เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Look a Breathe (Series 1 - 2)nimon
ร้านหนังสือหลอนของคุณมิฟฟลิน


  • คำถาม: ถ้าเลือกงานที่ทำได้ คุณอยากทำงานอะไร

    คำตอบ:

    ๑.ขายหนังสือ

    ๒.ขายอาหาร

    ๓.ขายบ้าน

    ๔.ไม่อยากทำอะไร


    คำตอบที่ถูกต้อง .ขายหนังสือ


         นั้นสินะ สิ่งนี้คือ คำตอบสุดท้ายในใจของคุณ และสถานีแห่งฝันนำพาคุณไปสู่ร้านขายหนังสือที่คุณต้องการจะทำ คุณลองทำดู และคุณจะพบว่า ชีวิตของคุณจะก้าวต่อไปในทิศทางไหน โปรดเปิดประตูออกไป


    “จงเข้าสู่โหมดร้านหนังสือ”



         เรื่องราวต่อเนื่องจากที่คุณโรเจอร์ (มิฟฟลิน) และคุณเฮเลนแต่งงานกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน และได้นำรถเร่ไปฝากไว้กับแอนดูรว์ พร้อมกับทั้งคู่ตัดสินใจเปิดร้านหนังสือ และอยู่กันอย่างดีอยู่เรื่อยมา จนกระทั่งวันหนึ่ง มีนักโฆษณาตัดสินใจมาติดต่อจะทำโฆษณาให้กับทางร้านค้า แต่โรเจอร์ตัดสินใจปฏิเสธ เพราะโรเจอร์ให้เหตุผลว่า “ร้านหนังสือจะขายร้านหนังสือด้วยตัวเอง และโฆษณาไม่จำเป็นต้องเสียเงิน” ซึ่งนักโฆษณานั้นก็พยายามหว่านล้อมแต่ไม่สำเร็จ


    “ฉันตัดสินใจเปิดประตูออกไป และฉันพบว่า

    “ฉันกำลังจะเปิดร้านหนังสือ” ฉันเคยฝันที่อยากมีร้านหนังสือเล็กๆ

    ฉันเห็นหหนังสือกองอยู่มากมาย

    และฉันก็เริ่มจัดตามหมวดหมู่หนังสือ

    ก่อนที่จะวางหนังสือที่ตัวเองชอบตรงหน้าร้าน”


         อีกวันหนึ่ง แชปแมน ลูกค้าผู้น่ารักของร้านหนังสือหลอนของคุณมิฟฟลิน มาฝากลูกสาวเอาไว้กับทั้งเฮเลน และโรเจอร์ มิฟฟลิน เพราะอยากให้ลูกสาวได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจหนังสือและรักการอ่านไปในตัว มิฟฟลินเชื่อเสมอว่า “นักเขียนที่ดีเขียนหนังสือที่ดีหนึ่งเล่มก็ต้องมีสำนักพิมพ์ที่ดีตีพิมพ์ และต้องมีคนเผยเเพร่หนังสือที่ดีเหล่านั้น ซึ่งนั้นก็คือ หน้าที่ของร้านขายหนังสือนั้นเอง” เพราะหนังสือย่อมมีภูตที่ป้องกันสรรพสิ่งชั่วร้ายที่ออกจากหนังสือ


    “เมื่อฉันกำลังจัดอยู่นั้น ลูกค้าก็เดินเข้ามาคุยกับฉัน

    ฉันเริ่มคุยกับเขาถึงหนังสือ โลกนี้ดูแปลกไปจริงๆ

    เพราะโลกนี้ช่างวิเศษยิ่งนัก”


         เมื่อลูกสาวของคุณแชปแมนมาทำงานก็ได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับการทำธุรกิจ และเริ่มให้ความร่วมมือในการเเบ่งเบาภาระของโรเจอร์ โดยที่โรเจอร์สามารถออกไปท่องโลกกว้าง ค้นหาหนังสือมาเข้าร้านมากมาย แต่ไม่เพียงเท่านั้น ในขณะนั้นเอง อยู่ดีๆ ก็มหนังสือบางอย่างได้หายไป และทุกคนก็พร้อมใจที่จะปกป้องและนำพาหนังสือเหล่านั้นกลับมา


    “ลูกค้าคนนั้นก็ซื้อหนังสือกับฉัน และวันนั้นทั้งวัน

    ก็มีลูกค้าเดินเข้ามา คุยกัน และซื้อขายหนังสือกันไป

    และอยู่ดีๆ ฉันได้ยินเสียงระฆังดัง 

    พร้อมภาพหายไปหมด”


         ซึ่งหน้าที่ในการค้นหาหนังสือที่หายกลับมา ทุกคนก็ต้องทำ แต่หน้าที่ของการเป็นนักขายที่ดี ที่ขายหนังสือที่ดีก็ต้องดำเนินต่อไป และเรื่องราวชุลมุนวุ่นวาย พร้อมอบอวลไปด้วยกลิ่นของหนังสือก็จบลงด้วยดีว่า ทุกสิ่งทุกอย่างคลี่คลาย หนังสือที่หายไปก็ได้กลับคืนมา (ถึงแม้จะไม่ทุกเล่มก็ตาม) ด้วยประการฉะนี้


    “สถานีแห่งฝันบอกขึ้นมาว่า “นี้คือการทดลองงาน”

    และเมื่อคุณเปิดประตูออกไปสู่ทางออก 

    คุณจะพบความจริง ฉันตัดสินใจเปิดออกไป”



          ฉันพบว่า ฉันอยู่ในร้านหนังสือแห่งหนึ่ง และยิ่งอัศจรรย์ใจเมื่อพบว่า ร้านหนังสือแห่งนั้นคือ ชื่อของฉัน ฉันกลายเป็นเจ้าของร้านหนังสือขนาดเล็กจริงๆ และฉันรู้เเล้วว่า อนาคตของฉันจะดำเนินต่อไปในทิศทางไหนดี


    “อยู่ลำพังบางเวลาใช่เรื่องผิด

    เคารพตน เพ่งพิศจิตภายใน

    จงกล้ามองใจคุณใช่ของใคร

    แล้วทบทวนสิ่งในใจที่พบเจอ”

    - หน้า ๑๗๗ -


          ฉันขอบคุณสถานีแห่งฝันที่ทำให้ฉันมีความมั่นใจมากขึ้นที่จะทำตามความฝันให้เป็นจริง วันหนึ่ง ฉันตัดสินใจหาหนังสือเล่มหนึ่งที่คิดว่าเหมาะกับสถานีแห่งฝัน นำไปวางไว้ยังสถานที่ๆฉันเคยเจอสถานีแห่งฝัน และฉันเฝ้ามองจนสถานีแห่งฝันนำหนังสือเล่มนี้ไป พร้อมส่งโปสการ์ดขอบคุณมาให้ฉัน ฉันดีใจยิ่งนัก


    LOOK A BREATHE

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in