรและพวก พร้อมกับนิลสีเงินและเครือข่าย พร้อมกันช่วยตัวประกัน โดยที่เครือข่ายของนิลสีเงินยิงสะกัด และอีกคนยิงที่มือของคนร้าย ส่วนบัวที่เป็นนิลสีเงิน ก็โหนขึ้นมาช่วยตัวประกันสำเร็จ 


         และขณะนั้นทินกรก็เตรียมจะจับโจรข้ามชาติ แต่ปรากฎว่า ขณะที่ทินกรเข้าจับนั้น โจรข้ามชาติก็ยิงปืนใส่ทินกร แต่นิลสีเงินเข้ามาช่วยไว้ทัน จึงโดนไปแทน ซึ่งทินกรรู้สึกใจจะขาดมาก แต่ก็ต้องยิงโจรข้ามชาติก่อนเข้าจับกุม และเมื่อเขาจะไปช่วยนิลสีเงิน นิลสีเงินพร้อมเครือข่ายก็หายไปแล้ว


    “พี่บัว เป็นอะไรมากไหม”เครือข่ายคนหนึ่งสอบถาม

    “ไม่เป็นไร ใหม่ พี่ไม่เป็นไร พี่ใส่ชุดกันกระสุนมา”บัวบอกและคิดว่า โชคดีที่ตัวเองใส่เสื้อกั้นกระสุนทั้งตัวและใบหน้า

    “ตอนพี่ถูกยิง หนูตกใจมาก”เครือข่ายอีกคนที่ชื่อหนูบอก

    “สามีพี่ดูห่วงพี่มากกนะ”ใหม่พูด

    “จริงด้วย พี่ต้องกลับก่อน ขอบใจมากนะ ทุกคน”บัวพูดก่อนรีบเดินทางกลับบ้านไป แต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะทินกรอยู่ที่บ้านรออยู่ แต่ทินกรกลับไม่สนใจเรื่องอะไรทั้งสิ้น เพราะเขารู้หมดแล้ว ตอนบัวเอาตัวมารับกระสุนแทนเขา ทำให้เขาเริ่มคิดอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับเรื่องของเขาและบัว

    ‘เขารักบัวจริงๆ ไม่ใช่การแสดง เขาอยากอยู่กับบัว ถึงรู้ว่าบัวคือนิลสีเงินก็ตาม เขาจะไม่สนใจอะไรอีกแล้ว’ทินกรคิดในใจด้วยความเจ็บปวด

    “ไปไหนมา บัว”ทินกรพูดก่อนที่น้ำตาจะไหลและบอกว่า

    “ไม่ใช่สินะ นิลสีเงิน”

    “…”บัวไม่ตอบ

    “บัวไม่ตอบก็ไม่เป็นไร ผมช่างมันหมดแล้ว บัวจะเป็นใคร ผมก็ไม่สน ผมสนอยู่อย่างเดียวว่า ผมขาดบัวไม่ได้”ทินกรพูด

    “…”บัวยังเงียบอยู่ แต่น้ำตาของบัวก็ไหลเหมือนกัน และบัวเดินเข้าไปหาทินกรก่อนจะกอดและพูดว่า

    “บัวขอโทษ”

    “ไม่เป็นไร บัวไม่ต้องขอโทษ ผมต่างหากที่ต้องกล่าวคำนั้น”ทินกรพูด

    “บัวคือนิลสีเงิน เพราะฉะนั้น เรื่องของเรามันคงเป็นไปไม่ได้”บัวพูดพร้อมจะผละออกไป แต่ทินกรกลับจับมือบัวและดึงเข้ามาหาพร้อมบอกว่า

    “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ เมื่อผมจะลาออกจากตำรวจแล้ว ผมทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับบัวไง”ทินกรพูด

    “แต่”บัวพูดได้แค่นั้น เพราะภาคย์เข้ามาลูบหน้าบัว พร้อมกับกระซิบข้างหูบัวว่า

    “ผมชักอยากเป็นเชฟมากกว่า”ทินกรสอบถามต่อ

    “บัวไม่เป็นอะไรแน่นะ ไปหาหมอไหม หรือจะให้หมอแบบผมตรวจให้”

    “ไม่ต้อง บัวไม่เป็นอะไร”บัวพูด และถามต่อว่า

    “ภาคย์ก็ไม่เป็นอะไรนะ”

