ชื่อหนังสือ: สะพานอธิษฐาน
ชื่อผู้เขียน: กิ่งฉัตร
สำนักพิมพ์: อรุณ
ครั้งที่พิมพ์: พิมพ์ครั้งที่ 8
จำนวนหน้า: 245 หน้า
ราคา: 185 บาท
รูปภาพนี้ อิตาลีที่สวยงาม
เรื่องนี้ กิ่งฉัตรสามารถทำพล็อตเรื่องธรรมดา ของแอบรักเพื่อนสนิททำให้ออกมาดูสุดแสนโรเเมนติก โดยใส่บรรยากาศอิตาลีเข้าไป
และเราชอบเนื้อหามาก เพราะว่า เราเข้าใจนีน่ามากที่แอบรักข้างเดียวกับลีโอ เพราะยิ่งอยู่ใกล้ ก็ยิ่งรักแต่เจ็บปวดไปด้วยในคราวเดียวกัน และในใจเต็มไปด้วยคำถามว่า ถ้าไม่รักก็อย่าดีกับเราเลย
รูปภาพนี้ เมื่อเขาไม่รักก็ยากที่จะรัก แต่ถ้าเขารักล่ะ ทุกอย่างก็ลงตัว
เปรียบดั่งเรามองภาพวิวที่สวยงามแล้วผ่านเลยไป
หรือมองภาพวิวสวยงามนี้แล้วอยู่ในความทรงจำร่วมกัน
ในชีวิตของคนเรา คงต้องมีสักครั้งหรือหลายครั้งที่แอบชอบเพื่อนสนิท ส่วนของเรามีสองเหตุการณ์ที่ชอบเพื่อนสนิทแต่ก็ไม่สมหวัง คือ ครั้งแรก เป็นเพื่อนผู้ชายที่แอบชอบมานานและเราไปคุยกับเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่เราสนิทกัน เพื่อนผู้หญิงคนนั้นเชียร์ให้ไปบอกรักแต่กลับกลายเป็นว่า เพื่อนผู้ชายที่เราไปบอกรักได้บอกกับเราว่า เป็นแฟนกับเพื่อนคนที่เชียร์ให้เราไปบอก ซึ่งตอนนั้น เราเงิบแทบหงายหลังทีเดียวและพอเรามารู้เหตุผลจากเพื่อนผู้หญิงที่สนิทกันบอกว่า อยากให้เราได้ยินจากปากของผู้ชายและเราจะได้ตัดใจ เพราะแม่ฝ่ายผู้ชายออกปากพูดจาว่า "ปลื้มเราตลอด" เพื่อนคนนั้นเลยไม่ชอบและไม่พอใจและทุกอย่างมันก็ "ใช่" เรื่องก็จบตรงที่เราเลิกคบกับเพื่อนผู้หญิงคนนี้ และคิดว่า คงลงกลอนเรื่องความรักแบบเพื่อนสนิทแล้ว
รูปภาพนี้ นั่งลงที่หญ้าแล้วพร้อมดื่มด่ำกับธรรมชาติข้างหน้าอย่างสบาย
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ไปเรียนต่อต่างประเทศ เราแพ้ทางเพื่อนสนิทห้องข้างๆอีก เป็นเด็กหนุ่มอังกฤษนิสัยดี สุภาพ เป็นห่วงเป็นใย ทำดีกับเราสารพัด คุยกันสนุก สุภาพและน่ารัก ดังนั้น เราเปิดประตูหัวใจอีกครั้งที่ริอาจจะรักเพื่อนสนิทอีกครั้งหนึ่ง และเวลาเห็นเขาพาผู้หญิงมานะ เราก็รู้สึกเจ็บปวดไปหมด พระเจ้าช่วยลูกด้วยเถิด วันนั้น เราปรึกษารุ่นพี่แทน และได้คำแนะนำมาว่า รถด่วนขบวนสุดท้ายแล้ว แถมจะใกล้กลับประเทศแล้ว ขอแต่งงานเลย ถ้าเขาชอบเรา เราได้วีซ่าอยู่ต่อด้วย จิตใจเราเริ่มสั่นคลอนและคล้อยตาม