ครั้งแรก ตอนเห็นชื่อเรื่องแล้วไม่ค่อยน่าอ่านเท่าไหร่ แถมเราไม่ค่อยถูกโฉลกกับนิยายจีนของนักเขียนจีนและไทยเท่าไหร่ แต่เราตัดสินใจลองหยิบขึ้นมาอ่านดู ปรากฎว่า เราคิดผิดอย่างมาก เพราะเล่มนี้ดันสนุกกว่าไข่มุกเคียงบัลลังก์อีกค่ะ
เรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวที่เราคิดว่า หลายคนน่าจะเดาทางได้ แต่สำหรับเราก็ถือว่า ค่อนข้างเดายากอยู่เหมือนกัน เพราะว่า แนวถูกหลอกแล้วหลอกอีกหลายตลบอยู่
“คุณเชื่อในเรื่องชะตาฟ้าลิขิตไหม”
รูปภาพนี้ สิ่งสำคัญคือสิ่งที่เรามองไม่เห็น
เธอควรที่จะต้องตายไปแล้ว ตายไปพร้อมกับเครื่องบินลำนั้นที่ตกลงมา แต่ทำไมนะ เธอถึงกลับยังไม่ตาย และมาเข้าในร่างของหญิงผู้หนึ่งที่มีนามว่า
“หมิงจิว”
เปรียบดั่ง
“ไม่มีใครรู้อะไรที่แน่ชัดว่า
ชีวิตลาเดินทางไปไหน
แล้วฉันต้องเดินทางไปพบกับใคร
พบผู้ใดแล้วชีวิตถึงจะดี”
รูปภาพนี้ ขอกอดเขาสักครั้ง
หมิงจิวมาอยู่ในร่างของเด็กสาวขอทาน เธอรู้จิตใจคน และที่ถูกจับไปเป็นทาสและถูกทุบตี ทั้งยังถูกเอาไปขาย แต่ไม่มีคนยอมซื้อ ในขณะที่กำลังจะถูกทำร้าย ก็ได้มีชายผู้หนึ่งมาช่วยไว้ ก่อนที่เธอคิดว่า สงสัยว่า เธอไม่สามารถตอบแทนเขาได้แล้ว ดังนั้น เธอขอตอบแทนบุญคุณเขาในชาติต่อไป ถ้าหากเธอยังมีลมหายใจอยู่ และเธอถูกกลืนไปกับทะเล (แต่เธอรอด)
วันหนึ่ง เธอได้คุยกับเพื่อนหมอดูคนสนิท และเพื่อนหมอดูทักว่า ถ้าเธออยากหายปวดหัว ให้เธอต้องอยู่ใกล้ๆกับคนที่มีบาดแผลเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ซึ่งในวันนั้น เธอเจอเขาผู้นั้น เขาคือ สวี่ป๋อเย่ว หรือ “ยักษ์แดงแห่งต้าไป๋” ซึ่งเมื่อหมิงจิว เธอได้เข้าไปกอดและอาการปวดหัวของเธอก็ดีขึ้น
(สวี่ป๋อเย่วดูตลกมาก ดูเคร่งขรึม
แต่ในใจคิดก็ทำให้เราขำ
การแสดงออกที่ดูภายนอกจะไม่สน
แต่ในใจเต็มไปด้วยคิดว่า
ข้าเหมือนพ่อเจ้าตรงไหน และไม่เพียงเท่านั้น
จริงๆภายในเขาก็กำลังร้อนรุ่มด้วยความสนใจ)
รูปภาพนี้ ขอให้ได้รักกันตลอดไป
หมิงจิวจึงปลอมตัวเป็นชายเข้ามาสมัครเป็นทหาร และโดยการช่วยเหลือของรองแม่ทัพ เธอจึงได้เข้ามา เธอฝึกหนักมาก และเธอเผลอไปกอดสวี่ป๋อเย่ว จนทำให้เธอถูกทำโทษที่ทำให้เขาอาย โดยการฝั่งหัวออกมาจากดิน และเมื่อเธอไม่สบาย สวี่ป๋อเย่วตัดสินใจให้เธอกอดเขาได้แค่แขน
วันหนึ่งมีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้น หมิงจิวใช้ความสามารถของเธอที่อ่านใจคนได้ช่วยแก้ไขสถานการณ์จนจับคนร้ายได้ และเธอยังสามารถทำอาหารออกมาถูกปากแม่ทัพและทุกคนในค่ายได้อีก