    “อืม เพราะพระของบัวกับเพราะตัวของบัวมาช่วยผมไว้ไง”ทินกรบอก และพูดต่อว่า

    “ผมไม่อยากเป็นตำรวจ ตั้งแต่ที่ผมรู้ว่านายที่ผมเคารพเป็นโจรซะเอง บัวรู้นานแค่ไหนแล้ว”

    “นานมาก และบัวพยายามหาหลักฐานที่นายของภาคย์อยู่เบื้องหลังทำงานให้พวกเอกชน เพื่อให้เอกชนผลิตไฟฟ้าได้มาก และโกงเงินจนร่ำรวย”บัวพูด ก่อนพูดต่อว่า

    “คนเดี๋ยวนี้ยอมทำผิดเพื่อวัตถุนิยม แล้วภาคย์จะเอาไงต่อ”บัวสอบถาม

    “ผมหาหลักฐานได้ครบถ้วนเมื่อไหร่ ผมจะแฉ รวมถึงโจรข้ามชาตินี้ด้วย ผมคิดแล้วว่า ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนที่ผมจะลาออกจากตำรวจ”ทินกรพูดด้วยความมั่นใจ

    “แต่มันอันตรายนะ ภาคย์”บัวบอก

    “ผมไม่กลัว เพราะบัวอยู่เคียงข้างอยู่แล้ว”ทินกรพูดและดึงบัวเข้ามากอด 

    “ผมคิดว่าบัวจะตาย ตอนนั้น ผมแทบเสียความเป็นตัวเองเลย ผมรักบัว”ทินกรพูด

    “บัวไม่ตายง่ายๆหรอก บัวจะอยู่กวนใจภาคย์ไปอีกนาน”บัวพูด

    “งั้นผมก็ยินดีให้บัวกวนใจผมตลอดไป”ทินกรพูด

  • ตอนที่ ๕ ฮันนีมูน


         เนื่องจากข่าวเรื่องโจรข้ามชาติและนายใหญ่ของทินกรถูกจับ นักข่าวทุกสำนักจึงต้องการขอสัมภาษณ์ทินกร นายอีกคนของทินกรตัดสินใจจัดการแถลงข่าว โดยให้ทินกรเป็นคนเล่าเรื่องทั้งหมด

    “ถ้าไม่มีนิลสีเงิน พวกผมก็คงไม่รอดครับ”ทินกรพูด ซึ่งทางตำรวจใหญ่ก็เห็นด้วย และนักข่าวถามว่า

    “หมายความว่า จะไม่มีการตามจับนิลสีเงินแล้วหรือครับ ท่าน”

    “ผมตอบไม่ได้ครับ เพราะวันนี้ผมลาออกจากเป็นตำรวจแล้วครับ”ทินกรตอบ

    “เรื่องนิลสีเงิน ผมตัดสิตใจว่า คงจะพักยาวครับ เพราะความเป็นจริง นิลสีเงินช่วยงานตำรวจได้มากครับ ผมตัดสินใจที่จะปล่อยนิลสีเงินครับ”นายตำรวจใหญ่กล่าว เพราะรู้มาบ้างแล้วว่า ‘นิลสีเงินคือใคร’

    “แล้วนิลสีเงินคือเครือข่ายของตำรวจใช่ไหมค่ะ”นักข่าวถามต่อ

    “ผมบอกว่า พักยาว หมายความว่า ผมจะไม่ตอบคำถามอะไรทั้งสิ้น และวันนี้ เราจะมาพูดกันถึงโจรข้ามชาติและเนื้อร้ายหนึ่งชิ้นของตำรวจครับ”นายตำรวจใหญ่พูดด้วยเสียงทรงอำนาจ จนนักข่าวไม่กล้าซักไซ้ถามต่อ


         และทินกรกับพวกก็เริ่มต้นเล่าเรื่องราวต่อไปจนจบ และตำรวจไทยส่งผู้ร้ายข้ามแดนคือโจรข้ามชาติไปยังอเมริกา และไม่เพียงเท่านั้น เนื้อร้ายที่ช่วยทั้งโจรข้ามชาติ และเจ้าสัวเอกชนในการทำโรงงานไฟฟ้าและผลิตไฟฟ้าจากเอกชนก็ถูกเปิดเผย จนทำให้นายตำรวจผู้นั้นทั้งหมดอนาคตและถูกจับเข้าคุก