ดังนั้น เราตัดสินใจข้ามขั้นตอนบอกรักเป็นขอแต่งงานจริงๆ และใช่ เพื่อนเราเหวอมาก เพื่อนบอกว่า เราแต่งงานกันไม่ได้ เพราะอายุยังไม่ ๑๘ ปี (ยื่นบัตรให้ดูด้วย อะไรอีกแล้วหว่าเนี่ย) เราทั้งสองคนไม่สามารถแต่งงานกันได้ ต้องรออีกสองปีก่อน แล้วถึงค่อยคุยเรื่องนี้กันได้ และนี่ก็คงเป็นการเงิบครั้งที่สองว่า "หา เราชอบเด็กอายุ ๑๖ ปีหรอ" (นี่ก็เศร้าอีกเช่นกัน) และมันคงเป็นไปไม่ได้อีกตามเคยกับรักครั้งนี้ จบค่ะ แยกย้าย แต่อย่าเพิ่งแยกย้ายเรื่องราวในหนังสือค่ะ
สรุปทั้งสองเหตุการณ์ทำให้เราค้นพบรักที่ยั่งยืน รักที่บริสุทธิ์ รักที่ไม่มีใครแย่งของเราไปได้ คือ “รักตัวเอง” และความรักตัวเองไม่ต้องไปขอให้ใครรักด้วย เพราะเราสามารถเติมเต็มส่วนที่ขาดและลดทอนส่วนที่เกินได้ตลอดเวลา แถมอย่างไร เราก็ไม่เจ็บอีกด้วย
รูปภาพนี้ เมืองสวยๆของอิตาลี
ดังนั้น พอได้อ่านหนังสือเล่มนี้ แล้วรู้สึกอินมาก ใช่ ทำไมนะ ทำไม ชีวิตของเราถึงไม่เหมือนนีน่าบ้างนะว่า ถ้าลีโอคือเพื่อนเด็กหนุ่มอังกฤษคนนั้น จะเป็นยังไงนะ ตอนนั้น ถ้าอ่านเล่มนี้ก่อน เราคงไม่ตัดสินใจด่วนได้แบบนั้น แต่เมื่อเลือกแล้ว ชีวิตคงต้องดำเนินต่อไป ฮ่าๆๆ (หัวเราะให้กับโชคชะตาตัวเอง)
รูปภาพนี้ เมืองแห่งโรแมนติก
นีน่าย้ายมาอยู่บ้านเดียวกับลีโอ และเมื่อนีน่าเจอลีโออยู่ทุกวันแล้ว ก็เกิดหลงรัก แต่ก็ไม่กล้าทำอะไร เพราะลีโอเจ้าชู้และพาผู้หญิงมาตลอด ทำให้นีน่ารู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็น
“ใกล้ตัวจนเป็นความเคยชิน”
(หน้า ๓๐)
คำพูดที่ลีโอพูด ทำให้เราเจ็บปวด นั้นสินะ
พอยิ่งอยู่ใกล้ ก็กลายเป็นคนไกลใจไปใช่ไหม
จะทำยังไงก็ได้ เพราะคิดว่า
ยังไงก็เป็นของเราอยู่
เกลียดนัก ตาขี้เก๊ก ลีโอ
จะรักหรือไม่รักก็บอกมานะ
เพราะนีน่า เธอเจ็บปวดเป็นนะ ของขึ้นแทน
รูปภาพนี้ เมืองแห่งชีวิตชีวา
วันหนึ่ง นีน่าไปทำงานที่บ้านของออตโต้ และออตโต้ให้นีน่าเอาของไปส่งให้มาเรียอา ซึ่งนีน่ามีความรู้สึกว่า ทั้งสองคนเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน แต่ทำไมไม่รู้ว่า ทั้งสองกลับไม่คุยกันและทำเป็นไม่รู้จักกัน แต่เพื่อนของนีน่าทั้งสองไม่ค่อยชอบออตโต้ เพราะคิดว่า เขาเอาเปรียบนีน่าอยู่
รูปภาพนี้ เมืองแห่งความงาม
