รูปภาพนี้ เมื่อเราจับเซียมซีได้เบอร์ที่ ๒๐
“เมื่อเปิดใบเสี่ยงทายนี้
พบกับตัวตนในนี้”
“ใบยี่สิบ ความจริง คืออะไร
เขารู้ไหม ว่าเขียน อะไรบ้าง
หนังสือนี้ มีไร ให้ดูลาง
ทดลองบ้าง อ่านแล้ว อยากเป็นใคร
ชีวิตอ่าน อะไร จากตอนไหน
พบสิ่งใด ในเรื่อง ที่สื่อนี้
ไม่เข้าใจ สิ่งใด เรียกว่าดี
หรือว่ามี สนุก ไม่เข้าใจ”
รูปภาพนี้ คุณโอ๊ตที่เขียนหนังสือเล่มนี้
หนังสือเล่มนี้เราได้เป็นของแถมฟรีจากการซื้อตุ๊กตาหมีขาวของพี่คนหนึ่ง พี่เขานำหนังสือเล่มนี้มาให้พร้อมกับหมี และเรายังไม่มีเวลาอ่านสักที และเราเห็นหน้าปกนี้ครั้งแรก เราอยากอ่านมาก จนกระทั่ง วันนี้ล่ะ
รูปภาพนี้ สวยงามดีค่ะ ภาพนี้
วันที่เราตัดสินใจนำมาอ่าน และเราก็มีความคาดหวังจนมากเกินทะลุปรอทว่า หนังสือเล่มนี้จะสนุก เพราะเราไปอ่านรีวิวมา และบอกว่า หนังสือสนุกมาก
“แต่สำหรับเรา คือ ไม่เลย เฉย ไม่ใช่แนว”
อย่างที่บอกค่ะ คือ เราเฉยๆกับเล่มนี้มาก เราอาจจะเป็นอย่างที่นายญี่ปุ่นเคยบอกก็ได้ว่า อะไรที่คาดหวังมากไป สุดท้ายแล้ว ความรู้สึกนั้นมักจะไม่เป็นอย่างที่หวัง และเล่มนี้ก็ตามนั้นล่ะค่ะ
รูปภาพนี้ ความทรงจำหนึ่งในเล่ม
“ดอกไม้อะไรจะส่งกลิ่นหอมได้ชั่วกัลป์
มีเพียงหนังสือเท่านั้น
ที่จะสามารถเย้ายวนผู้อ่านได้ตลอดกาล”
โอ้ต มณเฑียร
หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องสั้นที่จบในตอนที่จะกล่าวถึงความเป็นมาของมัทนะพาธาก่อน แต่เรื่องนี้ เราค่อนข้างเห็นด้วยแค่บางคำพูดเท่านั้น เพราะเราคิดว่า เรื่องราวมัทนะพาธาที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชนิพนธ์นั้น เป็นอะไรที่ลึกซึ้งมากกว่าที่คำบอกกล่าว และทำให้เห็นถึงความสำคัญของความรักว่า รักใดที่ขึ้นว่าหลง รักนั้นย่อมไม่ใช่รักจริง
ตอนต่อไปก็คงเป็นเรื่องกองดองหนังสือ ที่บอกว่า เป็นโรคชนิดหนึ่งและตัวเองเป็นโรคนั้นว่า ชอบจัดหนังสือที่ดองอยู่ในกอง และเรื่องต่อไปจะมีพูดถึงคนที่ทำหน้าที่เย็บหนังสือที่เรารัก อีโรติกที่เราอ่านแล้วอึ้งพอควร แบบว่า ทำแบบนี้เนี่ยนะ เป็นต้น
รูปภาพนี้ โปสเตอร์ที่ติด
“พอเราอ่านมาถึงตรงนี้ เรายังไม่พบเจอความสนุกเท่าที่ควร เรารู้สึกว่า ค่อนข้างน่าเบื่อ โดยที่หนังสือเล่มนี้สุดจะบางมากๆ แต่ก็อดรนทนพยายามอ่านต่อไปให้จบ
เราขอโทษสำหรับที่หลายคนชอบอ่านหนังสือเล่มนี้ แต่ความรู้สึกของคนต่อหนังสือหนึ่งเล่มก็ย่อมมีความคิดแตกต่างกันไป และเราเชื่อว่า ถ้าใครรักหนังสือและรักการอ่านหนังสือจริง คงจะไม่โกรธเราที่มีความคิดต่าง และคงเข้าใจเราเป็นแน่แท้
และสุดท้าย เราตัดสินใจอ่านแบบข้ามๆไปบ้าง เพื่ออ่านจนถึงบทสุดท้าย โดยที่เราอ่านไปถึงบทเรื่องร้องไห้ในงานหนังสือไปจนถึงบทสุดท้ายของเล่มจริงๆ ซึ่งบทสุดท้ายถือว่า ใช้ได้อยู่ และแอบดีใจว่า อ่านจบสักที”
รูปภาพนี้ ส่วนหนึ่งในหนังสือ
“จงสร้างปีกจากหนังสือและโบยบินไป”
หน้า ๑๓๓
ในบทสุดท้ายเป็นคำกลอนที่จะพูดเกี่ยวกับหนังสือ อย่างเช่นที่ชอบคือ "จงมองท้องฟ้าราตรี ดั่ง หอสมุด หนึ่ง ดวงดาว ดั่ง หนังสือ หนึ่ง สิ่งมีชีวิต ดั่ง หน้ากระดาษ หนึ่ง อรุณ ดั่ง ย่อหน้าใหม่"
นักปราชญ์เดี๋ยวนี้เกิดง่าย เพียงแค่เขียนหรือพูดอะไรที่ดูยิ่งใหญ่และฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ก็มักจะเป็นนักปราชญ์แล้ว แต่ไยนักปราชญ์เหล่านี้กลับไม่เห็นเป็นแสงสว่างที่ส่องสว่างนานดุจดั่งนักปราชญ์สมัยก่อนที่เป็นแสนยาก และเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“อย่าหลงกลในปกหนังสือที่เห็น
เหมือนกับอย่าหลงกลคนแค่ภายนอก”
Look A Breathe
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in