    “วันนี้เป็นไงบ้าง ภาคย์”บัวถาม

    “เรียบร้อยดี ผมลาออกแล้วนะ”ทินกรพูด

    “งั้นก็เปิดคาเฟ่ด้านล่างได้แล้วสินะ”บัวพูด ก่อนจะพูดต่อว่า

    “บัวออกจากนิลสีเงินแล้วนะ เพราะบัวก็อยากเป็นภรรยาที่ดีของภาคย์เหมือนกัน”

    “ดีจัง เราทั้งสองก็หมดพันธะเรื่องพวกนี้แล้ว คราวนี้มาเริ่มต้นกันใหม่นะ”ทินกรบอก

    “อืม ดีเลย”บัวพูด และทั้งสองจับมือกันลงไปที่ด้านล่าง บัวอธิบายให้ทินกรฟังทุกอย่างจนเรียบร้อยว่า แต่ละวัน บัวอยากทำอาหารตามหนังสือ ซึ่งทินกรเห็นด้วย และทั้งคู่วางแผนกัน


         บัวกับทินกรพร้อมใจกันเปิดคาเฟ่แห่งใหม่ และไม่คิดว่า คาเฟ่ร้านหนังสือฮีลจะดังถึงขนาดนี้ เพราะตอนนี้ทั้งคู่ก็ทำงานแทบไม่หยุดเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง ทินกรคุยกับบัวว่า

    “บัว พวกเรายังไม่ไปฮันนีมูนกันเลยนะ นี่เลยจากฤดูใบไม้ผลิจนมาถึงใบไม้ร่วงแล้วนะ”

    “บัวอยากไปตอนใบไม้ร่วงพอดีเลย แล้วเราจะไปยังไงดี ลูกค้าติดอยู่”บัวถาม

    “ติดป้ายบอกว่าฮันนีมูน ลูกค้าเข้าใจแน่นอนนะ”ทินกรเสนอ

    “เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้”บัวตอบรับพร้อมหัวเราะก่อนที่จะไปทำป้ายมาติด 

    “เราจะไปวันไหนดี”บัวถาม

    “พรุ่งนี้”ทินกรพูดและโชว์ตั๋วเครื่องบินให้ดู

    “ที่พักล่ะ”บัวถามด้วยความงง

    “ผมก็พักตามที่ๆบัวอยากพัก ก็บัวเล่นวางแผนละเอียดขนาดนี้นี่นะ”ทินกรพูด พร้อมโชว์รายละเอียดให้ดูจากมือถือ

    “ไม่บอกบัวสักคำ”บัวพูด

    “บอกอยู่นี้ไง”ทินกรพูด

    “ขี้โกง”บัวพูด

    “โกงอะไร”ทินกรพูด

    “เอาๆ โอเค”บัวบอก

    “ดีมาก”ทินกรพูด

         บัวตัดสินใจไปติดป้ายพร้อมกับบอกกับลูกค้าทุกคนผ่านเพจทั้งเฟสบุ๊คและอินสตราเเกรมก่อนว่า จะขอหยุดไปฮันนีมูลสิบวันที่ญี่ปุ่น และจะไปหาของฝากน่ารักๆเข้าร้านด้วย และเมื่อลงโพสต์เสร็จ พีค เด็กนักศึกษาชายก็มาตอบบอกว่า “โชคดีครับ พี่” และบัวตอบกลับไปว่า “ขอบใจจ้า”


         เมื่อถึงวันพรุ่งนี้ ทั้งคู่เตรียมตัวเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นกัน เพื่อท่องเที่ยว ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเสรีแล้ว

    “ภาคย์ เขาจะมองว่าเราเสรีกัญชาไหม”บัวถาม

    “ก็คงมีล่ะ แต่เรามาพร้อมกับแผนการอย่างดี เขาคงไม่คิดหรอก”ทินกรพูด

    “อยากแทรกแผ่นดินหนี เพราะเรื่องกัญชานี้ล่ะ”บัวพูด

    “แต่แทรกไม่ได้ไง ก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เป็นไป”ทินกรพูด