วันหนึ่ง ลีโอมาพูดถึงสาวคนหนึ่งที่ชื่อฟองดาว และทำให้นีน่ารู้สึกเจ็บปวดหลังจากได้ยินจากแองจี้ที่บอกว่า สงสัยลีโอจะหยุดอยู่ที่ฟองดาวแล้ว ซึ่งนีน่าเจอฟองดาว และฟองดาวบอกกับนีน่าว่า ตัวเธอยากจน และอยากได้ลีโอมากเพราะทั้งรวยและหล่อ ซึ่งหลังจากนั้น ฟองดาวก็เป็นตัวกีดขวาง อย่างกับ จระเข้ขวางคลอง ขวางความรักของทั้งคู่
“นางเป็นตัวร้ายที่เรียกว่า แอ๊บแบ๊วและร้ายลึก
คือ นางชอบผู้ชายแบบรวยและทำตัวเหมือนคนน่าสงสาร
ถามว่า มีผู้หญิงแบบนี้ในโลกไหม ขอบอกว่า มี
จริตมารยา ขนมาหมดร้อยเล่มพันเกวียน
และผู้ชายหลายคนก็มักตกหลุมนางด้วย
เพราะนางมาในรูปแบบลูกครึ่ง ดูสวย แต่บ่จี้
และใช้ความใสซื่อเข้าหา เกลียดตัวร้ายแบบนี้มาก
เพราะถ้าเราคิดอยากตบคนแบบนี้
ก็ย่อมหมายความว่า เราร้ายกว่าและเราแพ้
ดังนั้น เราต้องเอาความเป็นนางเอก
มั่นหน้าสู้เข้าไว้ คือเย็นไว้และอภัย”
รูปภาพนี้ เมืองแห่งคุณค่า
จนกระทั่งวันหนึ่ง ลีโอมาชวนนีน่าพร้อมแองจี้ไปช่วยงานแต่งของญาติ เนื่องจาก ญาติอยากให้นีน่าไปช่วยถ่ายรูปแต่งงาน นีน่าและแองจี้ตกลงไป แต่แล้วในวันที่กำลังจะไป ฟองดาวก็ขอติดตามไปด้วย ฟองดาวขอเปลี่ยนชุดของตัวเองกับนีน่าเพื่ออยากเป็นเจ้าหญิงจีน (มีเรื่องราวที่ญาติของลีโอรักเจ้าหญิงจีน และได้แต่งงาน ครองคู่กันอย่างมีความสุข)
และวันนั้นเอง ลีโอก็มาหานีน่าในคราบฟองดาว นีน่าพยายามดัดเสียงให้เหมือนฟองดาว และลีโอพาไปยังสะพานอธิษฐาน โดยที่ทั้งสองคุยกัน และนีน่าเข้าไปจูบลีโอก่อนอธิษฐานว่า
“ถ้าสะพานศักดิ์สิทธิ์จริงดั่งคำเล่าลือ
ขอให้ความรักของหล่อนกับลีโอสมหวัง
ขอให้ครองคู่สุขสมยั่งยืนจวบชั่วอายุขัย”
(หน้า ๑๒๐)
และนีน่าตัดสินใจรีบพลัดออกจากลีโอไป เพราะเข้าใจว่า ลีโอคงคิดว่า ตัวเองเป็นฟองดาว ซึ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับเธอมาก พอทั้งสองคนต้องมาเจอกันในรถ ระหว่างทางกลับกัน เธอก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไร
รูปภาพนี้ ความรักที่เจ็บปวด
เมื่อนีน่ากลับมาก็พบว่า ออตโต้ตายแล้ว และนีน่าคืนหน้ากากให้กับมาเรียอา แต่มาเรียอาบอกว่า ออตโต้ทำให้มาเรียเน ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน รักกัน แต่ไม่กล้าพูดออกไป จนกระทั่งถึงวันที่ มาเรียเนแต่งงานไปและไม่มีความสุข วันนั้น วันที่มาเรียเนกำลังจะตาย ออตโต้ตั้งใจมาบอกรัก แต่ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว สายเกินจนที่ทั้งคู่จะพูดอะไรได้อีกและยิ่งทำให้ทั้งคู่ไม่มีความสุขเข้าไปใหญ่