เมื่อวันหนึ่งที่เธอไปสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับสวี่ป๋อเย่ว หมิงจิวพบว่า สวี่ป๋อเย่วคือผู้มีพระคุณที่ช่วยเธอ และเธอยอมรับดาบแทนเขา จนสวี่ป๋อเย่วได้รู้ว่าเธอเป็นหญิง
(เรื่องนี้ หมิงจิวรุกเต็มที่ แบบว่า
คือสวี่ป๋อเย่วเป็นผู้ชายของข้าคนเดียว
เธอทั้งต้องการ เธอทั้งไม่ต้องการยกเขาให้ใคร
เเละเธอต้องทำทุกอย่างเพื่อจะได้กอดเขาตลอดไป)
รูปภาพนี้ ฉันมาทวงคำสัญญา
สวี่ป๋อเย่วแอบดีใจมากที่หมิงจิวเป็นหญิง เพราะดันทั้งรัก ทั้งเอ็นดู และยิ่งรู้ว่า จริงๆแล้ว หมิงจิวก็ชอบตนอยู่และเห็นว่าตนเป็นคนสำคัญก็ยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่ หลังจากนั้น เขาก็เริ่มรุกเธอหนักขึ้น จนวันหนึ่งที่ได้เสียกัน และหมิงจิวก็หายตัวไป
(พอหลังจากที่สวี่ป๋อเย่วรู้ความจริงเท่านั้นล่ะ
พระเอกสายรุกก็รุกเข้ามาเต็มที่พร้อมคลั่งรัก
จนไม่มีที่เหลืออะไรให้กับหมิงจิวที่จะรุก
และหมิงจิวเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว)
ผ่านไปสี่ปี สวี่ป๋อเย่วตามยายกลับมาที่บ้านเกิดและพบกับหมิงจิวอีกครั้ง แต่ในนามใหม่ว่า “จูหมิงอี้” พร้อมกับลูก ซึ่งเขามั่นใจว่า คือเธอ และเมื่อเขาได้ฟังเรื่องเธอว่า พ่อของเธอไปเจอเธอที่ไหน และเธอความจำเสื่อม เขาก็บอกกับทุกคนว่า เขาคือพ่อของเด็ก และเล่าเรื่องให้ฟัง
วันหนึ่ง จูหมิงอี้เริ่มจำความได้ว่า เคยเจอสวี่ป๋อเย่วมาตอนเด็ก และเป็นคนทำให้เขาได้รับบาดแผลนี้ก่อนจะมีคำมั่นสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ดังนั้น สวี่ป๋อเย่วจึงมีโรคประหลาดที่ไม่สามารถจับผู้หญิงได้ และผู้หญิงคนไหนอยู่กับเขาก็ตายหมด เปรียบเหมือนเมียแปดคนที่ตายไป ส่วนจูหมิงอี้ตัวจริงได้ตายไปแล้ว แต่ได้ไปเรียกวิญญาณจูหมิงอี้ในภพปัจจุบันที่ตายเหมือนกันให้มาเข้าร่านี้แทน
(สวี่ป๋อเย่วดน่ารักมาก เป็นพระเอกที่แนวแบบว่า
คือใครอยู่ด้วยก็ต้องหลงรัก
เพราะว่า ทั้งเอาใจใส่ ดูเเล ปกป้อง
แต่เพราะเป็นแม่ทัพก็ไม่กล้าแสดงออก
แต่เมื่ออยู่ในที่ๆจะแสดงออกได้ ก็แสดงออกเต็มที่)
ทั้งสองคนได้รักกัน หลังจากที่สู้รอนแรม ค้นหากันมานาน และเมื่อคำมั่นสัญญาเรียกทั้งสองได้กลับมารักกันอีกครั้ง และจะรักกันตลอดไป
“เวลาที่เราได้อยู่กับคนที่เรารักและรักเรา
ย่อมเป็นเวลาที่ควรเก็บไว้ เพราะมันมีค่าที่สุด”
Look A Breathe
(LAB)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in