    “ก็จริง”บัวพูด


         ทั้งคู่ได้เดินทางท่องเที่ยว โดยเริ่มเที่ยวจากอุจิก่อน เเละทั้งคู่นั่งแท็กซี่ไปพักที่เรียวกังก่อน ที่จะออกมาเดินเล่นไปดูถนนสายชา ซึ่งถนนนี้ก็ใกล้กับวัดเบียวโดอิน วัดชื่อดังในเหรียญสิบเยน ทั้งสองได้ไปชิมชา ก่อนจะแวะไปเรียนชงชากันด้วย และค่อยแวะเข้าไหว้พระที่วัดเบียวโดอิน ก่อนจะเดินทางกลับเรียวกัง

    “วันนี้ผมเหนื่อยมาก เมื่อยขา เมื่อยตัวด้วย”ทินกรบอก

    “ฉันเหมือนกัน ฉันไปแช่น้ำร้อนหน่อย”บัวบอก

    “ดีเหมือนกัน งั้นแยกย้ายไปแช่ของเรียวกังกัน”ทินกรพูด และทั้งสองแยกกันไปแช่น้ำร้อนกัน เมื่อทั้งสองแช่น้ำร้อนเสร็จ ก็เดินกลับมาที่ห้อง บังเอิญก็เดินกลับมาพร้อมกัน และทั้งคู่ พบว่า ทางเรียวกังผูฟูกให้เราติดกัน

    “น่ารักจัง”บัวบอก

    “จริง”ทินกรพูด

    “แล้วบัวใส่ชุดยูกาตะแบบนี้ ดูโอไหม”บัวถาม

    “บัวใส่ชุดไหนก็น่ารัก”ทินกรพูดและกระซิบบางอย่างกับบัว ซึ่งทำให้บัวเขินมาก


         ส่วนตอนกลางคืนก็มาถึง และทั้งคู่คืนนี้ก็คงจะไม่ได้นอนล่ะ เพราะทั้งคู่คงมีกิจกรรมที่ร่วมกันจนถึงเช้า คล้ายกับว่า

         “มัจฉาแหวกว่ายบงกชตื่น

    สัตบงกชลื่นไหลเข้าในตัวมัจฉา

    บงกชยอมแหวกไหว้ตามชลา

    ทินกรย่อมส่องข้ามในนที”


         เมื่อทั้งคู่ตื่นเช้าขึ้นมาก็ไปทานอาาหารเช้าที่สุดแสนจะอลังการของอาหารแบบญี่ปุ่นจากเรียวกัง และทั้งคู่ต้องเดินทางต่อไปยังเกียวโต เพื่อไปเที่ยวกันต่อ และทางเจ้าของเรียวกังก็ใจดีขับรถมาส่งที่สถานีรถไฟของเจอาร์

    “เจ้าของใจดีมากเลย”บัวพูด

    “ผมให้ทิปก็ไม่เอา ดีสุดๆ”ทินกรพูด


          แล้วทั้งคู่ก็เดินทางเข้าไปที่รถไฟก่อนจะเดินทางออกจากรถไฟจากสถานีเกียวโตไปยังโรงเเรมที่พัก พอพวกเราวางของที่โรงแรม พวกเราตัดสินใจฝากของไว้ ก่อนที่จะไปเที่ยวกันต่อ และวันนี้ก็ไปเที่ยววัดหลายที่ แถมไปดูเมืองเกียวโตที่ฟื้นฟูกลับมาใหม่ หลังจากโควิด

    “เกียวโตยังสวยเหมือนเดิม”บัวพูด

    “ผมชอบของสถานที่เก่าๆ”ทินกรพูด

    “ครั้งหน้าไปอังกฤษกันไหม”บัวถาม

    “ควรจัด”ทินกรพูด

    “แต่คงต้องอีกนาน เพราะลูกค้าบ่นคิดถึง”บัวพูด

    “ลูกค้าไม่เข้าใจพวกเราเลย”ทินกรบ่น

    “นั้นสิ”บัวคิดเหมือนกัน


         ทั้งสองคนก็กลับมาพัก และวางแผนสำหรับไปเที่ยวต่อไป และทั้งคู่เที่ยวทั้งขึ้นเขา ลำเนาไฟร ชมธรรมชาติ ชมเมืองเก่า จนครบทั้งจำนวนวันที่กำหนดแล้ว ก็ทำให้ทั้งสองต้องพูดขึ้นมาพร้อมกันว่า