“เราอ่านตอนนี้แล้วร้องไห้ ไม่รู้ทำไม
เรารู้สึกซึ้งเส้นเรื่องนี้มาก
คือ เราเข้าใจ ความรักของคนที่ไม่ได้บอก
และเรายังยืนยันว่า ถ้าได้บอกรักกัน ถึงแม้เขาไม่รักตอบ
แต่มันปลดล็อกความรู้สึกในใจทั้งหมด
เราเสียดายความรักของสองคน
ที่ไม่อาจหวนกลับคืนมาได้แล้ว”
หลังจากเสร็จงานศพออตโต้ นีน่ายิ่งเศร้าที่เห็นลีโอกับฟองดาว เลยตัดสินใจที่จะกลับประเทศไทย ซึ่งก่อนที่จะกลับ นีน่าตัดสินใจบอกรักกับลีโอ แต่ลีโอไม่พูดอะไร นอกจากบอกว่า เดี๋ยวค่อยคุยกัน นีน่าฝากเบอร์โทรศัพท์ให้
รูปภาพนี้ ความสวยงามของศิลปะ
นีน่ากลับมาเมืองไทย พบเจอคู่หมั้นตัวเองอย่างธนัท แต่ธนัทก็ดำรงตนเป็นพี่ชายที่แสนดีของนีน่าเสมอ และเมื่อเวลาผ่านไป ๕ ปี นีน่าก็ไม่สามารถลืมลีโอได้ แต่ลีโอไม่ยอมติดต่อกลับ
วันหนึ่งนีน่าไปหาแองจี้ที่ต่างประเทศและเจอลีโอ ลีโอบอกนีน่าว่ารักฟองดาวเหมือนน้องสาว และฟองดาวเป็นคนสลับเบอร์โทร ไม่เพียงเท่านั้น ตอนนี้ฟองดาวก็เป็นนักร้องชื่อดังไปแล้ว แต่ใจของเขารักนีน่าไม่มีเปลี่ยน
“ลีโอจ้า เราหมั่นไส้ พ่อรูปหล่อคนนี้มาก
คือ พ่อลักยิ้ม พ่อพูด “เชา”
และไม่ว่าทำอะไร ก็น่าหลงใหล หลงรักไปหมด
แต่พ่อขี้เก๊กคนนี้ที่ทำให้เรื่องราวเลยเถิดมาไกล
และปั่นป่วนหัวใจไปหมด”
เมื่อธนัทอยู่ในเหตุการณ์ก็เข้าใจทุกอย่าง และบอกให้นีน่าทำตามหัวใจตัวเอง ดังนั้น ทั้งคู่ก็ลงเอยด้วยรักกัน ส่วนธนัทที่เป็นผู้เสียสละ ได้ไปเจอรักครั้งใหม่กับแอร์โฮสเตสบนเครื่อง (คิดว่าจะมีภาคต่อไหมนะ เรารออยู่)
“รักจริงไม่ต้องรอให้บอก
ขอเพียงลอกใจมาให้เห็นกัน
ก็คงได้พบกันทุกวัน
ใจของฉันเต็มไปด้วยรักเธอ”
ขอบอกว่า เป็นหนังสือเล่มบางที่อ่านแล้วเจ็บปวดทุกหน้า เราสงสารนีน่ามาก ทำไมลีโอต้องทำแบบนี้ แต่เราสงสารลีโอด้วย เพราะพยายามควงสาว เพื่อดูปฏิกิริยาของนีน่า แต่ก็ไม่เป็นผลสำหรับทั้งคู่ และผลเฉลยเกี่ยวกับสะพานอธิษฐานว่า ลีโอจำได้ไหมว่าเป็นใคร ก็ตามที่ใจเราคิดเลย และเดาถูกว่า พ่อมากเล่ห์มากกลนี้ต้องรู้แน่นอน รู้อะไร ก็คงต้องไปอ่านต่อกันในเล่มนี้ค่ะ
“ความรักที่ทำให้คนตาบอด คือ
ความรักที่ไม่พูดอะไร และไม่แสดงออกอะไร”
Look A Breathe
(Read A Book)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in