    “วันความสุขผ่านไปเร็วจัง”และทั้งสองคนก็หัวเราะที่เผลอพูดเหมือนกันด้วย 

    “ครั้งหน้า เรามาจัดกันใหม่ อังกฤษไง”ทินกรบอก

    “ได้เลย พร้อมมาก เดี๋ยวบัวจะไปจัดแผนให้รัดกุมเลย”บัวบอก

    “แค่นี้ก็รัดกุมมากแล้ว”ทินกรพูดพร้อมดึงบัวมากอด และพูดต่อว่า

    “แต่ถ้ารัดกุมกว่านี้”และทินกรก็เงียบไป จนทำให้บัวต้องเขินอายขึ้นมาเลย และทั้งคู่ก็เดินทางกลับกัน และในขณะที่อยู่บนเครื่องบิน ทินกรชวนคุยว่า

    “บัวอาย ดูน่ารักจัง”

    “ถ้าบัวจับได้ว่า อะไรที่ทำให้ภาคย์อายนะ บัวจะเอากลับ”บัวพูด

    “ก็ทุกอย่างที่เป็นบัวล่ะ”ทินกรพูดพร้อมหน้าแดงกับหูแดงขึ้นมาทันที

    “งั้นก็ต่อที่บ้านล่ะกัน”บัวพูด

    “น่านักนะ”ทินกรพูดปนขำ


         และทั้งคู่ก็กลับมาเปิดร้านหนังสือฮีลพร้อมคาเฟ่บุ๊คฮีลกันต่อไปตราบนานเท่านานกันทีเดียว แถมตอนนี้มีโปรโมชั่นรักษาใจด้วยหนังสือและอาหารจากทางร้านด้วย อย่าลืมแวะไปทานและหาซื้อหนังสือมาอ่านกันนะ

  • ตอนพิเศษ



    สามปีผ่านไป


    “ลูกตาลครับ อย่าซนครับ”ทินกรเรียกลูกสาวของตนขณะที่กำลังวิ่งเล่นอยู่กับเพื่อนข้างบ้าน

    “ธนูด้วย อย่าวิ่งครับ”ทินกรพูดต่อ

    “เอาหละ เด็กๆมาทานขนมกันได้แล้ว”บัวเรียก และเด็กทั้งสองหยุดเล่นกันทันทีและรีบมาทานอาหาร

    “ทำไมเด็กถึงเชื่อฟังบัวจัง”ทินกรถาม

    “เพราะล่อด้วยขนมนี่”บัวพูด

    “ผมล่อก็ไม่มีใครฟัง”ทินกรบอก

    “ต้องพูดด้วยเสียงอ่อนโยนด้วย”บัวบอก และบอกต่อว่า

    “ภาคย์ลองทำเสียงอ่อนโยนดูสิ”

    “ผมไม่ถนัดเลย เอาเถอะ ผมฝากไว้ก่อนเถิด”ทินกรพูด

         ทั้งทินกรและบัวเลี้ยงดูลูกสาวคนเดียวจนโตขึ้นมาเป็นสาวแล้ว และลูกสาวดันมาขอคำปรึกษากับพ่อและแม่ว่า “อยากไปทำงานเป็นนักจารกรรมข้อมูล”

    “อย่าเลย”ทั้งบัวและทินกรพูดพร้อมกัน

    “หนูกับพี่ธนูจะเข้าองค์กรนิลสีเงิน”ลูกตาลบอก

    “อืม เอาไงดี ภาคย์”บัวถาม

    “อย่าเลยลูก”ภาคย์บอก

    “ใช่ ทำงานร้านหนังสือกับคาเฟ่ของพ่อแม่ต่อเถิด ยังไงพ่อแม่ก็จะยกให้ลูกกับธนูอยู่แล้ว”บัวพูด

    “โธ่ แม่ ก็ลูกตาลอยากเป็นเหมือนแม่ตอนสาว”ลูกตาลบอก

    “ลูกรู้ได้ไง”บัวถาม

    “ป้าใหม่บอกบัวนี้ค่ะ”ลูกตาลบอก

    “ใหม่นะใหม่”บัวพึมพำ

    “งั้นก็ได้ลูก ทั้งลูกและธนูต้องรับปากพ่อก่อนว่า จะทำแค่เกี่ยวกับภายในองค์กร ไม่ออกไปลุยเอง”ทินกรพูดขึ้นมา

    “เอาจริงหรอ ภาคย์”บัวถาม

    “อืม ยังไงลูกก็จะไป”ทินกรพูด

    “ชัวร์ค่ะพ่อ ลูกตาลกลัวเรื่องต่อสู้จะตาย และพี่ธนูไม่ต้องพูดถึง แค่ต่อยกันยังแพ้ลูกตาลเลย ป้าใหม่เรียกให้พวกเราทั้งสองไปดูแลเอกสารกับจารกรรมข้อมูลที่ทำในองค์กร”ลูกตาลบอก

    “ธนูยอมลูกตั้งหาก ถ้าสู้กันจริง ลูกแพ้ไปนานแล้ว”บัวบอก

    “โธ่ คุณแม่”ลูกตาลพูด

    “เอาล่ะ แม่กับพ่ออนุญาต”บัวพูด

    “แต่หลังจากที่ลูกเรียนจบและแต่งงานกับธนูแล้วนะ”ทินกรเอ่ยเงื่อนไข

    “รับทราบค่ะ ป้าใหม่ก็เรียกให้พวกเราสองคนไปเรียนหนังสือก่อน”ลูกตาลบอก

    “สรุปเชื่อป้ามากกว่าแม่อีกนะ”บัวพูดด้วยท่าทางงอน

    “แม่อย่างอนค่ะ ลูกตาลก็เชื่อเเม่กับพ่อ”ลูกตาลพูด


    ยี่สิบปีต่อมา


         ลูกตาลและธนูแต่งงานกัน และเข้าองค์กรนิลสีเงิน บัวที่ไม่ได้เข้าองค์กรอีกเลย ตั้งแต่ที่ออกมาก็ตัดสินใจไปส่งลูกที่องค์กร และได้พูดคุยกับเพื่อนเก่าที่เคยเสี่ยงตายกันทำเรื่องราวปิดทองหลังพระ

    “ใหม่ บัวฝากลูกด้วยนะ”บัวบอก

    “ได้เลยจ้า พี่บัว”ใหม่บอก

    “ลูกทั้งสองต้องเชื่อฟังป้าใหม่และทุกคนนะ ลูกยังใหม่ อย่าทำอะไรเสี่ยงๆ”บัวบอก

    “ครับผม ผมจะดูเเลลูกตาลอย่างดี”ธนูบอก

    “ลูกตาลจะดูแลพี่ธนูอย่างดี”ลูกตาลบอก

    “ดีแล้วลูก ดูแลกันและกันนะ”บัวพูด ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไป


         ทุกอย่างคงจะเป็นอย่างที่ทินกรบอกว่า ‘ปล่อยให้เป็นไปตามทางที่ลูกเลือกเถอะ เพราะเราทั้งสองก็มีอายุมากแล้ว สุดท้ายลูกทั้งสองต้องเรียนรู้โลกนี้ด้วยตัวเอง’


         บัวเดินทางมาหาทินกรที่ร้านหนังสือที่พวกเขาทั้งสองบรรจงสร้างมันขึ้นมาด้วยกัน ตอนนี้ทั้งสองมีเปิดให้เยี่ยมชมดอกไม้ป่าสมุนไพรพันธุ์หายากด้วย แต่แค่ครึ่งปีครั้งเดียว เเละเป็นรอบๆด้วย เผื่อไม่ให้ดอกไม้ป่าเหล่านี้สูญพันธุ์และสูญหายไป เหมือนกับความรักของทั้งสองที่บ่อเพาะกันมาตราบนานเท่านาน

  • ความสำคัญต่อเพื่อนสนิท


         เพื่อนคือมงคลข้อที่หนึ่งที่พระพุทธเจ้ากล่าวถึงการคบคนดี และทั้งสองคนก็เป็นตัวอย่างในการนำพากันและกันไปในทางที่ดี ทางที่พบเจอแต่ความเจริญและอบอวลไปด้วยความรักของทั้งคู่ ขอฝากเรื่องสั้นเรื่องนี้ไว้ในใจเพื่อนๆอีกสักเรื่องค่ะ


    [หนูขอบอกเพื่อนว่า

    “หนูดีใจที่เคยแอบรักเพื่อนสนิทครั้งหนึ่ง”]


    LOOK A BREATHE

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in